.........
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ การใช้อำนาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพ นี่คือ ม็อตโต้ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ... ส่วน NGO (บางแห่ง) ผมไม่แน่ใจว่าเขาทำภารกิจอะไรบ้าง
ตามเนื้อข่าวที่ที่พี่ CODA แปะไว้ มีแต่ NGO เคลื่อนไหว คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไม่เกี่ยว
แต่เรื่องคอขาดบาดตายของสังคมและบ้านเมือง นักมนุษย์ฯ NGO อย่าพูดให้เข้าทางโจรเลยครับ แกล้งโง่เพื่อชาติซะบ้าง
นานๆ จะเห็นการเรียกร้องโจรให้เคารพสิทธิมนุษยชนซักที ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ พี่สาเก

ตรงนี้ ที่ผมไม่ชอบมากๆ
มนุษย์ต้องรู้จักพูด และรู้จักไม่พูด ผมไม่พูดต่อแล้ว แต่จะเข้ามาอ่านอย่างเดียว
ขอเขียนอะไร? ยาวๆหน่อยน่ะครับ....ถ้าเอา "มะพร้าวห้าวมาขายสวน" คงไม่ว่ากันเน้อ!!
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนน่ะครับ..แม้นไม่เคยรู้จักกัน แต่อ่านผ่านการเขียนมาหลายครั้ง
โดยส่วนตัว ด้วยใจจริง "
คุณ pimuk" เป็นสมาชิกท่านหนึ่ง ที่ผมค่อนข้างชอบและนับถือ ครับ..

ผมอยากให้ มาคุยกันเล่นๆน่ะครับ ..ก่อนอื่นอยากให้ตัดประเด็นที่กำลังเป็นประเด็นออกไปก่อน
เพราะถ้ายังเกี่ยวไปยึดติด มันจะเกิดเป็น 2 ประเด็น คือเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย กับสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าว
ผมอยากให้มองไปที่ คู่กรณีระหว่าง "
จนท. ตำรวจ" หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องฯ กับ "
นักสิทธิมนุษยชน"ส่วนในประเด็นของหน่วยงานที่เป็นองค์กรอิสระของรัฐ เช่น "คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ "
โดยบทบาทและหน้าที่ จะมีระบุค่อนข้างชัดเจนในกฎหมาย คงไม่ขอกล่าวถึงน่ะครับ
ส่วน NGO ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง "สิทธิมนุษยชน" ในความเป็นจริงแล้วพวกนี้ส่วนใหญ่
เน้นน่ะครับว่าส่วนใหญ่ จะมีเครือข่ายเกี่ยวข้องกันในลักษณะสากล เพราะแนวคิดของเรื่องสิทธิมนุษยชน
ส่วนหนึ่งมักจะมีการพัฒนามาจากการพยายาม ที่มนุษย์ ทุกคนคิดว่า ตัวเองมีศักดิศรีและต้องได้รับความเคารพจากผู้อื่น
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์เรา แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ โดยเฉพาะการใช้อำนาจทีมาจากประชาชน
และไม่เว็นแม้ประเทศเผด็จการเช่นกัน และมีการระบุไว้ชัดเจนใน "
ปฎิญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน"ซึ่งรัฐธรรมนูธของเราเอง ก็เขียนตามหลักปฎิญญาสากลฯ ดังกล่าว ซึ่งผมเข้าใจเอาเองว่า ประเทศเราเองก็เป็นสมาชิกดังกล่าวด้วย
ขอต่อน่ะครับ..ในเมื่อไม่ใช่ สิ่งที่ตามมาคือการเรียกร้อง การต่อสู้ เพื่อหาสิทธิความเสมอภาค เพื่อปกป้องสิทธิ
ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ สุดท้ายเกิดการร่วมกลุ่ม ขยายแนวร่วม จนกระทั่งมีการผลักดันให้ตราเป็นกฎหมาย
และกฎบัญญัติต่างๆขึ้นมา มีเครือข่ายและจัดตั้ง ทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยมีจุดมุ่งหมายไม่ต่างกัน
เฉกเช่น องค์กรสิทธิสตรี , องค์กรเกี่ยวกับเด็ก หรือองค์กรด้านแรงงาน ฯลฯ
ความเหมือนที่ไม่ต่างกัน คือ การลดหรือการใช้ความรุนแรงที่ไม่ถูกต้อง และละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์
ส่วนความต่างแต่ล่ะองค์กรคงจะอยู่ที่ คู่กรณีเท่านั่น โดนเฉพาะ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับ สิทธิมนุษยชน
โดยจุดมุ่งหมายหลักเน้นและจับตามองเฉพาะในประเด็นของการใช้อำนาจรัฐ ต่อประชาชนในรัฐนั่นๆ
ตัวอย่างง่ายๆ คือ ประเด็น
กรณีกรือแซะ , กรณีตากใบและ ไม่เว็นแม้กระทั่งกรณียาเสพติด 2500 ศพ
และล่าสุดกรณี พ.ค. 53 ที่ผ่านมา ฯลฯ ที่นี้ประเด็นที่เกิดขึ้น จะเป็น NGO กลุ่มไหน ( ส่วนในภาครัฐบ้านเรา
ผมไม่ขอเขียนถึงน่ะครับ...เหตุผลเพราะขาดบทบาทและผลงานที่แท้จริงในหลายยุคที่ผ่านมา) ก็คงขึ้นอยู่ปัจจัย
และเหตุผล หรือการมองประเด็นนั่นว่า เป็นการใช้อำนาจรัฐ หรือเป็นการก่อการร้าย หรืออาชญากรรมทั่วไป
ส่วนประเด็นหรือวาระซ่อนเร็น คงไม่ขอกล่าวถึงครับ
จริงอยู่บางเหตุการ์ณ เราอาจจะเห็นด้วย ( ด้วยใจจริง ประเด็น "ไอ้โจ๊ก" ผมเห็นด้วยตามคลิปครับ ..

)
และบางเหตุการ์ณเราอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ในเมื่อมีคู่กรณี ย่อมมีประเด็นที่เห็นต่าง ไม่ว่าจะอย่างไร?เสีย
เราตัองยอมรับ ความต่างในบางประเด็น ที่ทุกคนมีสิทธิใช้ช่องทางของกฎหมายและเล่นกันตามบทบาทด้วยกันทั้งสิ้น
ไม่เว็นแม้แต่กรณีนี้ แต่สิ่งที่ยากกว่านั่นสำหรับบ้านเราคือ โอกาสและสิทธิสำหรับบ้านเรา มันไม่เท่ากันต่างหาก
โดยส่วนตัวประเด็นที่มีกลุ่มคนออกมาเรียกร้อง ผมไม่คิดว่าเป็นการชี้ช่องให้โจรหรือผู้กระทำผิด
เพราะในที่สุดแล้ว กระบวนการของกฎหมายและศาลจะเป็นผู้กำหนด แต่ผมกลับมองว่า เป็นความบริสุทธิใจ
และความโปร่งใสในแง่ของภาพพจน์ ของกระบวนการยุติธรรมบ้านเรามากกว่าถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะออกด้านใดด้านหนึ่งก็ตาม
แต่เท่าที่ผ่านมา ในบ้านเราส่วนใหญ่จะเป็นอย่างเช่นที่พวกเราหลายคนคิด
สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมด เพียงแค่ไม่อยากให้เราหลงประเด็นไปกับบทบาทของ กลุ่มคนที่เรียกว่า "นักสิทธิมนุษยชน"
ไม่ชอบใจกับสิ่งที่เขาทำเราแสดงออกได้ แต่อย่าไปหลงบทบาทของเขา ส่วนมีอะไรเบื้องหน้าเบื้องหลังก็คงอีกประเด็นหนึ่งครับ
สุดท้ายขออนุญาตยืมคำของ "
คุณAkira " หน่อยครับ... "งานนี้ผมไม่ได้ว่าทั้ง จนท. และพวกสิทธิฯนะ ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างทำงาน ถือว่าชื่นชมทั้งคู่ละกัน"...
