การปะทะกันระหว่า่งไทยและกัมพูชา

- ถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัดแล้ว กองทัพไทยมีศักยภาพและแสนยานุภาพมากกว่ากองทัพกัมพูชาค่อนข้างมาก เนื่องจากกองทัพบกไทยมียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยและมีจำนวนมากกว่าฝ่ายกัมพูชามากพอสมควร นอกจากนั้นนายทหารของไทยยังมีโอกาสได้รับการศึกษาจากต่างประเทศและมีโอกาสฝึกร่วมกับต่างประเทศที่มีประสบการณ์และมีศักยภาพในการรบจริงหลายประเทศเป็นประจำทุกปี กองทัพเรือไทยก็มีขนาดและเทคโนโลที่สูงกว่ากองทัพเรือกัมพูชาหลายเท่า เนื่องจากกองทัพเรือกัมพูชาทั้งกองทัพมีขนาดเล็กกว่ากองเรือตรวจอ่าวของกองทัพเรือไทยด้วยซ้ำ ส่วนกองทัพอากาศกัมพูชานั้น แม้จะมีเครื่องบินขับไล่อยู่แต่ไม่สามารถใช้งานได้มานานหลายปีแล้ว ที่มีอยู่มีแต่เครื่องบินฝึกและเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งต่างจากกองทัพอากาศไทยที่มีเครื่องบินที่ใช้ในการรบได้มากกว่า 100 ลำโดยสิ้นเชิง

- ตามคำกล่าวของโฆษกกองทัพบกไทย ในครั้งนี้กองทัพไทยยังไม่มีการใช้กำลังทางอากาศเข้าทำการรบ แม้จะมีการเตรียมพร้อมขั้นสูงสุดตามคำสั่งของรัฐบาลก็ตาม เนื่องจากกัมพูชาต้องการยั่วยุให้กองทัพไทยเปิดสงครามขนาดใหญ่กับกองทัพกัมพูชา โดยเฉพาะการโจมตีเป้าหมายพลเรือนของไทยไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านหรือโรงเรียนบ้านภูมิซรอล ซึ่งวิเคราะห์ว่าอาจจะต้องการยั่วยุให้ไทยเปิดสงครามเต็มรูปแบบกับกัมพูชา เพื่อที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับกัมพูชาการในดึงสหประชาชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะทั้งเป็นตัวกลางและจนถึงการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าสู่พื้นที่แบบดาร์ฟูหรือโมกาดิชู แต่ที่ผ่านมาและรวมถึงครั้งนี้กองทัพไทยยังไม่ตกหลุมพรางนี้ และสังเกตุจากท่าทีของสหประชาชาติและนานาชาติที่ต้องการให้ไทยและกัมพูชาเจรจากันในระดับทวีภาคีซึ่งตรงตามจุดยืนของเรามาเป็นเวลาหลายปี

- เทียยง่าย ๆ ว่าตอนนี้ไทยเหมือนพี่ใหญ่ ถ้าไปรังแกคนที่เด็กกว่า ไปรังแกเขาจนปางตาย ก็อาจจะถูกใครมาห้ามมวยได้ถ้าเด็กไปฟ้องใคร สิ่งที่ต้องทำคือสั่งสอนเด็กให้พอจำ และเอาเด็กมานั่งคุยกันโดยไม่ต้องให้ผู้ใหญ่คนอื่นมายุ่ง อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า การทหารและการต่างประเทศไม่สามารถทำอะไรด้วยความสะใจเพียงอย่างเดียว เพราะมีมิติที่ต้องสนใจมากมาย เนื่องจากในสมัยนี้ไม่ใช่รบชนะและยึดดินแดนได้ก็จะจบ แบบอิสราเอลซึ่งรบชนะอาหรับและได้ดินแดนมามากมาย แต่สุดท้ายก็ต้องคืนดินแดนส่วนใหญ่กลับไปหลังสงคราม

- ในการรบครั้งนี้ แม้จะยังไม่ได้ใช้ศักยภาพเต็มที่ แต่กองทัพบกไทยก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายกัมพูชาได้มาก นอกจากความทันสมัยของยุทโธปกรณ์แล้ว สายการบังคับบัญชาของกองทัพไทยยังมีสายการบังคับบัญชาที่มีประสิทธิภาพ กำลังพลได้รับการฝึกมาอย่างดี มีวินัยและปฏิบัติตามแผนการที่วางไว้อย่างเคร่งครัด การดำเนินการรบจึงทำได้ตามแผนที่วางไว้ และมีความสูญเสียน้อยมากกว่าทุกครั้ง แม้ว่าจะเป็นการปะทะขนาดใหญ่มากก็ตาม

- ฝ่ายกัมพูชาแม้จะทำการยิงปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้องเข้ามายังฝั่งไทยเป็นจำนวนมาก ก็สร้างความเสียหายกับชีวิตคนได้ไม่มากนัก

- ผู้ที่มีบทบาทหลักในการปกป้องอธิปไตยในครั้งนี้ นอกจากหน่วยกำลังรบและหน่วยสนับสนุนต่าง ๆ ของกองทัพบกแล้วนั้น ต้องถือว่าหน่วยทหารปืนใหญ่ของไทยได้แสดงให้เห็นศักยภาพของทหารปืนใหญ่ไทย เนื่องจากการยิงปืนใหญ่ของกองทัพบกสามารถให้การสนับสนุนกำลังของทหารราบอย่างได้ผล รวมถึงการทำการยิงนั้นมีความแม่นยำสูง ต่างจากปืนใหญ่ของกัมพูชาที่มีระบบตรวจการณ์ที่ยังไม่ดีนัก และมักจะใช้ BM-21 ซึ่งเป็นจรวดหลายลำกล้องที่มีความแม่นยำไม่สูงนัก ซึ่งสังเกตุเห็นได้จากการปะทะครั้งที่สามที่กระสุนตกกระจัดกระจายค่อนข้างมาก

- ยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ของทางกองทัพไทยนั้นค่อนข้างที่จะมาได้ถูกทางแล้ว นั่นคือการใช้อำนาจการยิงที่รุนแรงในการสร้างความเสียหายให้กับกำลังของฝ่ายตรงข้ามในวงจำกัด โดยหลีกเลี่ยงเป้าหมายพลเรือน และไม่เปิดการรบขนาดใหญ่ตามการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา ส่วนรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการทางการฑูตให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้องค์กรนานาชาติเข้าแทรกแทรงได้ และดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องดินแดนด้วยสันติวิธี ผ่านการเจรจาแบบทวีภาคี จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ต้องเจรจา และกลุ่มมวลชนต่าง ๆ ก็ไม่ควรชี้นำให้ไทยเปิดสงครามต่อกัมพูชา เพราะนั่นคือการทำให้ไทยเสียดินแดน เนื่องจากแม้ว่าไทยจะชนะในการรบ แต่อาจแพ้ในทางการฑูตและการต่างประเทศได้ ทุกคนควรมีสติและมีความสามัคคีกัน เพื่อทำให้ประเทศผ่านวิกฤตไปให้ได้ เหมือนกับที่กัมพูชาทั้งประเทศเขาก็สามัคคีกันเอง

	ผู้เขียน	หัวข้อ: การปะทะกันระหว่า่งไทยและกัมพูชา (อ่าน 1682 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้