
น้ำก้อท่วม ฝนก้อตก ตอ้งทิ้งลูกและเมียที่วิดน้ำอยุ่บ้านเพื่อมาช่วยงานชุมชน แต่ผิดตรงที่เอาปืนโปกรถนี่ซิครับ
พี่เค้าอาจจะไม่ทันคิด หรือไม่ได้ตั้งใจ อาจจะไม่ได้รับการอบรมย์มาอย่างเพียงพอ วานผู้เกี่ยวข้องดูแลว่ากล่าวด้วยครับ
มันไม่เหมาะสมจริงๆ รับผิดชอบลูกน้องด้วยครับนาย ถึงงัยไงก้อขอชื่นชมกับการเสียสละขอพี่ๆด้วยครับ

เรี่องพกปืนนั้นผมเคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งแล้ว
พกไปเถอะครับกฎเค้ามีไว้แหก เหมือนท่านๆทีพก
กันเต็มรถเลยครับ ข้ออ้างสารพัดเมื่อเห็นด่านตรวจก้อตกใจ
กลัวพวกไม่มียศมันค้นหรือกะไรครับ
โวยวายกันจัง 
หรือไม่จริงครับ
การตั้งด่าน จุดสกัด และรวมถึงจุดอำนวยความสดวก ถ้ามีเหตุต้องสกัดหรือจับกุม จากพวกที่ฉวยโอกาศหรือ
ที่เกิดเหตุขึ้นตอนนั้น คงต้องขออนุญาตคุณโจร ไปเบิกปืนหลวงก่อนเพราะมีคนไม่เห็นด้วยที่ไม่ไห้เอาของส่วน
ต้วมาใช้ ถ้ามันเบิกกันง่ายๆหก้อดีซิครับ จะได้ไม่ต้องซื้อเองให้เปลืองเงินเพียงแต่เอาที่มีอยู่มาใช้ไห้เป็นประโยชน์ครับ
ผมว่ากะทู้นี้ยาวอีแน่เลยครับ
เผื่อแก้อีก

1. เรื่องกลัวคนไม่มียศค้นรถ นั้นสำหรับผมถ้าเขามาค้นอย่างถูกต้อง และสุภาพ (การได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เป็นหนังสือ) ก็ยินดีให้ค้นครับ แต่สิ่งที่ผมจะปฏิเสธทันที่คือมาอย่างไม่ถูกต้อง ไม่ใช้รังเกียจ หรือรู้สึกเสียเกียรติอะไรเลยครับ แต่ผมถือว่าเป็นการช่วยเหลือให้พวกเขาเหล่านั้นมีสิทธิที่ควรจะได้รับการปฏิบัติหากเกิดข้อผิดพลาด ถ้าจะให้เล่ามันก็ยาวครับเอาสั้น ๆ ว่าถ้าไม่มีหน้าที่แล้วดำเนินการหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เท่ากับว่าเขาเหล่านั้นมิได้ปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ไม่มีสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือจากทางราชการใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ต้องอื่นไกลครับ แค่ สห.คุมงานรื่นเริง ถ้ามาไม่ถูกต้องเกิดเหตุขึ้นมาก็ตัวใครตัวมันครับ หน่วยงานต้นสังกัดช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการใด ๆ ไม่ได้เลย ตัวอย่างมันมีมาแล้วแต่ไม่ขอเล่า
2. การเบิกปืนหลวง สำหรับ อปพร.เขาไม่มีให้เบิกครับ แต่จะเป็นในลักษณะที่ทางอำเภอพิจารณาแล้วว่าในตำบลนั้น ๆ หรือ อปพร.ประจำจุดนั้น ๆ มีความจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธปืน ก็จะมอบให้ศูนย์ อปพร. โดย ผอ.ศูนย์เป็นผู้เซ็นรับ หมายความว่าถ้า ผอ.ศูนย์จะมอบปืนนั้นให้ใครไปใช้ต่อ ผอ.ศูนย์คือคนที่จะต้องรับผิดชอบร่วมด้วย โดยส่วนใหญ่ปืนหลวงพวกนี้จึงอยู่กับผู้ที่ ผอ.ศูนย์ให้ความไว้วางใจ เคยมีกรณีเหมือนกันครับที่ ผอ.ศูนย์มอบปืนให้กับ รอง ผอ. ปรากฎว่า รอง ผอ. เอาปืนไปยิงขึ้นฟ้าโดนร้องเรียน ก็สอบกับยาวครับ
3. สำหรับเรื่องพกปืนส่วนตัวนี่ค่อนข้างเห็นใจกันครับ คือถ้ามิดชิด ไม่โฉงฉ่าง หวาดเสียว ก็ไม่ว่ากันครับสำหรับงานออกตรวจกันตอนกลางคืน และส่วนใหญ่ไอ้ที่พกแบบมิดชิด ไม่โฉงฉ่าง ก็จะมีวุฒิภาวะพอที่จะใช้ปืนครับ จะเป็นพวกหัวหน้าชุด ผอ. หรือรอง ผอ. จนท.ก็แอบพกเหมือนกันครับ สำหรับประเด็นที่เจอบ่อย ๆ คือพกนอก ถือปืน เป็นที่หวาดเสียว อันนี้ก็สมควรที่จะโดนด่า และต้องทำเรื่องแจ้งไปยังต้นสังกัดให้ดูแลกัน แต่เป็นเรื่องที่เขาเรียกว่า ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นทั้งข่อง
4. เรื่องจุดตรวจ การออกตรวจ ถ้า อปพร.มีวุฒิภาวะพอ และมีความรู้ด้านกฎหมาย เขาจะพกกันมิดชิดครับ จะอยู่หลังผู้มีหน้าที่โดยตรง ไม่ต้องอื่นไกลครับ ตอนที่เขาปฏิรูปการปกครองกัน อปพร.ตำบลผมต้องร่วมกันทหาร ปกครอง ตำรวจตั้งด่าน เก็บปืนกันมิดครับ ไม่ใช้อะไร เพราะผมพูดที่เล่นที่จริงไปว่า ทหารเขาแบกปืนกลมา ถ้ามีคนคิดจะแหก คิดจะสู้แสดงว่ามันมีพอ ๆ หรือมากกว่า ไอ้พวกปืนพก ปืนลูกซองมันไม่กลัวหรอก หนีเถอะ

(จ่าแก่พก 1911 มาเห็นแล้วน้ำลายใหล

)
ไม่ต้องคิดอะไรมาก มันเป็นกุศโลบาย (อุบายที่เป็นกุศล) เขาจ่ายเบี้ยเลี้ยงจ้างคนที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโจรให้มีรายได้ จะได้ไม่ต้องเป็นโจร ก็แค่นั้นเอง
ลองคิดในทางกลับกัน ถ้าขับรถช่วงน้ำท่วม แล้วเจอโจรตัวจริงเอาปืนโบกรถให้จอดข้างทางเพื่อปล้น มันก็คงจะแย่กว่านี้มากๆ
ไม่ต้องบอกอายุก็รู้ครับว่าอายุประมาณไหน มุมมองแบบหลักการเอานักเลงมาปกครองพื้นที่ (คือให้นักเลงเป็น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือผู้นำชุมชน) ที่เกือบ ๆ จะไม่มีแล้วในปัจจุบัน(แต่ผมว่ามันก็ได้ผลอยู่บ้างนะครับสำหรับหลักการที่ว่านี่ในช่วงเวลานะขณะนั้น และแม้แต่ในขณะนี้ในบางพื้นที่เอาพวกนี้มาก็ยังได้ผลและดีกว่าเอาบางพวกมา) ต้องรุ่นที่ผมต้องเรียกว่าน้า/อาเป็นขั้นต่ำ

เบี้ยเลี้ยง อปพร.ถ้าผมจำไม่ผิดคือประมาณ 100-200 ครับ (เอาให้ชัด ๆ มันอยู่ในแฟ้มทีทำงานเอาตัวเลขชัด ๆ มันจำไม่ได้จริง ๆ ครับต้องรอตัวจริงมาตอบเพราะผมใช้มาตั้งแต่เลข 100 กว่า ๆ จนปัจจุบันเห็นว่า 200 กว่าแล้ว ไม่ได้จับนานก็เริ่มเก็บไว้ในลิ้นชัก แล้วไปจำเรื่องอื่นแทน)
