เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 22, 2025, 05:35:30 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: >>> การศึกษาไทย...ทำไม? ต้อง " กวดวิชา " <<<  (อ่าน 6772 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #30 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 01:25:51 PM »

เห้นกระทู้นี้มาหลายวันวันนี้นี้ขอตอบหน่อยแล้วกัน  ::014:

ผมอยู่ในรุ่นที่ กวดวิชาเริ่มเฟื่องฟู  และมีการเปลี่ยนแปลงการรับการสอบต่างๆหลายอย่างล้วนมาอยู่ในรุ่นผมทั้งสิ้น 

ย้อนกลับไปตอนผมเข้าม.1 เมื่อ 17 ปีก่อน  เป็นปีแรกๆที่กระทรวงให้รับเด็กในเขตคือใกล้โรงเรียน 60% ยัดเงิน 10 หรือ 5 % ประมาณนี้  ที่เหลือสอบเข้า  ผมเข้าเทพศิรินทร์ในส่วนเด็กสอบเข้าเพราะบ้านไกล  โรงเรียนที่ผมเข้ามีคุณภาพระดับต้นๆของประเทศ    แต่รุ่นผมต่างจากรุ่นพี่คือมีการรับเด็กใกล้บ้านเดินเข้าเลย  แน่นอนคุณภาพพื้นฐานเด็กไม่ดีมีกว่าเด็กเก่งเพราะคัดเด็กได้ไม่มากนัก  และเพิ่มจากห้องละ 40 คนเป็น 60 คนเพราะกระทรวงเปิดโอกาศให้รับเด็กยัดได้โรงเรียนก็จัดเต็ม  เรียกว่าโต๊ะแน่นเวลาเข้าออกต้องปีนเก้าอี้กันทุกคาบ  บางระดับไม่มีห้องประจำต้องแบกกระเป๋าเดินเรียนเอา 

คราวนี้เมื่อเด็กเยอะขึ้นและคุณภาพแย่ลงบรรยากาศในห้องมันก็แย่  อาจารย์คนเดิมตำราเล่มเดิมแต่ไม่สามารถสอนได้เทียบเท่ารุ่นพี่ได้  เวลาส่วนใหญ่ในคาบหมดไปกับการฟาดคนทำงานไม่เสร็จ ด่าคนคุยกัน  พาหมด ม.1 ทางโรงเรียนเห็นว่าเด็กรุ่นผมอ่อนลงมาก   จึงได้เปิดสอนพิเศษเพิ่มในวันเสาร์เก็บเงินพอเป็นพิธี   เพื่อจะให้เด็กที่ตั้งใจเรียนมาเรียนเพิ่มในบรรยากาศที่อาจารย์ให้ได้เต็มที่  ส่วนหนึ่งก็ไปเรียน รร. กวดวิชาตามสยาม  เพราะในห้องเรียนให้ได้ไม่พอ  ปัญหานี้เกิดกับโรงเรียนดังทุกโรงเรียน  นี่เป็นจุดเริ่มยุคกวดวิชาเฟื่องฟู  เรียนพิเศษวันเดียวได้เท่ากับเรียนในห้องทั้งสัปดาห์  ในขณะที่รุ่นพี่ไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้เพราะเรียนในห้องก็แข็งพอแล้ว

ข้ามมาตอนม.ปลาย   กระทรวงศึกษาก็ออกมุขใหม่ไฉไล ควายเซนเตอร์  ในยุคบุกเบิกซึ่งผู้บริหารโรงเรียนยังไม่เข้าใจมากนักว่ามันคืออะไร  คราวนี้สนุกเลยเพราะทุกอย่างไปทำรายงานเอาเองแล้วมาส่ง อาจารย์ไม่ค่อยสอน   คะแนนเก็บมาจากการตรวจสมุดจดงานลายมือไม่ดี จดแบบเข้าใจคนเดียวอาจารย์อ่านไม่ออกก็ไม่ได้คะแนน  เวลาเรียนไม่ค่อยได้สอน  เวลาอ่านเองก็ไม่มีต้องทำรายงานรายสัปดาห์ทุกวิชา   รุ่นผมหนีไปเรียนพิเศษคอสเอ็นรวบ 4-5-6 กันเพียบ  แล้วมันแตกต่างชัดเจนระหว่างเด็กที่เรียนพิเศษมากับที่ไม่ได้เรียน   นี่คือยุคกวดวิชาร้อยล้านของแท้  จบวิศวะจุฬาออกมาเปิดกวดวิชาเทอมเดียวได้เป็นล้าน  คราวนี้พอคุณภาพมันต่างกันมากประกอบกับรุ่นผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่จะใช้ gpa-pr 10% เด็กหลายคนรวมทั้งผมด้วยก็เลือกที่จะทิ้งโรงเรียน งานทำพอส่งได้  หวังเข้ามหาลัยด้วยคะแนนสอบ  กลับบ้านมาซื้อหนังสือติวอ่านเองเป็นแบบนี้ตลอดตอน ม.6

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้การศึกษาไทยชิบหายอยู่ตรงนี้  ผู้ใหญ่ในวงการคึกษารู้ตัวแล้วว่าคุณภาพโรงเรียนต่ำลงใน 6-7 ปีที่ผ่านมาเด็กเก่งส่วนหนึ่งกลายเป็นเก่งเพราะเรียนพิเศษ  ก็ชักแม่น้ำยกนู่นลากนี่มาโทษติวเตอร์ว่า สอนแต่ทางลัดบ้าง  สอนไม่ละเอียดบ้าง  ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำบ้าง  โทษแต่คนอื่นไม่เคยโทษตัวเอง     

โจทย์ของเค้าคือกระชากความสำคัญของโรงเรียนกลับขึ้นมาไม่ใช่พัฒนาคุณภาพให้ดีเหมือนเดิม   โอกาศมาถึงพอดีเมื่อน้องอึ่งอ่างลูกท่านแม้วซึ่งเรียนไม่ค่อยจะเก่งแต่เกรดดี  + กับ รมต. ศึกษาชื่อ อดิศัย  โพธรามิก จัดหนักทันทีเพิ่ม gpa ในการเข้ามหาลัยทันทีเพื่อแก้ปัญหาเด็กกวดวิชาและเพิ่มความสำคัญในห้องเรียน    เรื่องจริงในยุคผมคือถ้าเด็กเกรด 3 กว่าเท่ากันซึ่งห้องนึงจะมีไม่กี่คนหรอก โรงเรียนระดับหัวแถวจะทำข้อสอบเอ็นได้ประมาณ 70-80%  ระดับกลาง  50% ระดับลาง 30 % การสอบเอ็นมันเป็นมาตรวัดที่ผู้ใหญ่บางคนไม่ชอบเพราะมันเห็นคุณภาพของแต่ละโรงเรียนชัดเจน 

คราวนี้พอใช้เกรด รร. ก็ปล่อยเกรดสังคมเราเป็นสังคมอุปถัมป์เรื่องแบบนี้มันของตาย  เด็กจบม.ปลายมา 3 กว่าหมดคะแนนสอบมาคิด% น้อยลงพอหารออกมามันก็ดูดีกว่า  ลามไปถึงเด็กมหาลัยคุณภาพต่ำลงอีก   เด็กต้องสนใจงานในห้องมากขึ้นเรียนแบบซุปเปอร์แมนต้องเก่งทุกวิชา  แต่ถ้าจะเอาเนื้อไม่เอาน้ำก็ต้องไปเรียนพิเศษหรือหาเอานอกห้องเรียนอยู่ดี  เพราะปัญหาจริงไม่ได้ถูกแก้  รุ่นน้องผมจบไปเป็นอาจารย์โรงเรียนประจำจังหวัดที่ตัวเองเคยเรียน   บอกเด็ก ม.5 บางคน คูณหารเศษส่วนไม่เป็น  และส่วนใหญ่ทำรายงานจากหนังสือไม่เป็นต้องตัดแปะเอาจากกูเกิล   น้องผมลูกอาก็เหมือนกันห่างกันผม 10 ปีเรียนที่เดียวกับผมอาจารย์ก็คนที่สอนผมแต่เกรด 3 กว่าทั้งห้อง  รวมกล่มมาให้ผมไปติวให้ตอนสอบเอ็นความรู้เท่าหางอึ่งทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง....ถ้าอยู่รุ่นผมบางคนอ่อนกว่าเด็ก 1 กว่าด้วยซ้ำ  ถ้าคุณภาพในห้องเรียนไม่เพิ่มขึ้น เรียนพิเศษมันก็อยู่คู่การศึกษาไทยไปตลอดแหละครับ




มองเห็นภาพเลยครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #31 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 01:34:26 PM »

ลูกผมเคยพาไปเรียนพิเศษอยู่สองสามที่ครับเรียนได้ไม่นานทุกที่เค้าจะบอกเหมือนๆกันครับว่า ไม่ต้องให้เรียนแล้วไม่รู้จะสอนอะไรแล้ว เรียนไปก็เปลืองเงินเปล่าๆ ก็เลยไม่ให้เรียนครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #32 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 01:46:59 PM »

                 กวดวิชา  เรียนพิเศษ     เป็นการปลูกฝังค่านิยมของครูผู้สอนเพื่อหารายได้ให้ตนเองครับ  ........  ใครไม่ทำจะถือว่าด้อยกว่าเพื่อนๆ
บันทึกการเข้า

                
Ultraman Taro #รักในหลวง#
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 195
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1624



« ตอบ #33 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 02:32:15 PM »

ในถานะที่ผมยังอยู่ในวัยนี้ ผมโทษระบบครับ
บันทึกการเข้า

"อย่าแก่เพราะกินข้าว อย่าเฒ่าเพราะอยู่นาน" 
โบราณว่า อย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา ใจเย็นเข้าไว้
ฅนบ้านนอก
นำแหน่พ่ออ่าว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 401
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1228


หากินซามฮ้อดมื้อตาย


« ตอบ #34 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 04:44:47 PM »


        ก่อนอื่นผมขอชม คุณ เจดี  ชัดเจน มากครับ      เยี่ยม

         ผมเคยได้ยินศิลปิน ตลกอีสาน นพดล  ดวงพร  พูดเอาไว้ว่า  "มันเป็นธุระกิจอีกอย่างหนึ่งที่นอกเหนือจากงานประจำ
        หมอท่านก็เปิด คลีนิดได้  ครูก็เปิด รร. กวดวิชา  แล้วตำรวจล่ะท่านจะเปิดอะไร  ก็ตั้งด่านไงละครับท่าน"

        ปล. ล้อเล่นครับและขออภัยอย่างแรงหากข้อมูลไม่เกี่ยวกัน    Cheesy        ไหว้       
บันทึกการเข้า


   แนวนาม เขียดอีโม่นาหน้าต่ำ มันบ่สมส่ำเซื้อเครือเจ่าซาติหงส์ ดอกตี๋
kratingtone1
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #35 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 07:31:35 PM »

เป็นข้อยืนยันว่าการเรียนในระบบล้มเหลวไม่เป็นท่า ต้องมีการปฏิรูปการเรียนการสอนใหม่ ไม่ใช่ปฏิรูปแค่ เงินเดือน กับ ตำแหน่ง คนสอนหนังสือ
บันทึกการเข้า
kratingtone1
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #36 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 07:57:17 PM »

เป็นข้อยืนยันว่าการเรียนในระบบล้มเหลวไม่เป็นท่า ต้องมีการปฏิรูปการเรียนการสอนใหม่ ไม่ใช่ปฏิรูปแค่ เงินเดือน กับ ตำแหน่ง คนสอนหนังสือ
เป็นข้อยืนยันว่าการเรียนในระบบล้มเหลวไม่เป็นท่า ต้องมีการปฏิรูปการเรียนการสอนใหม่ ไม่ใช่ปฏิรูปแค่ เงินเดือน กับ ตำแหน่ง คนสอนหนังสือ
ปฏิรูป...เป็นคำพูดที่ดีนะครับแต่เวลาปฏิบัติน่ะมันไม่ใช่เลย...ผมเห็นด้วยกับการรับนักเรียนนักศึกษาแบบสอบคัดเลือกแบบเดิมครับสอบได้ก็ได้เรียนต่อสอบไม่ได้ก็พยายามใหม่คิดถึงสมัยก่อนครับสอบไม่ได้คือตกแต่เดี๋ยวนี้ไม่มีสอบตกนะครับ...แถมไม่มีการทำโทษด้วยเด็กนักเรียนทุกวันนี้ไม่เกรงไม่กลัวอะไรเลย...ไม่เข้าเรียนก็เลื่อนชั้นได้สอบไม่ผ่านก็สอบแก้ตัวใหม่ครูขี้เกียจสอนซ่อมเสริมก็ส่งผ่านขึ้นไปเรื่อยๆบางโรงเรียนเด็กไม่ส่งงานครูเรียกผู้ปกครองมาลอกงานส่งแทนเพื่อให้ลูกจบม.3ฮ่วยแล้วมันประเมินนักเรียนหรือประเมินผู้ปกครองกันแน่สมเพศความเป็นนิติบุคคลครับบางโรงเรียนทุ่มเงินไปทางกีฬาเป็นหลักเวลาสมศ.มาประเมินดันประเมินงานวิชาการแหมก็งบรายหัวให้วิชาการเพียงภาคเรียนละ1500บาท(นักเรียน20กว่าคน)เปรียบเทียบกับลูกบอลลูกละ1200บาททีหลังสมศ.ต้องมาประเมินอุปกรณ์กีฬานะอย่าดันไปประเมินวิชาการมันก็ไม่ผ่านกันทั้งชาติสิ...เขาเรียกว่าประเมินไม่ตรงจุดครับยังเหลือความในใจที่เห็นอีกเยอะครับใครมีเรื่องแบบนี้มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับบางเรื่องเราไม่รู้ความเป็นจริงจะทำให้เราไม่เข้าใจความจริงไปด้วยพาลจะกลายเป็นเข้าใจผิดนะครับ
บันทึกการเข้า
srimalai_รักในหลวง
คนธรรมดา
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 183
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3381


« ตอบ #37 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 09:52:28 PM »

เป็นข้อยืนยันว่าการเรียนในระบบล้มเหลวไม่เป็นท่า ต้องมีการปฏิรูปการเรียนการสอนใหม่ ไม่ใช่ปฏิรูปแค่ เงินเดือน กับ ตำแหน่ง คนสอนหนังสือ
เป็นข้อยืนยันว่าการเรียนในระบบล้มเหลวไม่เป็นท่า ต้องมีการปฏิรูปการเรียนการสอนใหม่ ไม่ใช่ปฏิรูปแค่ เงินเดือน กับ ตำแหน่ง คนสอนหนังสือ
ปฏิรูป...เป็นคำพูดที่ดีนะครับแต่เวลาปฏิบัติน่ะมันไม่ใช่เลย...ผมเห็นด้วยกับการรับนักเรียนนักศึกษาแบบสอบคัดเลือกแบบเดิมครับสอบได้ก็ได้เรียนต่อสอบไม่ได้ก็พยายามใหม่คิดถึงสมัยก่อนครับสอบไม่ได้คือตกแต่เดี๋ยวนี้ไม่มีสอบตกนะครับ...แถมไม่มีการทำโทษด้วยเด็กนักเรียนทุกวันนี้ไม่เกรงไม่กลัวอะไรเลย...ไม่เข้าเรียนก็เลื่อนชั้นได้สอบไม่ผ่านก็สอบแก้ตัวใหม่ครูขี้เกียจสอนซ่อมเสริมก็ส่งผ่านขึ้นไปเรื่อยๆบางโรงเรียนเด็กไม่ส่งงานครูเรียกผู้ปกครองมาลอกงานส่งแทนเพื่อให้ลูกจบม.3ฮ่วยแล้วมันประเมินนักเรียนหรือประเมินผู้ปกครองกันแน่สมเพศความเป็นนิติบุคคลครับบางโรงเรียนทุ่มเงินไปทางกีฬาเป็นหลักเวลาสมศ.มาประเมินดันประเมินงานวิชาการแหมก็งบรายหัวให้วิชาการเพียงภาคเรียนละ1500บาท(นักเรียน20กว่าคน)เปรียบเทียบกับลูกบอลลูกละ1200บาททีหลังสมศ.ต้องมาประเมินอุปกรณ์กีฬานะอย่าดันไปประเมินวิชาการมันก็ไม่ผ่านกันทั้งชาติสิ...เขาเรียกว่าประเมินไม่ตรงจุดครับยังเหลือความในใจที่เห็นอีกเยอะครับใครมีเรื่องแบบนี้มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับบางเรื่องเราไม่รู้ความเป็นจริงจะทำให้เราไม่เข้าใจความจริงไปด้วยพาลจะกลายเป็นเข้าใจผิดนะครับ
ผมคิดว่าพอรู้นะ เพื่อน ญาติ เป็นครูเยอะมากกว่าอาชีพอื่น ฟังๆเขาพูดกัน เขาคิดแต่จะจ้างคนทำ คส 3 ไม่ค่อยพูดถึงการเรียนการสอนเลย คิดแต่เรื่อง เงินๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก  แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนก็แคลนคลาย  เจ็บจนตายนั้นเหน็บให้เจ็บใจ
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก  จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา  จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ
srimalai_รักในหลวง
คนธรรมดา
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 183
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3381


« ตอบ #38 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 09:55:51 PM »

เงินงบประมาณที่ได้รับแต่ละปีของกระทรวง แบ่งไปเป็นเงินเดือน เงินประตำแหน่ง เกินครึง เหลือเงินมาเป็นงบการเรียนการสอนนิดเดียว
บันทึกการเข้า

อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก  แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนก็แคลนคลาย  เจ็บจนตายนั้นเหน็บให้เจ็บใจ
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก  จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา  จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ
Autumn
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 63
ออฟไลน์

กระทู้: 448


« ตอบ #39 เมื่อ: มกราคม 29, 2012, 07:33:19 AM »

การ เรียนการสอนในห้องเป็นการจัดกิืจกรรมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้  ใช้เวลามาก  แต่กระบวนการจะติดตัวเด็กไปนาน เด็กบางส่วน ไม่เกิดการเรียนรู้

กวดวิชา เป็นการบอกให้รับรู้และจำระยะสั้น ๆ  แล้วสอบ ในเร็ววัน นานไปก็ลืม
บันทึกการเข้า
Victor&Sugus
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 85
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1062


รักสนุกทุกถนัด เฉพาะเรื่องปืน.....


« ตอบ #40 เมื่อ: มกราคม 29, 2012, 08:40:20 AM »

ผมคิดว่าหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการค่อนข้างอ่อน แต่ตามโรงเรียนออกข้อสอบค่อนข้างแข็ง
จึงทำให้เด็กที่ไม่เรียนพิเศษ ถึงจะตั้งใจเรียนแล้ว ก็ยังทำข้อสอบไม่ดีเท่าที่ควร
แล้วอีกอย่าง โรงเรียนเอกชนมีการแข่งขันกันมาก อยากให้เด็กในโรงเรียนสอบชนะมีชื่อเสียง
จึงออกข้อบังคับนักเรียนต้องเรียนพิเศษ แล้วอาจารย์ที่สอนก็ไปสอนอยู่ในสถานที่เรียนพิเศษ
แถมหลอกล่อด้วยการบอกเคล็ดลับข้อสอบจากที่เรียนพิเศษนี่แหละ..... แบร่ แบร่ แบร่
บันทึกการเข้า

☀ <º))))><.·´¯`·. h £ ® ß € ¯|¯ •·.·´¯`·.·• .·´¯`·.><((((º> —(•·÷[ ]÷·•)—·‡±±‡±÷· Oº°‘¨ ¨‘°ºO •°o.O O.o°• ¨°o.O O.o°¨ —¤÷(`[¤* *¤]´)÷¤— •·.·´¯`·.·• •·.·´¯`·.·• «·´`·.(`·.¸ ¸.·´).·´`·» ׺°”˜`”°º× ׺°”˜`”°º× »-(¯`v´¯)✿*Maxx™❀●• ♬✿❀●• ♬
nine รักในหลวง
มนุษย์ล่วงทุกข์ได้ด้วย...ความเพียร
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 44
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 571


การเดินทางไกลนับหมื่นลี้....ต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรก


« ตอบ #41 เมื่อ: มกราคม 29, 2012, 10:42:21 AM »

ครับ...ขออนุญาตออกความเห็นครับ........ครูมีหลายประเภท ผมเป็นพวกสายศิลป์(ที่ครูสายวิทย์มักมองว่าโง่) เป็นวิชาที่ฝ่ายวิชาการของโรงเรียนมองข้าม เพราะมองว่าไร้สาระ   ผมสอนดนตรีครับทำวงโยธวาทิต และวงคอมโบของโรงเรียน ทำคนเดียวด้วยใจ เวลาซ้อมดนตรีกับเด็กๆคือหลังเลิกเรียนถึงค่ำๆ และเสาร์อาทิตย์  ออกงานหรือแข่งในนามโรงเรียนไม่เคยเรียกร้องใดๆจากนักเรียนมีแต่จะให้     หลายครั้งมีเด็กกับผู้ปกครองบางคนมาขอให้ผมสอนพิเศษพวกกีตาร์ กลอง คีย์บอร์ด แล้วถามผมว่าคิดชั่วโมงเท่าไหร่พวกนี้ผมไล่กลับหมด โดยบอกกับคนเหล่านี้ว่าถ้าอยากเรียนให้มาเรียนด้วยใจถ้าพูดเรื่องเงินไปไกลๆเพราะเงินเดือนครูแค่นี้ครูก็พอกิน   ผิดกับครูสายวิทย์(บางคน)ในโรงเรียนเดิมผม พวกนี้เด็กเรียนเก่งขนาดไหนก็ตามแต่ถ้าไม่เรียนพิเศษกับครูเจ้าของวิชา เด็กคนนั้นไม่มีทางได้เกรด4 แต่ถ้าเรียนพิเศษกับครู เกรด 4 ทุกคนครับ  เพราะพี่แกเล่นเอาข้อสอบมาเฉลยที่เรียนพิเศษ  อันนี้เป็นเรื่องจริงที่นักเรียนมาระบายให้ผมฟังผมได้แต่นั่งฟังแล้วเศร้าใจครับ
บันทึกการเข้า

หลังจากพายุผ่านไป..ท้องฟ้าสดใสขึ้นทันตา..อุปสรรคนานาก็ผ่านเลยไป..ชีวิตใหม่เริ่มก้าวเดินอย่างทรนง..แข็งแกร่งดุจหมู่เกาะ.....กลางคลื่นลม..
คมขวาน รักในหลวง
"จากดินแดนที่ราบสูงแห่งใบขวาน ข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเล(ถ้านั่งเครื่อง) ข้ามภูเขา สู่ดินแดนแห่งด้ามขวาน "
Hero Member
*****

คะแนน 1830
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 19896


ดนตรี คืออาภรณ์ของปราชญ์


เว็บไซต์
« ตอบ #42 เมื่อ: มกราคม 30, 2012, 11:37:38 AM »

ครับ...ขออนุญาตออกความเห็นครับ........ครูมีหลายประเภท ผมเป็นพวกสายศิลป์(ที่ครูสายวิทย์มักมองว่าโง่) เป็นวิชาที่ฝ่ายวิชาการของโรงเรียนมองข้าม เพราะมองว่าไร้สาระ   ผมสอนดนตรีครับทำวงโยธวาทิต และวงคอมโบของโรงเรียน ทำคนเดียวด้วยใจ เวลาซ้อมดนตรีกับเด็กๆคือหลังเลิกเรียนถึงค่ำๆ และเสาร์อาทิตย์  ออกงานหรือแข่งในนามโรงเรียนไม่เคยเรียกร้องใดๆจากนักเรียนมีแต่จะให้     หลายครั้งมีเด็กกับผู้ปกครองบางคนมาขอให้ผมสอนพิเศษพวกกีตาร์ กลอง คีย์บอร์ด แล้วถามผมว่าคิดชั่วโมงเท่าไหร่พวกนี้ผมไล่กลับหมด โดยบอกกับคนเหล่านี้ว่าถ้าอยากเรียนให้มาเรียนด้วยใจถ้าพูดเรื่องเงินไปไกลๆเพราะเงินเดือนครูแค่นี้ครูก็พอกิน   ผิดกับครูสายวิทย์(บางคน)ในโรงเรียนเดิมผม พวกนี้เด็กเรียนเก่งขนาดไหนก็ตามแต่ถ้าไม่เรียนพิเศษกับครูเจ้าของวิชา เด็กคนนั้นไม่มีทางได้เกรด4 แต่ถ้าเรียนพิเศษกับครู เกรด 4 ทุกคนครับ  เพราะพี่แกเล่นเอาข้อสอบมาเฉลยที่เรียนพิเศษ  อันนี้เป็นเรื่องจริงที่นักเรียนมาระบายให้ผมฟังผมได้แต่นั่งฟังแล้วเศร้าใจครับ
        มาแล้ว
เพื่อนร่วมอาชีพ
แถมสาขาวิชาเดียวกัน
สู้ต่อไปน้อง  อย่าไปนึกถึงสาขาอื่น เยี่ยม
เราเรียนมาอย่างนี้  "ครูของเรา  สอนมาอย่างนี้"
พี่ไปกทม.เมื่อวันศุกร์ แวะหาลูกศิษย์ที่โรงเรียนดุริยางค์ทหารบก
พอเจอกันเขาไหว้เสร็จกระโดดกอด พี่ ดีใจใหญ่ พาไปกินข้าว-นอนด้วยกัน ๑ คืน
นี่คือสิ่งที่เราได้รับมากกว่าสาขาอื่นได้รับ  ถามว่าไอ้สายอื่นที่น้องพูดถึงตั้งแต่จบไปเขาเคยติดต่อ
และไปมาหาสู่ครูบาอาจารย์ตั้งแต่มัธยมยันมหาลัยฯเหมือนพวกเราไหม
        คนเราไม่ได้อยู่ได้ในโลกนี้
ด้วยสมองซีกซ้ายเพียงด้านเดียว
        ขออภัยที่ออกนอกประเด็น ครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

คลิ๊ก ทริปจักรยาน   "บินเดี่ยว ทางไกล ตามใจฝัน"     ลูกอิสาน พลัดถิ่น  จากแดนดิน  "ไหปลาแดก"  เร่ร่อน รอนแรม เดินทางดั้นด้น  มาสู่  "โคนต้นสะตอ"
nine รักในหลวง
มนุษย์ล่วงทุกข์ได้ด้วย...ความเพียร
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 44
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 571


การเดินทางไกลนับหมื่นลี้....ต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรก


« ตอบ #43 เมื่อ: มกราคม 31, 2012, 01:36:57 PM »

ครับ...ขออนุญาตออกความเห็นครับ........ครูมีหลายประเภท ผมเป็นพวกสายศิลป์(ที่ครูสายวิทย์มักมองว่าโง่) เป็นวิชาที่ฝ่ายวิชาการของโรงเรียนมองข้าม เพราะมองว่าไร้สาระ   ผมสอนดนตรีครับทำวงโยธวาทิต และวงคอมโบของโรงเรียน ทำคนเดียวด้วยใจ เวลาซ้อมดนตรีกับเด็กๆคือหลังเลิกเรียนถึงค่ำๆ และเสาร์อาทิตย์  ออกงานหรือแข่งในนามโรงเรียนไม่เคยเรียกร้องใดๆจากนักเรียนมีแต่จะให้     หลายครั้งมีเด็กกับผู้ปกครองบางคนมาขอให้ผมสอนพิเศษพวกกีตาร์ กลอง คีย์บอร์ด แล้วถามผมว่าคิดชั่วโมงเท่าไหร่พวกนี้ผมไล่กลับหมด โดยบอกกับคนเหล่านี้ว่าถ้าอยากเรียนให้มาเรียนด้วยใจถ้าพูดเรื่องเงินไปไกลๆเพราะเงินเดือนครูแค่นี้ครูก็พอกิน   ผิดกับครูสายวิทย์(บางคน)ในโรงเรียนเดิมผม พวกนี้เด็กเรียนเก่งขนาดไหนก็ตามแต่ถ้าไม่เรียนพิเศษกับครูเจ้าของวิชา เด็กคนนั้นไม่มีทางได้เกรด4 แต่ถ้าเรียนพิเศษกับครู เกรด 4 ทุกคนครับ  เพราะพี่แกเล่นเอาข้อสอบมาเฉลยที่เรียนพิเศษ  อันนี้เป็นเรื่องจริงที่นักเรียนมาระบายให้ผมฟังผมได้แต่นั่งฟังแล้วเศร้าใจครับ
        มาแล้ว
เพื่อนร่วมอาชีพ
แถมสาขาวิชาเดียวกัน
สู้ต่อไปน้อง  อย่าไปนึกถึงสาขาอื่น เยี่ยม
เราเรียนมาอย่างนี้  "ครูของเรา  สอนมาอย่างนี้"
พี่ไปกทม.เมื่อวันศุกร์ แวะหาลูกศิษย์ที่โรงเรียนดุริยางค์ทหารบก
พอเจอกันเขาไหว้เสร็จกระโดดกอด พี่ ดีใจใหญ่ พาไปกินข้าว-นอนด้วยกัน ๑ คืน
นี่คือสิ่งที่เราได้รับมากกว่าสาขาอื่นได้รับ  ถามว่าไอ้สายอื่นที่น้องพูดถึงตั้งแต่จบไปเขาเคยติดต่อ
และไปมาหาสู่ครูบาอาจารย์ตั้งแต่มัธยมยันมหาลัยฯเหมือนพวกเราไหม
        คนเราไม่ได้อยู่ได้ในโลกนี้
ด้วยสมองซีกซ้ายเพียงด้านเดียว
        ขออภัยที่ออกนอกประเด็น ครับ ไหว้
ขอรับท่านพี่......ที่พี่พูดมาถูกใจ ใช่หมด  เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม ผมมีแรงทำงานทุกวันก็เพราะลูกศิษย์..........ขอบคุณครับพี่  Cheesy Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า

หลังจากพายุผ่านไป..ท้องฟ้าสดใสขึ้นทันตา..อุปสรรคนานาก็ผ่านเลยไป..ชีวิตใหม่เริ่มก้าวเดินอย่างทรนง..แข็งแกร่งดุจหมู่เกาะ.....กลางคลื่นลม..
Aoouoorooeed
Newbie
*

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 1


เว็บไซต์
« ตอบ #44 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2012, 04:45:03 PM »

นั่นน่ะสิ !
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.118 วินาที กับ 21 คำสั่ง