ขอแถมซักนิดละกันนะครับ ถึงเหตุผลที่ผมไม่ชอบ และไม่อยากเห็นใครขับรถแช่เลนขวาสุด
เพราะเกรงใจคนข้างหลังที่เขาจำเป็นรีบและมีธุระจริง ๆ ถึงต้องรีบไปขนาดนั้น
ผมเคยอ่านเจอเรื่องเล่าในอินเตอร์เน็ทนี่แหละครับ ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่แต่ก็ไม่อยากให้เกิด
กับตัวผมเองแบบนั้นเช่นกัน เรื่องมีอยู่ประมาณว่า....(ผมจำเรื่องโดยละเอียดไม่ได้ เอาเป็นเล่าคร่าว ๆ ละกันนะครับ)
ผู้เขียนเป็นชายหนุ่ม กำลังขับรถอยู่ในเมือง และคาดว่าคงกำลังขับรถอยู่ในเลนขวาสุด
เพราะเขาเล่าว่า เขากำลังขับรถอยู่ และมีแท๊กซี่กวนบาทา มาจี้ท้ายเขา แถมจี้ท้ายไม่จี้เปล่า
ยังกระพริบไฟไล่อยู่ตลอดเวลา
ผู้เขียนก็เลยเกิดอารมณ์โมโห ไม่ยอมหลบให้ทางซะงั้น แท๊กซี่ก็บีบแตรยาวไล่
ผู้เขียนก็ยิ่งเกิดอารมณ์โมโหเข้าไปใหญ่ ทีนี้พอแท๊กซี่กวนบาทาคันนั้นพยายามจะแซงซ้าย
ผู้เขียนคนนั้นก็เลยโยกรถมาปิดทางซ้ายไม่ให้แซง พอแท๊กซี่โยกรถกลับมาจะแซงขวา
ผู้เขียนคนนั้นก็ขับปิดเลนขวาอีก พร้อมกับสะใจที่แท๊กซี่กวนบาทาข้างหลังไม่สามารถแซงตนเองได้
ผู้เขียนคนนั้นก็ทำอย่างนี้มาตลอด แล้วก็ยิ่งสะใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่แท๊กซี่กวนบาทาคันดังกล่าว
ไม่สามารถแซงเขาไปได้ เพราะเขาปิดทางไว้ได้ทุกครั้ง จนเขาใกล้จะถึงจุดหมายก็คือโรงพยาบาลที่
เขาจะมารับแฟนที่กำลังยืนรออยู่ อีกทั้งเขาเองก็ได้ความสะใจพอแล้วที่เอาชนะไม่ให้แท๊กซี่กวนบาทา
คันดังกล่าวขับแซงเขาได้ เขาจึงขับรถชิดซ้ายเตรียมจะเลี้ยวเข้าทางเข้าของโรงพยาบาลที่เห็นอยู่ข้างหน้าลิบ ๆ
แต่เขาก็ต้องอารมณ์เสียเพิ่มขึ้นอีกเพราะแท๊กซี่คันดังกล่าวไม่ยอมแซงหน้าเขาขึ้นไปดังที่เขาคาด
แต่กลับเปลี่ยนเลนตามเขามาอยู่ในเลนเดียวกันพร้อม ๆ กับกระพริบไฟ และบีบแตรไล่เขาอยู่เหมือนเดิม
เขาโมโหมาก พร้อมกับคิดว่าแท๊กซี่คันนั้นกำลังหาเรื่องเขาอยู่ ท่าทางว่าคงจะตามจนเขาจอดรถ
พร้อมกับลงมาหาเรื่องชกต่อยกับเขา
ผู้เขียนคนนั้นเริ่มแน่ใจมากขึ้นเมื่อแท๊กซี่กวนบาทาคันนั้นเลี้ยวรถตามเขาเข้ามาในโรงพยาบาล
เขาจึงจอดรถตรงหน้าทางเข้าตึก ซึ่งเป็นจุดที่เขานัดให้แฟนมายืนรอ พร้อมกับเตรียมตัวมีเรื่องกับแท๊กซี่กวนบาทา
ที่ยังคงขับจี้ตามมาติด ๆ
พอเขาจอดรถที่หน้าประตูทางเข้าตึก ผู้เขียนคนนั้นเค้าก็รีบเปิดประตูลงไปยืนเตรียมรับมือมีเรื่องชกต่อย
กับแท็กซี่กวนบาทาคันนั้นทันที และแล้วเมื่อคนขับแท๊กซี่ขับรถมาถึงคนขับแท๊กซี่วัยกลางคนก็เปิดประตู
และลงจากรถอย่างรวดเร็ว และวิ่งผ่านตัวผู้เขียนคนนั้นไปโดยไม่แม้แต่จะมองหน้า พร้อมกับร้องเรียก
ให้คนแถวนั้นช่วย
บุรุษพยาบาลรีบเข็นเตียงวิ่งตามคนขับรถแท๊กซี่กวนบาทาคันนั้นกลับมาที่รถ และเมื่อเทียบประตูหลังของรถแท๊กซี่ได้
ผู้เขียนคนนั้นก็เพิ่งจะได่้สังเกตุเห็นว่าที่หลังรถแท็กซี่มีหญิงวัยกลางคน ๆ หนึ่งนั่งอยู่ ผู้เขียนคนนั้นก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อสังเกตุ
เห็นว่าบนตักของผู้หญิงคนนั้นมีชายสูงวันคนนึงนอนอยู่ บุรุษพยาบาลช่วยกันยกร่างของชายแก่คนนั้นออกมา
จากท้ายรถแท๊กซี่และเข็นเข้าโรงพยาบาลไป โดยมีหญิงวัยกลางคนๆ นั้นวิ่งร้องไห้ตามไปติด ๆ
ผู้เขียนคนนั้นเล่าว่าเค้าได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกที่มึนงง และสะเทือนใจกับภาพของผู้หญิงวัยกลางคน
ที่กำลังร้องห่มร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดวิ่งตามเตียงที่ชายสูงวัยนอนอยู่เข้าไปในโรงพยาบาล
ทันใดนั้นเองคนขับรถแท๊กซี่กวนบาทาคันนั้นก็หันมาทางเขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า
"ลุงแกเพิ่งจะหยุดหายใจเมื่อกี้นี้เอง ถ้ามาถึงโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ซักสอง สามนาทีแกอาจจะรอดตายก็ได้
สงสารลูกสาวแกจริง ๆ ร้องไห้แทบเป็นแทบตายที่พ่อต้องมาตายบนตักตัวเองอยู่หลังรถแท๊กซี่แบบนี้"
เมื่อพูดจบก็หันหลังเดินกลับขึ้นรถไป โดยไม่แม้แต่จะหาเรื่องชกต่อยกับผู้เขียนคนนั้นอย่างที่เขาคิดไว้แม้แต่นิด
ผู้เขียนคนนั้นบอกว่าไม่สามารถบรรยายความรู้สึก ณ ตอนนั้นออกมาเป็นคำพูดได้่ว่าตนเอง โมโห, โกรธ,
งุงงง, สะเทือนใจ, เสียใจ หรือรู้สึกผิดกับเหตุการณ์นี้มากแค่ไหน?
ถ้าผู้เขียนคนนั้นไม่เกิดอารมณ์หงุดหงิด และเปิดทางให้แท๊กซี่กวนบาทาคันนั้นแซงผ่านหน้าไป
ชายสูงอายุคนนั้นอาจจะไม่ตาย หญิงวัยกลางคน ๆ นั้นอาจไม่ต้องสะเทือนใจอย่างรุนแรงที่พ่อของตนเอง
ต้องขาดใจตายบนตักในท้ายรถแท๊กซี่ก่อนจะถึงโรงพยาบาลเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
และที่สำคัญไปกว่านั้น....ผู้เขียนคนนั้นก็คงไม่ต้องรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นฆาตรกร เป็นต้นเหตุที่ทำให้
ชายสูงวัยคนนั้นต้องตาย ไม่ต้องมีความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจ ไม่ต้องรู้สึกกังวล และเสียใจ ว่าครอบครัว
ของชายสูงวัยคนนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป หากว่าชายคนนั้นเป็นเสาหลักเพียงต้นเดียวของครอบครัว ๆ นั้นเมื่อผมอ่านเรื่องนี้จบ ตั้งแต่นั้นมาในยามที่ผมจำเป็นต้องเร่งแซงรถข้างหน้า หรือจำเป็นต้องขับรถชิดเลนขวาสุด
ผมจะมองหลังก่อนทุกครั้ง หากมีคนที่ขับมาเร็ว ผมจะให้เขาแซงไปก่อนไม่ออกมาตัดหน้า
และเมื่อผมออกมาอยู่ในเลนขวาสุดแล้วก็จะไม่ขับตีคู่กับคนที่ผมกำลังแซง แต่จะรีบแซงให้พ้นแล้วก็จะโยกรถ
กลับเข้าเลนซ้ายในทันที ๆ แซงพ้น
เพราะผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครต้องมาตายด้วยการที่ผมขับรถแช่อยู่ในเลนขวา จนคนที่เค้ามีความจะเป็นเร่งด่วน
ที่จะต้องรีบไปจริง ๆ ต้องมาชะลอ หรือต้องแตะเบรครอให้ผมเข้าซ้ายแม้แต่วินาทีเดียว "ผมเกรงใจเขาครับ"
และผมก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นสาเหตุที่ทำให้คนอื่นต้องมาตาย ด้วยสาเหตุเพราะคุณขับแช่อยู่เลนขวา
เช่นกันครับ
