บทความมะรีนไม่ใช่ซีล
หลังจากการสังหารผู้นำกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงโอซามา บิน ลาเดน แห่ง"อัล-ไคดา" ชื่อของหน่วยรบพิเศษชื่อหนึ่งที่กระฉ่อนไปทั่วทุกแขนงของสื่อมวลชนคือ US Navy SEAL ซึ่งเป็นหัวหอกนำทีมเข้าโจมตีและสังหารบิน ลาเดนได้สำเร็จ หน่วย SEAL แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯนี้จัดว่าเป็นหน่วยรบชั้นนำ ที่ต้องคัดสรรเอาแต่เฉพาะบุคคลชั้นยอดที่ต้องแกร่งทั้งร่างกายและสติปัญญาในระดับเหนือมนุษย์เข้ามาปฏิบัติการในหน่วยเพื่อปฏิบัติภารกิจลับเฉพาะ เปิดเผยไม่ได้ทั้งภารกิจและตัวผู้ปฏิบัติ ด้วยภารกิจที่ปกปิดและต้องใช้บุคคลที่ถูกฝึกฝนมาจนเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของกองทัพเพื่อให้รบได้ทั้งสามมิตินี้เอง ที่ทำให้ทหารในหน่วยนี้มีภาพลักษณ์น่ายกย่อง น่าเกรงขาม ในฐานะที่เป็นบุคคลากรชั้นยอดของกองทัพ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้บ่อยๆว่าแท้จริงแล้ว SEAL ซึ่งย่อมาจาก SEa Air และ Land หรือ น้ำ-ฟ้า-ฝั่งนี้เป็นทหารในเหล่าทัพใดกันแน่ แม้ว่ากองทัพเรือสหรัฐฯจะใช้ชื่อของหน่วยรบสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือนี้ว่า Navy SEAL ก็ยังมีผู้เข้าใจไม่ถูกต้องอยู่มากและบางครั้งถึงกับแอบอ้างตนว่าเป็น SEAL เพื่อลวงให้ผู้พบเห็นเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ
เพื่อความเข้าใจอันถูกต้อง ต้องเข้าใจก่อนว่ากองกำลังเพื่อความมั่นคงของสหรัฐฯนั้นแบ่งเป็น7เหล่า ดังนี้คือ
1. กองทัพบก( U.S.Army)
2. กองทัพนาวิกโยธิน(U.S. Marine Corps)
3. กองทัพเรือ(U.S.Navy)
4. กองทัพอากาศ(U.S.Air Force)
5. กองกำลังรักษาฝั่ง(U.S. Coast Guard)
6. หน่วยสาธารณสุขบริการแห่งชาติ(U.S.Public Health Service Commissioned Corps)
7. หน่วยสำรวจทางสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ(National Oceanic and Atmospheric administration Commissioned Corps หรือ NOAA Corps)
โดยกองกำลังทั้ง7 เพื่อความมั่นคงนี้จะประสานงานกันตามคำสั่งของประธานาธิบดี แต่จะมีเพียง4กองกำลัง(เหล่า)เท่านั้นที่ทำหน้าที่สู้รบโดยตรง คือกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และนาวิกโยธิน ส่วนหน่วยงานที่เหลือคือกองกำลังรักษาฝั่ง,หน่วยสาธารณสุขบริการฯและหน่วยสำรวจทางสมุทรและบรรยากาศฯนั้น จะมีชั้นยศและสายการบังคับบัญชาคล้ายคลึงกับกองทัพเรือรวมทั้งการแต่งกาย แต่ไม่ใช่หน่วยงานตรงที่ใช้อาวุธ
เพราะกองทัพของสหรัฐฯมีขนาดใหญ่ จึงต้องมีหน่วยงานระดับใหญ่จัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารและจัดการเฉพาะเหล่าทัพในระดับทบวงคือ
1. ทบวงทัพบก(Department of the Army) เพื่อทำหน้าที่บริหารและจัดการกองทัพบกและกิจการที่เกี่ยวข้อง
2. ทบวงทัพเรือ(Department of the Navy) เพื่อทำหน้าที่บริหารและจัดการกองทัพเรือ,กองทัพนาวิกโยธินและกิจการที่เกี่ยวข้อง
3. ทบวงทัพอากาศ(Department of the Air Force) เพื่อทำหน้าที่บริหารและจัดการกองทัพอากาศและกิจการที่เกี่ยวข้อง
โดยทั้งหมดนี้ปฏิบัติภารกิจขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (Department of Defense of the United States of America) ซึ่งมีผู้บัญชาการสูงสุดคือประธานาธิบดีสหรัฐฯ (President of the United States of America)
ข้อสังเกตคือแม้ว่านาวิกโยธินจะสังกัดทบวงเดียวกันกับกองทัพเรือ แต่ก็มีพันธกิจเป็นเอกเทศซึ่งสืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งสงครามประกาศอิสรภาพเมื่อเริ่มตั้งประเทศ เมื่อร้อยเอกซามูเอล นิโคลาสตั้งกองพันทหารราบนาวิกโยธินขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 10 พฤศจิกายน 1775 ที่ฟิลาเดลเฟียในชื่อเรียกเดิมว่า "ทหารราบนาวี" (Naval Infantry) ด้วยรูปแบบของปฏิบัติการด้วยการเคลื่อนย้ายกำลังทางเรือ เมื่อถึงที่หมายแล้วเข้าสถาปนาที่มั่นเพื่อรุกรบคืบหน้าเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ ด้วยหลักนิยมใหญ่ๆสามข้อดังต่อไปนี้
เข้ายึดหรือป้องกันฐานทัพเรือหรือปฏิบัติการอื่นๆบนฝั่งเพื่อสนับสนุนการสงครามทางเรือ
พัฒนายุทธวิธี เทคนิคและยุทโธปกรณ์เพื่อใช้ในกองกำลังสะเทินน้ำสะเทินบก
รับปฏิบัติหน้าที่อื่นๆตามแต่คำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นาวิกโยธินสหรัฐฯในพันธกิจข้อหลังสุดนี้เองที่ปัจจุบันเราอาจได้เห็นนาวิกโยธินสหรัฐฯในการใช้กำลัง โดยไม่จำเป็นต้องยกพลขึ้นบกแบบในสงครามโลกครั้งที่2เพียงรูปแบบเดียว พันธกิจข้อที่3 นี้เปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯใช้กำลังนาวิกโยธินได้อย่างอ่อนตัวทั้งสามมิติคือบก เรือ และอากาศ นาวิกโยธินจึงมียุทโธปกรณ์ครบทั้งสามมิติคือทั้งอาวุธแบบทหารราบคือปืนเล็กยาว ปืนกล รถถัง รถสายพานลำเลียงพล รถลำเลียงพลล้อยางแล้วยังมีเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดเป็นของเหล่าซึ่งสามารถขึ้นบินได้จากทั้งฐานบินบนบกและเรือบรรทุกเครื่องบิน แต่ในการเคลื่อนกำลังขนาดใหญ่ก็ยังต้องอาศัยกำลังทางเรือของกองทัพเรืออยู่เพราะสามารถบรรทุกกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปได้มากทั้งยานเกราะและเครื่องบิน เพราะต้องประสานงานกันตลอดเวลาอย่างแยกไม่ออก กองทัพนาวิกโยธินและกองทัพเรือจึงมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเหล่าเดียวกัน สำหรับประเทศไทยแล้วนาวิกโยธินคือกองกำลังหนึ่งในกองทัพเรือ เพราะอัตรากำลังของเราจำกัดและกิจของนาวิกโยธินไทยแตกต่างจากกิจของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ในขณะที่นาวิกโยธินสหรัฐฯปฏิบัติภารกิจเชิงรุก แต่ราชนาวิกโยธินปฏิบัติภารกิจด้านการรักษาความมั่นคงของชาติตามแนวชายแดนติดทะเลทางภาคตะวันออกและภาคใต้
เมื่อนาวิกโยธินสหรัฐฯเข้าถึงที่หมายแล้ว เหล่าทัพนี้จะดำเนินกลยุทธแบบทหารราบคือการเข้ายึดที่หมาย ร้องขอกำลังสนับสนุนทางอากาศ สถาปนาที่มั่น และอื่นๆเช่นเดียวกับทหารราบหน่วยหนึ่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯเลือกใช้นาวิกโยธินในปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนหรือวิกฤติการณ์ต่างๆที่ต้องการความฉับไวเพราะเป็นหน่วยรบที่เคลื่อนที่เร็ว มีสายการบังคับบัญชาไม่ซับซ้อนและมีกำลังชนทุกมิติรวมอยู่ในเหล่าทัพเดียว เพราะกองทัพนาวิกโยธินต้องรบเช่นเดียวกับทหารบกจึงใช้ยศแบบเดียวกัน แตกต่างกันแค่มีตัวอักษรบอกเหล่าไว้ท้ายชื่อเท่านั้น เช่นพลเอกเจมส์ แมททิส นย.(General James Mattis .USMC) เพื่อบอกให้รู้ว่านายทหารผู้นี้สังกัดเหล่านาวิกโยธินมิใช่ทหารบก แตกต่างจากนาวิกโยธินไทยที่ใช้ยศตามกองทัพเรือเพราะเป็นเหล่าเดียวกัน
หน่วยรบพิเศษของนาวิกโยธินสหรัฐฯ Force Reconเหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้รับการสถาปนาขึ้นหลังจากกองทัพบกเพียงไม่กี่ปี ประกอบกับเกียรติประวัติอันเกรียงไกรตั้งแต่ครั้งสร้างชาติ สงครามปราบปรามสลัดมุสลิมในบาร์บารี โคสต์ และสงครามใหญ่อื่นๆเรื่อยมาจนถึง "ยุทธการอิรัคเสรี" (Operation Iraqi Freedom) และล่าสุดคือการเข้าไปไล่ล่ากองกำลังของอัล-ไคดาในอาฟกานิสถานร่วมกับหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือเช่น SEAL และกองทัพบกคือ Green Beret เหล่าทัพนี้จึงมีเอกลักษณ์ของตนเอง ตั้งแต่เครื่องแบบ ชั้นยศ ยุทโธปกรณ์และแม้แต่หน่วยรบพิเศษก็มีเป็นของตนเองเช่นกันคือ Marine Force Recon เช่นเดียวกับที่กองทัพบกมี Ranger, Green Beret และกองทัพเรือมี SEAL
ปัจจุบันกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯมีกำลังพลทั้งสิ้น 203,000นาย กับกำลังสำรองอีก40,000นาย จัดเป็นกองกำลังที่เล็กที่สุดในสี่เหล่ารบ แต่กำลังทหารประจำการก็ยังถือว่าใหญ่กว่าอิสราเอลและอังกฤษ ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้ 6% จากงบประมาณกลาโหมทั้งหมด เป็นเหล่าทัพเดียวที่ดำรงอยู่ด้วยความหวั่นเกรงว่าจะถูกยุบเพราะกำลังพลน้อยและมีหลายครั้งที่ปฏิบัติภารกิจซ้ำซ้อนกับกองทัพบก เพราะการมีเกียรติประวัติมาเนิ่นนานและเป็นเหล่าทัพที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯไว้วางใจให้ปฏิบัติภารกิจยากๆหลายครั้ง ทหารเหล่านาวิกโยธินจึงมีความหยิ่งในเหล่าที่กำลังพลน้อยแต่เปี่ยมคุณภาพ ดังคำขวัญว่า "The Few the Proud อันหมายความตามนั้นว่า "ถึงกำลังพลจะน้อยแต่ก็เปี่ยมด้วยคุณภาพ"
ผู้สมัครเข้าเป็นทหารในเหล่านี้ต้องพร้อมทั้งกายและใจ เมื่อทดสอบแล้วไม่ผ่านจะหมดสิทธิ์การเป็น "มะรีน" หรือนาวิกโยธิน ต่างกับกองทัพบกที่หากทดสอบไม่ผ่านยังมีโอกาสกลับมาทดสอบใหม่ได้จนกว่าจะผ่านเข้าเป็นทหาร เมื่อได้เป็นนาวิกโยธินแล้วก็จะยึดมั่นในความเป็นนาวิกโยธินไปจนตราบชีพวาย เช่นคำขวัญภาษาลาตินที่เราได้ยินบ่อยๆว่า "Semper Fidelis หรือพูดย่อๆว่า "Semper Fi (Always Faithful ยึดมั่นในเหล่าทัพจนชีพวาย) เมื่อเป็นนาวิกโยธินแล้วก็จะเป็นนาวิกโยธินตลอดไป คำว่า"Ex Marine (ผู้เคยเป็นนาวิกโยธิน) จึงไม่มี จะมีก็แต่ Former Marine (นาวิกโยธินผู้ได้รับการปลดประจำการอย่างมีเกียรติ) เท่านั้น การได้เป็นนาวิกโยธินถือเป็นเกียรติสูงสุดแล้วสำหรับชายชาวอเมริกัน เมื่อเป็นแล้วจะไม่มีการย้ายเหล่าเด็ดขาด ด้วยข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้ให้กระทำได้ยาก และด้วยจารีตประเพณีขององค์กรเองที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับกำลังพลจนไม่มีใครคิดเปลี่ยนไปสังกัดเหล่าทัพอื่น เป็นนาวิกโยธินแล้วย้ายเหล่าก็เหมือนกับหยามถิ่นเกิดกันดีๆนี่เอง
แล้วนาวิกโยธินกับ SEAL นั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
ดังเนื้อความตอนต้นที่อธิบายแล้วว่านาวิกโยธินคือเหล่าทัพคนละเหล่ากับกองทัพเรือ แม้จะสังกัดทบวงทัพเรือด้วยกันเพราะต้องพึ่งพาอาศัยกันแต่ในแง่ของการดำเนินกลยุทธแล้วนาวิกโยธินจะรบแบบทหารราบ เพียงแต่อาศัยเรือเคลื่อนพลไปให้ถึงที่หมายเท่านั้น มีหน่วยรบพิเศษของตนเองคือ Force Recon เช่นเดียวกับกองทัพเรือซึ่งมีหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (Naval Special Warfare) ซึ่งทำหน้าที่ฝึกและบริหารกำลังพลและทรัพยากรทุกอย่างของหน่วย SEAL หรือหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือซึ่งรบได้ทั้งสามมิติทั้งในน้ำ จากบนฟ้าและบนบก ด้วยกองกำลังขนาดเล็กแต่ปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย ตั้งแต่สอดแนม ลาดตระเวนหาข่าวไปจนถึงเข้าต่อตีต่อเป้าหมายโดยตรงถ้ากำลังของข้าศึกไม่เหนือความสามารถ
หน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือ SEALSEAL คือหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือเท่านั้น และไม่มีในกองกำลังใดๆของนาวิกโยธิน ผู้จะเข้ารับการฝึกและสำเร็จออกมาเป็น SEAL จะต้องเป็นทหารเรือสหรัฐฯซึ่งมีคุณสมบัติขั้นต้นครบถ้วนตามระเบียบของกองทัพกำหนด ผ่านการฝึกหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำเบื้องต้น (Basic Underwater Demolition/SEAL:BUD/S) นาน 24 สัปดาห์ก่อน แล้วตามด้วยอีก 28 สัปดาห์เพื่อเป็น SEAL เต็มตัวด้วยหลักสูตร SQT(SEAL Qualification Training) เพื่อให้ถึงพร้อมซึ่งทักษะของการเป็นนักรบสามมิติน้ำ,ฟ้า และฝั่งซึ่งเป็นเวลารวมเกือบหนึ่งปีอันสุดโหดที่จำนวนผู้เข้าฝึกจะถูกคัดเลือกด้วยความโหดของหลักสูตรเองจนเหลือเพียงไม่ถึง20เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ มีวิทยะฐานะสมควรประดับเข็ม SEAL เป็นรูปนกอินทรีกางปีกจับสามง่าม (trident) สัญลักษณ์อาวุธของโพไซดอนเทพแห่งท้องทะเล ผู้ประดับเข็ม Trident ได้จะต้องเป็นทหารเรือและสำเร็จหลักสูตร SEAL เท่านั้น ถึงจะมาจากเหล่าอื่นเช่นทหารบกหรือนาวิกโยธินซึ่งต้องปฏิบัติภารกิจร่วมกับซีลเป็นครั้งคราว ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะประดับเข็มTridentบนเครื่องแบบ
หลักสูตรการฝึกในขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีผู้สำเร็จหลักสูตรเพียงน้อยนิด ที่จะได้รับการประดับเครื่องหมายแห่งเกียรติยศ Tridentเนื่องจากการถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักด้วยความกดดันทุกรูปแบบ ทหารเรือผู้สำเร็จหลักสูตรมาเป็น SEAL จึงมีความภาคภูมิใจมากที่ได้รับใช้ชาติในตำแหน่งนี้ พวกเขาคือผู้รักชาติซึ่งพร้อมปฏิบัติหน้าที่ตามแต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะมอบหมาย ด้วยกำลังขนาดเล็กแต่ได้ผลสัมฤทธิ์สูงสุด ปฏิบัติหน้าที่อย่างลับๆโดยไม่มีใครรู้เห็น แม้แต่เพื่อนบ้านเองก็ยังไม่รู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาข้างบ้านนั้นอาจจะเพิ่งกลับจากอาฟกานิสถาน อิรัค หรือแม้แต่ในจุดล่อแหลมต่ออันตรายอื่นๆของโลก
เข็ม SEAL เป็นรูปนกอินทรีกางปีกจับสามง่าม หรือที่เรียกกันว่า Tridentการเป็น SEAL คือสุดยอดของลูกผู้ชายชาวอเมริกันผู้รักชาติ ซึ่งยอมทนลำบากเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อรับใช้แผ่นดินเกิด ประกอบกับภาพลักษณ์จากภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่เน้นความเท่และกล้าแกร่งของ SEAL จนบางครั้งเกินจริง ทำให้มีผู้แอบอ้างตนว่าเป็น SEAL กันมากในสหรัฐฯและที่อื่นๆ จนทางการต้องมีกฎหมายในชื่อ Stolen Valor Act ออกมาเพื่อควบคุมและลงโทษผู้แอบอ้างตนเป็นทหารในกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการหยาม และขโมยเกียรติยศกันโดยตรงจากทหารหาญทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และวายชนม์ไปแล้ว มีโทษทั้งจำและปรับ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานเอกชนอีกมากที่ก่อตั้งขึ้นโดยอดีตทหารจากหน่วย SEAL และหน่วยอื่นๆเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนและพวกพ้องซึ่งเคยสละชีพและหยาดเหยื่อเพื่อชาติ ถือเป็นเรื่องใหญ่มากหากมีผู้แอบอ้างเป็น SEAL และแต่งเครื่องแบบประดับเข็ม Trident อย่างเปิดเผยในที่อันมิควร เพราะนั่นคือการลบหลู่ความศักดิ์สิทธิ์ของ SEAL ที่กว่าจะสำเร็จมาได้ต้องเสี่ยงชีวิตและอดทนแสนสาหัส ทั้งยังต้องปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติอย่างปกปิดตลอดเวลาทำนองปิดทองหลังพระ
NO GUTS, NO GLORY หนังสือเกี่ยวกับการกระชากหน้ากาก SEAL ปลอม หรือ PHONY SEAL ผลงานของ นายสตีฟ โรบินสัน นายสตีฟ โรบินสัน อดีต SEAL ผู้หันมาบริหารงานมูลนิธิเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของ U.S. Navy SEAL คอยสอดส่องและรายงานผู้แอบอ้างว่าเป็น SEAL ทั้งในอเมริกาและทั่วโลก ได้ให้ความเห็นว่าการพิสูจน์ว่าใครใช่ SEAL หรือไม่ ด้วยการตั้งคำถามง่ายๆดังนี้
1. จบ SEAL รุ่นไหน ปีอะไร?
2. เคยปฏิบัติภารกิจที่ไหนมาบ้าง
3. ขอดูหลักฐานการปลดประจำการ DD214
ทั้งสามข้อนี้คือวิธีการง่ายๆที่จะแสดงตัวตน ผู้เป็น SEAL จริงๆ จะยินดีแสดงหลักฐานและตอบคำถามดังกล่าว การอ้างว่าเป็นเรื่องลับนั้นถือเป็นการกล่าวเท็จ เพราะกฎหมายการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรายการหรือ Freedom of Information Act (FOIA) ของสหรัฐฯนั้นเปิดโอกาสให้ทุกคนสืบค้นข้อมูลได้จากฐานข้อมูลของรัฐที่มีอยู่ ด้วยการดำเนินการอย่างถูกต้องซึ่งมีกรรมวิธีระบุอยู่แล้ว SEAL ปฏิบัติการลับได้จริง แต่การเป็น SEAL ลับๆนั้นถือเป็นเท็จ "SEAL ปฏิบัติการลับได้ แต่ไม่มี SEAL ลับๆเด็ดขาด"
ในกรณีที่มีคนไทยบางคนอ้างว่าเป็นนาวิกโยธิน แต่กลับแต่งเครื่องแบบทหารเรือติดเข็ม Trident ของ SEAL ให้สัมภาษณ์ออกอากาศนั้น ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในสังคมออนไลน์ เนื่องจากสิ่งที่เขาพูดกับที่สาธารณชนพบเห็นนั้นไม่ตรงกัน ซ้ำการที่ตระเวนแอบอ้างสอนยุทธวิธีผิดๆให้กับหน่วยงานทั้งของกองทัพและรักษากฎหมาย ยังทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้รับการฝึก ซึ่งจะจำสิ่งที่ครูสอนไว้แล้วนำไปปฏิบัติ
การแอบอ้างเป็น SEAL และการหลอกลวงต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดเวปไซด์ที่จะคอยแจ้งข้อมูลการหลอกลวงแอบอ้างที่ต้องมีการอัพเดทอยู่เสมอๆ
กรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้รับความสนใจจากชาวอเมริกันมาก ซึ่งเนื้อหาต่างๆ ในเวปที่เห็น เป้นการจับผิดของชาวอเมริกันเอกทั้งสิ้นข้อสังเกตที่มีผู้แสดงไว้ตามเว็บบอร์ดต่างๆพอจะสรุปได้ดังนี้คือ
1. อ้างว่าเป็น SEAL แต่งกายในเครื่องแบบชุดขาวของทหารเรือออกรายการโทรทัศน์ แต่เมื่อถูกขุดคุ้ยก็บอกปัดว่าเป็นนาวิกโยธิน คนอื่นๆต่างหากที่เข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นSEAL
2. ครองยศสิบเอกในเหล่านาวิกโยธิน หลังปลดประจำการแล้วกลับได้ยศเรือตรี แล้วเลื่อนเป็นเรือโทซึ่งเป็นคนละเหล่า
3. ไม่มีสิทธิ์แต่งเครื่องแบบทหารเรือติดเข็ม Trident ของ SEAL เพราะไม่เคยผ่านหลักสูตร BUD/S และ SEAL
4. กระทำการผิดประพฤติของ SEAL จนเป็นพิรุธ อาทิการแต่งเครื่องแบบตามข้อ 3 ออกให้สัมภาษณ์อวดอ้างพฤติกรรมในฐานะของ SEAL
5. เขียนประวัติไว้เมื่อปี 2006 ว่าเป็นคนไต้หวัน บิดาเป็นนายทหารไทย มารดาเป็นอเมริกันทั้งที่ความจริงบิดา และมารดาเป็นไทยทั้งคู่ ทั้งยังบิดเบือนประวัติจนทำให้สถานศึกษาเดิมที่จบมาหลงเชื่อถึงกับมอบรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นให้
6. จากวิดีโอที่ตัวเขาโพสต์เองไว้ในเว็บไซต์ยูทูบนั้น แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการสาธิตที่เอามันเข้าว่า ไม่ถูกต้องตามยุทธวิธีของการรบ/ยิงปืนที่ไหนทั้งสิ้น ขาดการระวังป้องกันตามหลักนิรภัยซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หากกระทำกันเป็นหมู่มาก
หน่วยรบพิเศษ SEAL ของประเทศไทย หน่วยรบที่มีความเกี่ยวข้องกับ U.S.Navy SEAL เป็นหน่วยรบที่มีความสามารถ มีเกียรติยศไม่แพ้หน่วยรบพิเศษใดๆ ในโลกหน่วยหนึ่ง การที่มีผู้แอบอ้างเป็น SEAL ถือได้ว่าเป็นการขโมยเกียรติยศของเหล่านักรบหน่วยพิเศษทุกคน (Stolen Valor)
เหล่าทหารหาญของทุกๆ ชาติ ล้วนเป็นผู้เสียสละเพื่อบ้านเมือง และประชาชน หน้าที่ของพลเมืองที่ดีคือการเฝ้าระมัดระวัง ไม่ให้มีบุคคลแอบอ้างอันจะนำมาซึ่งความสูญเสียของเหล่าทหารหาญ และความเสียหายต่อชาติของเราในที่สุดนี่คือสิ่งที่เราอยากบอกให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหรือเคยมีประสบการณ์ตรงกับบุคคลผู้นี้ ได้โปรดใส่ใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่เพราะเขาอาสามาสอนให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแล้วก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เพราะจริงๆแล้วความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้วจากความเชื่อของศิษย์ซึ่งยึดเอาคำของครูเป็นที่ตั้ง ซึ่งจะจำไว้ใช้ปฏิบัติเมื่อปฏิบัติการจริง การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากความเชื่อผิดๆที่ได้มาจากผู้อวดอ้างด้วยความคะนองนั้น ไม่สามารถตีค่าเป็นเงินได้ และจะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้งหากผู้เกี่ยวข้องยังคงปล่อยปละละเลย หรือคิดได้แค่ว่าเขาเหล่านั้นไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกับท่าน?
บทความ: สรศักดิ์ สุบงกช
เรียบเรียง: ดุสิต เสมาเงิน
หมายเหตุ: ภาพประกอบจาก internet
