อันนี้เล่าให้ฟังเฉยๆครับ เพื่อความไม่ประมาท...

เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากโพสต์ข้อความสุดท้ายประมาณ 4 ทุ่ม (กระทู้ซึนามิ..). เลยตัดสินใจกลับกรุงเทพดีกว่า เพราะอยู่ระยองก็เหงา และวันจันทร์ต้องเทปูนที่ไซท์งานจรัญแต่เช้า เลยคิดว่ากลับไปแสตนด์บายที่บ้าน เหนื่อยคืนนี้ดีกว่าพรุ่งนี้ต้องมาเหนื่อยกับการเดินทางแต่เช้า และได้กลับไปกอดลูกเมียด้วย เลยเก็บข้าวของสตาร์ทรถ....
ทีแรกขับก็คิดว่าไหว แต่ขับไปขับมาชักง่วงเพราะปกติไม่ค่อยนอนดึก(รึเปล่า)... ก็ฝืนไปเรื่อยๆ ยิ่งง่วงก็ยิ่งขับเร็ว เพื่อจะได้กลับถึงบ้านเร็วๆ สุดท้ายวูบหลับบนบูรพาวิถี ที่ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม.
รู้สึกตัวอีกทีคือกระจกมองข้างด้านซ้ายได้ชนเข้ากับรถกระบะที่มีคอก กระจกมอกข้างหลุดพับเข้าหาตัวรถกระแทกกระจกบังลมของประตูฝั่งซ้ายดัง ตูม..!! เศษกระจกกระเด็นมาในห้องโดยสารเข้าหน้าผมเลยสะดุ้งตื่น.!!
ปฏิกิริยาตอบโต้คือหักพวงมาลัยไปทางขวาทันที จากนั้นรถก็พุ่งเข้าหาขอบกั้นถนนอีกฝั่งก็รีบหักกลับ สติยังมีพอที่จะไม่เหยียบเบรคเนื่องจากรถสูงกลัวจะพลิกคว่ำ หักซ้ายหักขวา จนประคองรถในแนวตรงได้เลยเบรค....
รถคันที่ถูกผมชนขับมาจอดพอดี และบอกว่าเห็นรถผมเป๋ไป เป๋มา นึกว่าผมจะไปซะแล้ว... เนื่องจากอยู่บนทางด่วนและดึก และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ก็เลยคุยกันแล้วก็แยกย้ายกันไป...
แต่ส่วนตัวผมคิดอย่างเดียว... รอดมาได้ยังไง... ดีที่องค์ประกอบดี ไม่มีรถอยู่ทางขวาตอนหักหลบ หรือดีว่าตื่นพอดีตอนที่ชนเพียงแค่กระจกมองข้าง ไม่ใช่ตัวถังชนตัวถัง ซึ่งผลที่ตามมาอาจแตกต่างกว่านี้อย่างมากโข...
อีกวันเอารถไปเข้าอู่ประกัน ตัวถังไม่เป็นอะไรเลย อู่เลยเครมสีให้รอบคันพร้อมเสียค่าเอ็กซ์เซบ... พร้อมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าผมรอดมาได้ยังไง...
ตอนนี้ผมเหวอๆ ไม่สบายใจเหมือนทำความผิดร้ายแรงอะไรมา... แต่ก็ดีใจที่รอดมาได้... อธิบายไม่ค่อยถูก...
ผมเล่าให้ฟังเพื่ออยากจะบอกว่า อย่าห่วงงานหรืออะไรให้มากโดยไม่ดูสภาพตัวเอง... เพราะอาจจะไม่มีโอกาสกลับไปทำงานหรือกลับไปดูแลครอบครัวได้อีกเลย.....

โชคดีที่ปลอดภัยครับ บุญรักษา... เป็นข้อเตือนใจที่่ดีครับ...