ผมมีเรื่องขำๆเกี่ยวกับบ่อนการพนันมาเล่าให้พี่น้องฟังครับ
เรื่องที่ผมได้เป็นเจ้าของบ่อนโดยไม่รู้ตัว---ประมาณปี 2536-2537 พอจะพูดได้ว่ากร๊าฟชีวิตของผมพุ่งสู่จุดสูงสุด ปีนั้นการค้าดีมากๆๆ มิหน้ำซ้ำญาติพี่น้องผมก็ได้เป็นใหญ่เป็นโต กันหลายคน
โดยอากู๋ผมปีนั้นได้เป็นนายกเทศมนตรีเป็นสมัยที่สอง หลานแม่ผมซึ่งเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรแพร่ก็ได้เลื่อนมาเป็นรองผู้บังคับการตำรวจลำปาง และท่านสนิทกับครอบครัวผมมาก ตอนนั้นตำรวจทั้งโรงพักก็สนิทชิดเชื้อกับผมเป็นอันดี(ปีนั้นคงจะแจกอั่งเปาเยอะ) โดยที่ผมไม่รู้ตัวบ้านของผมหลังหนึ่งที่ให้เมียทหารยศจ่าเช่าอยู่อาศัย

ได้ถูกทำเป็นบ่อนพนัน-

-ทำมานานเป็นปีๆ--พูดถึงบ่อนพนันหลายคนคงนึกถึงบ่อนปอ ประตูน้ำ หรือบ่อนเตาปูน หลายคนพาลหลับตานึกภาพไปเป็นโต๊ะรูเล็ตแบบในลาสเวกัสไปโน่น

จริงๆบ่อนตามต่างจังหวัดเป็นแค่โต๊ะหลายตัว เล่นป๊อกเด้ง เล่นไฮโลว์ แต่กระนั้นเงินสะพัดก็ไม่เบาเลย--ศัพท์ทางตำรวจเรียก
"บ่อนวิ่ง" จนท่านรองฯย้ายไปกินตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจพิจิตรได้หลายเดือนโน่นแหละครับ ท่าน สวป.วันนั้นได้มาเดินตรวจสมุดสายตรวจที่ร้านผมและท่านเปรยๆ
"บ่อนเฮียให้ใครดูแลล่ะ" "เอ๋?..บ่อนไรครับพี่ผมไม่รู้เรื่องเลย"
ผมค่อยมารู้วันนั่นว่าบ้านผมโดนอีตาจ่านั่นมาทำเป็นบ่อน และมันก็สบายแฮเพราะตำรวจนึกว่าเป็นบ่อนของผม พอผมบอกว่า
"ไม่รู้เรื่อง" ได้ไม่กี่วันตาจ่านั่นก็ให้เมียเอากุญแจบ้านมาคืนและขอเงินมัดจำคืนบอกจะย้ายไปจังหวัดอื่น---ชาวบ้านแถบนั้นเรียกบ่อนนี้ว่า
"บ่อนร้านทอง" น่าเจ็บใจไหมครับพี่น้อง

จริงๆแล้วพวกทำธุรกิจสีเทาจะต้องกลัวสุจริตชนเรามากกว่าที่เราจะต้องกลัวมัน ในยุคก่อนมีสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี ผู้กำกับสถานีตำรวจถูกย้ายเป็นว่าเล่น ก็เพราะ ไอทีวีนำเสนอภาพวีดีโอสภาพภายในบ่อน--บ่อนนั้นบ่อนนี้--ที่ลำปางก็มีผู้กำกับท่านหนึ่งโดนย้ายไปน่านก็เพราะเรื่องบ่อนนี่แหละ(โดนไอทีวีเอาไปออกอากาศ) "นี่ถ้าย้ายพี่อีกทีก็คงต้องย้ายพี่ไปเมืองลาวแล้ว เพราะอำเภอที่พี่ไปอยู่มันสุดเขตประเทศไทยพอดี" ท่านกล่าวเซ็งๆ
