
ภาพปืนไบคาล 46 ด้านซ้าย ถ้าไม่มีก้านคันโยกก็เป็น รูปร่างของปืนสั้นอัดลมแข่งขันปกติ
ปืนยี่ห้อไบคาลจากประเทศรัสเซียนั้น มีชื่อเสียงเสมอมาเรื่องความทนทาน ใช้งานง่าย ความแม่นยำอยู่ในระดับสูงไม่แพ้ปืนยี่ห้ออื่นๆ แต่อย่ามาหวังความสวยงามอะไรกับปืนไบคาล เนื่องจากพวกรัสเซียออกแบบปืนให้ทนทาน ผลิตง่ายไว้ก่อน แนวคิดนี้คงมีต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัย สงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อรัสเซียต้องออกแบบผลิตอาวุธให้ได้จำนวนมากด้วยทรัพยากรที่มีจำกัด ผลที่ได้คือปืนไรเฟิลอัตโนมัติ สำหรับจู่โจมที่เรารู้จักกันดี คือ เอเค-47 ซึ่งปัจจุบันก็ยังผลิตออกใช้งานอยู่ ที่เรียกว่า เอเค นั้นก็ออโตเมติก คาลาชนิคอฟละครับ คุณคาลาชนิคอฟที่ออกแบบ โมเดล 47 ไว้นั้นได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติสูงสุดจากประเทศรัสเซียเองเมื่อไม่นานมานี้ ตัวแกเองออกปากว่า ความจริงรู้สึกเสียใจที่ประดิษฐกรรมของแกได้สังหารผู้คนไปมากมาย แต่ก็ดีใจและภูมิใจยิ่งนัก ที่ได้ช่วยป้องกันชาติอันเป็นที่รักของแกไว้ได้ โมเดล 47 นั้นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับโมเดล 46 ที่ดูกันวันนี้นะครับ เหมือนกันอยู่อย่างเดียวคือหลักการออกแบบผลิตที่ไบคาลก็ยังทำออกมาขายได้ จนทุกวันนี้
ไบคาล 46 ออกแบบมาเพื่อใช้แข่งขันปืนสั้นอัดลมสากลระยะ 10 เมตร ทุกวันนี้จะเอาไปแข่งขันโอลิมปิกก็ยังได้ ติดที่ง้างคันอัดลมจะเหนื่อยและยิงไม่ทันชาวบ้านเขา วิวัฒนาการของปืนสั้นอัดลมนั้นแรกเริ่มเดิมทีก็ใช้สปริงเป็นตัวส่ง ต่อมาเพื่อแก้ปัญหา การดีดของสปริงให้ ปืนสั่นก็หันมาใช้การอัดลม มีทั้งอัดหลายๆครั้งเพื่อให้ได้แรงดัน และต่อมาก็ทำคันโยกทีเดียว ยุคนั้นหนีบกระเป๋าใบเดียวจากบ้านก็ไปสนามซ้อมสนามแข่งได้ตลอด เดี๋ยวนี้กลายเป็นปืนอัดลมเตรียมไว้ในท่อก่อน เริ่มด้วยอัดคาร์บอนไดออกไซด์ต้องแช่น้ำแข็งถึงจะอัดเข้าดี ต่อมาถูกบ่นว่าคาร์บอนไดออกไซด์จะทำลายโลกเลยหันมาอัดอากาศธรรมดา ทั้งถัง ทั้งหลอด ทั้งน้ำแข็ง ชักคิดถึงปืนเก่าๆ
เอกสารที่มีมาระบุว่าเป็นไบคาล 46 เอ็ม ซึ่งคู่มือบอกว่ามีทั้งรุ่นมีเอ็มและไม่มีเอ็ม รุ่นเอ็มนี้มีชิ้นส่วนแตกต่างไปบ้างสี่ห้าชิ้น แต่ก็ดูไม่ออกเพราะหน้าตาเหมือนกันหมด แต่ว่า รุ่นเอ็มจะมีความเร็วกระสุนสูงกว่านิดหน่อย อาจจะแปลว่าต้องออกแรงอัดลมแรงกว่าด้วย
ปืนมาในกล่องกระดาษแข็ง ห่อไว้ด้วยกระดาษน้ำตาลชุ่มน้ำมันกันสนิม มีคู่มือมาให้สองภาษา ภาษาอังกฤษอ่านเข้าใจง่าย มีทั้งวิธีการยิง การปรับไกโดยละเอียด ภาพชิ้นส่วนเพื่อว่า เมื่อเกิดชำรุดเสียหายก็สั่งอะไหล่ได้สะดวก ถ้าไม่สันทัดภาษาอังกฤษก็ลองส่วนภาษารัสเซียดูได้ ในกล่องยังมีก้านทองเหลือง มีห่วงที่ปลายไว้สอดเชือกทำความสะอาด ลำกล้องมีเครื่องมือมาให้สองชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นแท่งเหล็กส่ง ใช้ถอดประกอบ อีกชิ้นหนึ่งเป็นไขควงสามขา และยังมีอีกห่อหนึ่งบรรจุ อะไหล่สำรองมาให้ มีใบศูนย์หลัง 1 ใบ ใบศูนย์หน้า 2 ใบ ยางแหวนลูกสูบ 1 ชิ้น
ยางแหวนบ่าวาล์ว 2 ชิ้น
ลักษณะรูปร่างของปืนไบคาล 46 นั้น ดูอย่างไรก็ไม่สวย ผมเอามาที่บ้านลูกๆเห็นเข้า ก็เริ่มด้วยคำถามที่ไม่น่าถามว่า นั่นปืนเหรอพ่อ... เออใช่... แล้วมันมีอะไรอยู่ข้างใต้ละพ่อ... คันโยกอัดลมลูก... ทำไมมันน่าเกลียดนักละพ่อ... !?#*!** อย่ามาแย่งยิงก็แล้วกัน
ปืนไบคาล 46 มีลำกล้องเป็นท่อเล็กๆ ยาวอยู่ตอนบน ใต้ลงมาเป็นหลอดอัดลมที่ใหญ่กว่าลำกล้องมาก ยึดกันไว้ด้านหน้าด้วยประกับคีบไว้ทั้งสองท่อ ตรงนี้ต้องแข็งแรง หน่อยเพราะเป็นจุดหมุน ของคันโยกด้วย แม้จะมีก้านผ่อนแรงไว้อีกสองตัวก็ตาม ด้านหลังทั้งสองท่อสวมเข้ากับโครงปืนที่มีชุด ไกและรังเพลิงที่ไม่ใช้เพลิงสำหรับกระบอกนี้ ใต้กระบอกอัดลมก็เป็นก้านคันโยกอัดลมที่ ยาวมาจนถึงใต้ด้าม คันโยกที่ยาวตลอดตัวปืน ทำให้ทุ่นแรงในการโยกได้เต็มที่ แต่กระนั้น ก็ยังต้องออกแรงถึงประมาณ 15 ปอนด์ ไม่หนักแต่ก็ไม่เบาครับ ตรงปลายคันโยกมีไม้ แปะติดไว้ชิ้นหนึ่งเพื่อให้จับโยกได้สะดวก ผิวโลหะทั้งหมดทำเป็นสีดำ รมดำบ้าง ลงสีบ้าง น็อตสกรูทั้งหลายโผล่ออกมาทุกที่ ไม่สนใจจะซ่อนตัวให้สวยงามกันเลย แต่ความจริงแล้วดีนะครับ สกรูตัวไหนทำอะไรก็เห็นกันจะๆ แก้ไขกันได้ตรงๆ ไม่ต้องแงะหาว่าซ่อนตัวยึดไว้ตรงไหน ด้ามไม้เนื้อแข็งสีออกเหลืองๆเป็นด้ามปืนแข่งเต็มตัวมีร่องรับมือแทบทุกส่วน ปรับแป้นรองมือได้ มีส่วนรองรับหัวแม่มือขวา และรองนิ้วชี้ เอามาใช้งานยิงเพื่อความเพลิดเพลินได้สบาย แต่ถ้าจะแข่งขันเอาจริงจังก็คงต้องทำด้ามให้พอดีมือ ต้องพอกต้องปาดให้พอดีมือกันเองอยู่แล้ว
เขียนไปๆ คงต้องย้ำว่าที่เห็นว่ารูปร่างเชยๆ แปลกๆ นั้นคุณภาพของผิวงานอยู่ในระดับที่ดีมากนะครับ ส่วนที่เป็นเหล็กรมดำก็เรียบร้อย ส่วนที่เป็นอะลูมินั่มก็ทำสีผิวอย่างมีลายหยาบไม่ให้สะท้อนแสง คุณภาพของงานผลิตไม่มีที่ติครับ
ลำกล้องยาวมากทำให้ได้ระยะศูนย์ยาวไปด้วย ศูนย์หน้าและหลังอยู่คนละปลาย สุดขั้วของส่วนบนของปืน ชุดศูนย์เล็งก็มีขนาดใหญ่โต ศูนย์หลังปรับได้ด้วยปุ่มมือหมุน ไม่ต้องใช้ไขควง มีตัวอักษร U-ปรับขึ้น D-ปรับลง L-ปรับไปซ้าย R-ปรับไปขวา ใบศูนย์ ทั้งหน้าหลังเปลี่ยนได้ ใบศูนย์หลังให้มาอีกหนึ่งใบ ใบศูนย์หน้าให้มาอีกสองใบขนาดไม่เท่ากัน ไว้ให้ปรับขนาดช่องว่างระหว่างใบศูนย์ตามชอบใจ
ปืนลมไบคาล 46 กระบอกนี้เกิดขึ้นมาเป็นปืนที่เอาจริงเอาจังสำหรับแข่งขัน ในปัจจุบันทางค่ายอื่นบริษัทอื่นพยายามปรับปรุงปืนลมของตนให้มีลูกเล่นมากขึ้น
นัยว่าช่วยให้ยิงง่ายขึ้น แต่ก็ซับซ้อนและแพงมากขึ้นไปเรื่อยๆ ได้จับไบคาลกระบอกนี้แล้ว ก็ยืนยันได้ว่าปืนจะดีได้ให้ดูที่สองอย่างที่สัมผัสกับผู้ยิงนั่นคือ ศูนย์เล็งและไกเท่านั้นเอง ลำกล้องนั้นเราทำอะไรกับมันไม่ได้มาก นอกจากทำความสะอาดให้เหมาะสม ไบคาล 46 มีสองสิ่งนั้นที่ดีเยี่ยม แม้แต่ปืนรุ่นใหม่ๆ ก็ข่มไม่ลง ผมเอาปืนอันชูตส์ โมเดล 10 ซึ่งเป็นปืนสั้นอัดลมมาตรฐานเหมือนกันนี้ มาพาดยิงก็ได้กลุ่มเท่านี้เหมือนกัน คือความ สามารถของปืนมันเกินสายตาและนิ้วของผมไปแล้วครับ ปืนดีวิเศษอย่างไรก็ยิงได้กลุ่มเท่านี้แหละ
ตอนเอามาให้เด็กๆลองยิงกันตอนแรก ก็ไม่ได้ยินเสียงกระสุนกระทบเป้าเลย แต่เพียง ไม่นานก็ได้ยินเสียงปิ๊งๆถี่ขึ้น เด็กได้หัดใช้ศูนย์เล็งและการเหนี่ยวไกสักพักก็สนุกกับปืนที่เล็งง่าย ลั่นไกง่าย บ่นอยู่หน่อยก็ตอนที่ต้องยิงทีง้างที แต่พอรู้จังหวะง้างและอัดลมก็ไม่ค่อยบ่นกันเท่าไหร่ ถ้าเห็นว่าไม่แพงละก็น่าสนใจทีเดียวครับที่จะให้เด็กๆได้หัดยิงปืน เพราะก็ต้องเริ่มที่ศูนย์และไกนี่แหละ จะว่าเป็นของถูกเสียทีเดียวก็คงไม่ใช่ เพราะปืนนั้นก็คงราคาเป็นหมื่นบาทขึ้นไปทั้งนั้น แต่ถ้า พิจารณาถึงความทนทานและประโยชน์ที่จะได้จากการฝึกฝนเยาวชนให้รู้จักและใช้ปืนให้เป็น นั้นคุ้มค่ามากทีเดียว เริ่มตั้งแต่เล็กๆ โตขึ้นก็ยังแบกไปแข่งกับเขาได้ไม่อายใคร
ปืนสั้นอัดลมไบคาล ไอแซดเอช 46 ไม่ใช่ปืนใหม่ เคยนำมาทดสอบกันก็มากกว่าหนึ่งครั้ง ย้อนกลับไปดูเรื่องเก่าๆ ก็แปลกใจที่ปืนทดสอบในมือไม่ได้แตกต่างจากเดิมเลย แม้แต่น้อย ซึ่งก็ไม่จำเป็น เพียงแต่เวลาที่ผ่านไปทำให้คุณค่าของการใช้งานเป็นไปในอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง
เชื่อว่าไบคาล 46 จะอยู่กับเราไปได้อีกนาน