1. ราคา ปืน และ กระสุน
ปืน .17 HMR ราคาแพงกว่า .22 หรือ .22 แม็กนั่ม ประมาณ 1 เท่าตัว
และ ราคากระสุนแพงกว่า .22 ประมาณ 10 เท่า และ แพงกว่า .22 แม็กนั่ม 3 เท่า
2. ร้านที่จำหน่าย
มี 1-2 ร้านเท่านั้น และ มีเป็นพักๆ 2-3 กระบอก
3. ประสิทธิภาพของปืน (ผู้ที่ได้ทดลองแล้ว)
น่าจะหมายถึงประสิทธิภาพของกระสุนมากกว่า ตัวปืนเอง
บอกได้อย่างมั่นใจเลยว่า .17 HMR ถ้าไม่ล้างลำกล้องทุกๆ 5-10 นัด ปลอกแตกคารังเพลิงเกือบทุกนัด
4. เปรียบเทียบระหว่าง .17HMR กับ .22 magnum ข้อดี ข้อเสีย ระหว่างปืนทั้งสองกระบอก
.17 HMR น่าจะวูบวาบได้ซักพัก แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เนื่องจาก.....
1. ไม่ใช่กระสุนที่ใช้ในปืนสั้น .22 แม็กนั่ม ที่ยังมีปืนใช้กระสุนขนาดนี้อยู่เยอะแยะในตลาดปืนยาว และ ปืนสั้น
2. ไม่ใช่กระสุนที่ใช้ในปืนออตโต้ได้เหมือน .22 แม็กนั่ม (ดูข้อ 7.)
3. ไม่มีสัตว์ศัตรูพืชไร่ให้ล่า (ไม่สามารถดึงเอาความโดดเด่นของ .17 มาใช้ได้เต็มที่) ถึงมีให้ล่า ใช้ .22LR ก็ยังถูกกว่าอยู่ดี
4. ซื้อมายิงเป้ากระดาษระยะ 100-200 เมตร ก็ทำได้แค่ยิงโชว์ความเรียบของวิถีกระสุน
แต่ลงยิงแข่งในสนามทราบระยะ ยังไงก็ไม่ได้กลุ่ม ฝึกได้ไม่บ่อย ไม่คุ้มเท่า .22LR
5. แผลยิง .17 HMR เวอะหวะ ถูกใจพรานกรุง แต่พรานบ้านป่าบอกว่า "เสียของ" เนื้อหนังกระจุยกระจาย รวมทั้งกระสุนแพง + หายาก
6. ชนิดกระสุนมีให้เลือกน้อย หรือ ไม่มีทางเลือกเลยว่าจะหายี่ห้อหัวไหนใช้ได้ดีกับปืนของตัวเอง
แค่หาได้ก็แทบต้องจัดเครื่องพานพุ่มไหว้ ขอซื้อกระสุนแล้วครับ
7. .17 HMR เป็นกระสุน (กระสุนคอขวด) แรงดันสูง แต่ ประสิทธิภาพการเผาไหม้ต่ำ จึงมีดิน และเขม่าตกค้างมาก ค่อนข้างสกปรก
ต้องล้างลำกล้อง+รังเพลิงบ่อยๆ ไม่งั้นปลอกแตกขาดคารังเพลิงง่ายๆ (โรงงานถึงมีข้อห้ามไม่ให้ใช้ .17 กับปืนออตโต้)
.17 HMR เป็นปืนรักเจ้าของ ได้เป็นเจ้าของแล้ว คงจะอยู้ด้วยกันนานครับ

