อีตาตุ๊บ้านี่ รางวัลก็ไม่ได้ ยังเอารูปมาประจานกันซะได้

กระดาษที่เค้ามอบให้เป็นใบประกาศว่าได้เข้าร่วมการแข่งขัน ยิงปืนไรเฟิลชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ SEAL RIFLE SHOOTING 2010 ใครเข้าแข่งได้รับทุกคนครับ

ไม่จริงหรอก ต้องคนมีเงินถังมีเงินเหลือใช้จนไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้วจึงจะเข้าไปแข่งแบบนี้ได้
ใจคอจะบอกว่าต้อง โง่ ด้วยใช่เปล่าครับ

หมดหลายตังค์อยู่ครับ ทั้งลูก ทั้งเป้า ยิงตั้งกะเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น

อย่าบ้องตื้นสิ ถ้าเป็นคนโง่จริงก็คงไม่มีเงินมาเสกให้เป็นควันเล่นแบบนี้หรอก
คนจะค้าขายได้ เป็นเจ้าของธุรกิจ เขาว่าต้องมีไอคิวมากกว่าดอกเตอร์หลายคนเลยนะ
เพราะการค้าขายมันละเอียดลึกซึ้งกว่าที่เห็นเยอะครับต้องคนฉลาดจึงจะทำได้
คุณศักดาอย่าคิดมากสิ
บ้านผมค้าขายมาก่อน ผมก็ค้าขายจนเจ็งมาหลายรอบ จุดอ่อนผมคือความไว้เนื้อเชื่อใจคนมากเกินไป
เพราะเข้าใจว่าเรารักษาวาจา เขาก็น่าจะรักษาวาจาเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่
เรื่องรักษาวาจา ผมเองก็เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ถ้าคืนคำมันอายตัวเองครับ
สมัยผมอายุ 17 ปี กลับมาเรียนที่เชียงใหม่ พ่อจ้างฝรั่งมาสอนอังกฤษตัวต่อตัวที่บ้าน
จ้างนักศึกษาเอกอังกฤษมอชอ มาสอนที่บ้าน สลับกันมาคนละวัน ผมพูดภาษาอังกฤษพอได้
ต่อมา ผมก็มีคนรักเป็นลูกครึ่งเยอรมัน ผมหัดภาษาเยอรมันในขณะที่เธอก็หัดภาษาไทยแลกเปลี่ยนกัน
วันหนึ่งเพื่อนผมพาเพื่อนมันมาเที่ยวที่บ้าน ไอ้เพื่อนของเพื่อนคนนี้ มันเป็นนักดนตรีมือใหม่
ผมก็เคยพูดคุยกันมากก่อนหลายครั้งแล้ว วันนั้นมันมาเห็นแฟนผมนั่งเฝ้าผมซ่อมมอเตอร์ไซต์
มันก็นึกชอบ และแอบถามผมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ผมก็ตอบไปว่าใครไม่รู้สิชอบมานั่งดูผมซ่อมมอเตอร์ไซต์
ผมตอบไปอย่างนั้น มันก็บอกว่าจะจีบได้ไหม ผมก็ว่าถ้าจีบได้ก็จีบสิ
แล้วมันก็เริ่มมาบ้านผมบ่อย ผมเองก็ทำไม่สนใจเพราะอยากดูว่าฝรั่งจะเป็นยังไง
ผลหรือครับ ไอ้เพื่อนของเพื่อนมันพาซ้อนท้ายไปเที่ยวโน้นเที่ยวนี้ จนลืมผมไปเลย
ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็ปล่อยไปและก็เที่ยวไปตามเรื่องของผม
ไม่ถึงอาทิตย์ฝรั่งลูกครึ่งก็กลับมาหาผมบอกว่า เสียใจกับเรืองที่เกิดขึ้น อยากให้มาเริ่มต้นกันใหม่
ได้ไหม ผมบอกว่าผมก็เสียใจเหมือนกัน ยูเป็นคนไปก่อนยูก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ยูทำ
ส่วนเพื่อนของเพื่อนหลังจากนั้นก็กินเหล้าเมามาย ร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายรำพึงทำนองว่า
ถูกแฟนฝรั่งทิ้ง กินเหล้าทุกวันจนจะเสียผู้เสียคน แล้วตอนมันเมามันก็เสือกมาบ้านผมบ่อยเสียด้วย
ช่วงนั้นผมก็ได้เพื่อนใหม่ต่างชาติอีกคน ภายหลังเป็นเพื่อนตายก็ว่าได้ เป็นชาวต่างชาติ พูดซะโก้
ถ้าพูดตรง ๆ ก็เป็นแม้วนั้นแหละ ผมเร่ิมเที่ยวชายแดนตะเข็บไทยพม่าบ่อยขึ้น
เคยเดินอยู่ในคราวานขนฝิ่นตามสันเขา ก็สนุกไปอีกแบบตามความคิดของวัยรุ่น
ที่รอดมาได้ก็เพราะอายุยังน้อย พวกขนฝิ่นเห็นก็รู้ว่าเด็กวัยรุ่นไม่ใช่สายสืบอะไรหรอก
แถมยังเป็นเพื่อนของนายร้อยอีกต่างหาก เวลานายร้อยคนนี้มาเที่ยวในเมือง
ผมมักจะพาซ้อนไปซื้อของตามที่ต่าง ๆ เป็นที่ถูกใจเพื่อนอย่างมาก ของที่มีค่าในตอนนั้นคือเกลือ
ผมเที่ยวชายแดนได้หลายปี การยิงปืนเพื่อนคนนี้ก็เป็นคนสอนให้ผม
การยิงปืนแบบสไนเปอร์ก็สอนผมหมด เขาพาผมไปนอนซุ่มอยู่กับที่รอดูอะไรสักอย่าง
เกือบสิบสองชั่วโมง เบาะก็สักครึ่งวัน บางทีเดินป่ากันทั้งคืน ผมเองก็อยากเอาชนะเขาจึงทำตามทุกอย่าง
เดินตามไปทุกที่ ไปบ่อย ๆ ก็รู้สึกว่าได้แอบมีความรักทางใจกับสาวแม้วบางคน ก็ได้แต่แอบมองหน้ากัน
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเรารักกันไม่ได้ หากทำผิดอาจโดนยิงทิ้งได้ง่าย ๆ
สำหรับผมก็ไม่คิดอะไรมากเพราะเข้าใจว่าเขามีคนเผ่าเดียวกันหมายปองอยู่แล้ว
จึงเฉย ๆ ไว้
จนถึงทุกวันนี้ผมยังสงสัยว่า ใครกันที่วางระเบิดบ้านหลังนั้น
บางที่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นพ่อหรือเปล่าที่ไม่อยากให้ผมคบกับคนพวกนั้น
หรือว่าเขาหักหลังกันเอง มันคิดไปเรื่อยเปื่อยจับต้นชนปลายไม่ถูก
ก่อนหน้านั้นผมได้ถูกแนะนำให้มารู้จักกับตำรวจผู้ใหญ่คนหนึ่ง
มีปืนเยอะมาก ในบ้านมีลังระเบิด ปืนเอ็มสิบหก ปืนอะไรต่ออะไรเยอะไปหมด
ปืนส่งซ่อม ปืนซ่อมเสร็จแล้ว ปืนราชการ ปืน ปืน ปืน ปืน
ผมนอนหลับท่ามกลางปืนนานาชนิด ตื่นก็กลับบ้านไปอาบน้ำเรียน
ตกเย็นก็ทานข้าวเสร็จก็มาบ้านที่มีปืน บางที่ก็มาทานข้าวกับกลุ่มตำรวจกลุ่มนี้
ผมเป็นเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบหรอกครับ
พวกน้า ๆ แสดง การขึ้นลำเลื่อนปืน 11 มม. มือเดียว หรือโดยการกระแทกศอกกับโต๊ะ หรือการรั้งกับเข็มชัด
แล้วแต่ใครถนัดอะไร การแกะหมุนหัวระเบิดมือหมุนเอาดินระเบิดออก ก็ทำกันกลางโต๊ะทานข้าว
ดูมันเป็นเรื่องง่าย ๆ นั่งทานข้าวกันอยู่ น้าบางคนก็ลองปืนยิงออกนอกหน้าต่างไปทีปุ่มต้นทองหลาง
การรมดำปืนก็ทำกันที่โรงรถ แต่งปืนก็ขึ้นไปชั้นสอง รถจี๊บหลายคันจอดอยู่ใต้ถุน
ผมรู้สึกสนุกกับปืนมากในตอนนั้น กระสุนมีมากมายให้ยิงเล่น และผมก็ได้เป็นเจ้าของปืนในขณะที่อายุ
ยังไม่ถึงยี่สิบปี เป็นปืน .22 wmr อันชูส แมกกาซีน 4 นัด ติดกล้องเล็ง 24 เท่า หน้าเลนส์ไม่ถึง 40 มม
กฏหมายเขาคงศึกษามาดีแล้วกระมังที่กำหนดให้อายุเกิน 25 ปี จึงขอปืนได้
ผมแต่อายุไม่ถึงยี่สิบปีก็มีปืนเป็นของตัวเองแล้ว พอเพือนมีเรื่องราวถ้าพวกมันมากกว่า
ผมก็มักจะเอาปืนออกไปยิงหลอดไฟกลางห้องในบ้าน ยิงกรอบรูปบนฝาผนัง
นี่หละครับวัยรุ่นมักทำอะไรที่ไม่คิด ทุกวันนี้หากผมพบพวกนักเรียนช่างผมมักจะห่าง ๆ
หรือเลี่ยงพวกมันไว้ก่อน เพราะมันทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง
ตอนนั้นน้องชายผมก็มีกลุ่มของเขา ผมเองชอบเที่ยวคนเดียว พอเพื่อนน้องชายถูก
จับนอนในกระโปรงหลังรถและเผาทั้งเป็นในสวนลำใย เราก็เริ่มรู้ว่ามีศัตรูที่มองไม่เห็นแล้ว
กลุ่มจึงแยกสลายตัวกันไป งานนั้นก็คิดว่าเพือนน้องคงไปซ่ากับรุ่นเดอะเข้า กลุ่มก็เลยเลิกรากันไป
ผมมักจะบังเอิญต้องใกล้ตำรวจอยู่บ่อย ๆ ตอนนั้นไปจีบผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าพ่อเขาเป็นสันติบาล
พอหญิงชวนไปเที่ยวอุดร ผมก็ไปขับรถไปกันเองสองคน พอไปถึงพักได้สักวัน พ่อของหญิงก็บอกว่า
ให้ไปส่งรับรถที่อู่ มีเพื่อนพ่อนั่งรถไปด้วยอีก สองคน เป็นสันติบาลหมด ขับรถไปดี ๆ มีสิบล้อตัดหน้า
ผมเบรคจนรถส่าย ไม่อยากเชื่อว่าหนึ่งในนั้นกดปุ่มเปิดกระจกรถ ยิงปืนไปที่รถสิบล้อจนหมดแมก
หรืออาจยิงขึ้นฟ้าก็ได้นะ ยังไม่สาแก่ใจ บอกให้ผมกลับรถตาม แต่พ่อหญิงบอกว่าแค่นี้ก็พอแล้ว
ผมส่งเสร็จก็กลับไปหาหญิงยังหูอื้อไม่หาย เออสันติบาลเวลาโมโหก็ไม่คิดหน้าคิดหลังเหมือนพวกวัยรุ่นนะ
ช่วงนั้นน้องชายก็มีแฟน พ่อแฟนดันเป็นตำรวจอีก นำกำลังเข้าปราบพวกยาเสพติดยิงต่อสู้กัน
จับคนร้ายได้หลายคน พวกคนร้านก็เป็นพวกเพื่อนของเพื่อนต่างแดนที่ผมเคยเห็นหน้าบ่อย
หลังจากนั้นไม่นานบ้านเพื่อนถูกระเบิดถล่มที่ฟ้าฮ่าม (คุณตุ้ยน่าจะทันได้เห็นข่าวนะ) ผมก็ไม่เคยได้
พบเพื่อนคนนี้อีกเลย ก็คิดว่าคงจะหายไปกับแรงระเบิด เสียงระเบิดไกลไปถึงแม่ริม
ถึงบ้านผมที่อยู่ห่างไปนับสิบกิโลเมตร บ้านหายไปหมดหลัง ต้นไม้ล้มหมด บ้านข้างเคียง
ชั้นสองเหลือแต่เสา ฝาบ้านปลิวหายไปหมด ผมไปดูที่เกิดเหต เห็นชาวบ้านกำลังสอย
อะไรสักอย่างลงจากต้นไม้ เขาบอกว่าเป็นไส้คน
จากเหตการณ์นี้ทำให้ผมเริ่มกลับมาตั้งใจเรียนต่ออีกครั้ง จนมาเป็นอย่างทุกวันนี้
ถ้าไม่งั้นอาจถูกชักนำให้กลายเป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติดก็เป็นได้
นิทานก่อนนอน เล่าตามความที่พอจำได้ลาง ๆ ครับ