เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 26, 2025, 03:22:09 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 5
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 18 ธันวา เสริมฆ่าหั่นศพ ออกคุก ผู้พันตึ๋ง-ชลอ ได้ลดโทษ  (อ่าน 10585 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 06:41:38 PM »

เขาจะออกมาแล้ว  ตกใจหน้าซีด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการปล่อยผู้ต้องขังภายหลังมีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2554 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ว่า

กรมราชทัณฑ์ได้ประชุมคณะกรรมการเตรียมความพร้อมการปล่อยตัวผู้ต้องขังทั่วประเทศ และในกรุงเทพฯจะจัดงานวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ณ ลานสนามหญ้าหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เบื้องต้นมีผู้ต้องขังที่พร้อมปล่อยตัวจากเรือนจำเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 4,500 คน

พร้อมกันนี้ จากพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2554 ส่งผลให้นักโทษเด็ดขาดในคดีสำคัญหลายคดีได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยโทษโดยการลดวันต้องโทษครั้งนี้ อาทิ พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง ต้องโทษคดีสังหารนายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และ นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ต้องโทษคดีฆาตกรรม พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ แพทย์โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร เหลือโทษจำคุก 21 ปี

ทั้งนี้ ทั้ง 2 คน ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดวันต้องโทษ เมื่อปี 2550 ได้ลดโทษจากโทษประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต , ปี 2553 ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดวันต้องอีกครั้ง จากจำคุกตลอดชีวิต เหลือจำคุก 50 ปี และปีนี้ ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดวันต้องโทษเช่นเดียวกัน จากจำคุก 50 ปี ตามพระราชกฤษฎีกาจะได้ลดวันต้องโทษ ตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ คนละ 13 ปี

ส่วน พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องโทษคดีอุ้มฆ่า 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขันธ์ เพิ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งแรก ปี 2553 จากโทษประหารชีวิตเหลือจำคุกตลอดชีวิต และปีนี้ได้อภัยโทษให้ลดโทษจากจำคุกตลอดชีวิตเหลือ 50 ปี

นอกจากนี้ด้านนายเสริม สาครราษฎร์ ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีฆ่าหั่นศพแฟนสาว ได้รับการลดโทษ 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2547 และล่าสุดปี 2554 ได้รับพระราชทานอภัยโทษอีก 1 ใน 3 เหลือโทษ 8 ปี แต่จำคุกมาจะครบ 8 ปี วันที่ 18 ธันวาคมนี้


http://news.mthai.com/headline-news/144357.html
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 06:53:15 PM »

Subject: หมอเสริม


> ชะตากรรมของชีวิตนั้น ใครเลยจะรู้ล่วงหน้าได้ บางครั้ง
ชีวิตของบางคนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเพีย
> งชั่ววูบ พลิกผันอย่างที่ไม่มีวันย้อนกลับมาเหมือนเดิมได้อีก
ตัวอย่างก็มีให้เห็นๆ อยู่มากมาย แม้แต่ชีวิตที่
> กำลังจะมีอนาคตอันเรืองรองรอคอยอยู่ข้างหน้าของ"หมอเสริม" หรือนายเสริม
สาครราษฎร์ ผู้ต้องโทษ
> เพราะลงมือฆ่า นางสาวเจนจิรา พลอยองุ่นศรี แฟนสาวของตัวเอง ความตายของเจนจิรา
ตอนแรกก็
> เป็นเพียงข่าวคนหายฆ่ากันตายธรรมดา
แต่เมื่อตำรวจเริ่มสืบสาวลึกลงไปก็เริ่มระแคะระคายว่า การ
> ตายของนางสาวเจนจิราไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว
และเชื่อว่าต้องเป็นคนใกล้ชิดที่ลงมือแต่ปมปริศนาทั้งหมด
> ก็มาขมวดความยุ่งยากอยู่ที่หาศพของนางสาวเจนจิราไม่พบ
จนตำรวจแทบจะทำอะไรไม่ได้ เพราะฝีมือ
> อันเหนือชั้นของอดีตนักเรียนแพทย์ที่ก่อคดีฆาตกรรมอำพรางด้วยการฆ่าหั่นศพ!
>
>
> หลังจากจำนนต่อหลักฐานที่ตำรวจต้องระดมความสามารถเข้าคลี่คลายคดี
จึงรู้ว่าหมอเสริมลงมือ
> สังหารแฟนสาวจากเหตุแห่งความหึงหวง ด้วยการใช้ปืนขนาด .38 ยิงเข้าที่ศีรษะ
แล้วใช้ความรู้ความ
> ชำนาญจากวิชาการแพทย์ที่ร่ำเรียนมา ปิดห้องอย่างมิดชิด
หั่นศพของเจนจิราทีละชิ้น ทิ้งลงในโถส้วมเพื่อ
> อำพรางคดี หนีความผิด
>
>
> ในตอนแรก เสริม ให้การปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่รู้ไม่เห็น
ไม่ได้ฆ่าเจนจิราแต่ต่อมาก็ยอมรับสารภาพกล
> างศาล เมื่อมีการพบงูเหลือมที่เลื้อยเข้าไปนอนขดอยู่ในบริเวณบ้านเช่า ที่
เสริม สาครราษฎร์ นำพยาน
> หลักฐานในการฆาตกรรมเจนจิราไปซุกซ่อนไว้ ศาลจึงตัดสินลงโทษประหารชีวิต
แต่เมื่อจำเลยยอมรับ
> สารภาพจึงลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต
>
>
> ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ "หมอเสริม"
จึงต้องนอนในเรือนจำกลางคลองเปรมมาจนถึงวันนี้
>
>
> จาก"หมอคน" สู่ "หมอแมว"
>
>
> ชีวิตเบื้องหลังข้าวแดงกำแพงคุกนั้น
เป็นแดนสนธยาที่ยากที่คนภายนอกจะร่วมรับรู้ได้โดยลึกซึ้ง และเป็น
> แดนต้องห้ามที่คงไม่มีใครปรารถนาที่จะเข้าไปอยู่ นอกจากต้องถูกบีบบังคับ
ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม
>
>
>
> หมอเสริม สาครราษฎร์ ก็เช่นเดียวกัน ชีวิตในเรือนจำของเขาเป็นอย่างไร
ไม่มีใครรู้ว่า เขาต้องปรับ
> ตัวปรับใจ ปรับความคิดอย่างไร และใช้ชีวิตประจำวันที่สูญสิ้นอิสรภาพอย่างไร
เท่าที่ได้รับการถ่ายทอด
> จาก "ป้อม เวียงโต"
อดีตนักโทษคนหนึ่งซึ่งเคยตกเป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ในข้อหาลงมือสังหารและกรร
> โชกทรัพย์พ่อค้าย่านไนท์พลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่
จนต้องเข้าไปถูกจองจำอยู่ในคุกคลองเปรมนานกว่า 2
> ปี 6 เดือนจนกลายเป็นผู้กว้างขวางในเรือนจำแห่งนี้ไปอีกคนหนึ่ง
>
>
> เขาเล่าว่า "หมอเสริม" ถูกจองจำอยู่ในแดน 2 ห้องขังเดียวกับ นช.คณิศร
วิวัฒนะชาติ ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อนี้
> คงไม่มีใครรู้จักเขาแน่นอน
>
>
> แต่ถ้าบอกว่า แรมโบ้เอ็ม ลูกชายนายพลที่ขนอาวุธสงครามไปยิงถล่มโรงพักพญาไท
เพื่อชิงตัวลูกน้องที่ถูก
> จับข้อหามีอาวุธไว้ในความครอบครองก็คงร้องอ๋อ! แรมโบ้เอ็ม"
ถูกจับและถูกดำเนินคดีจนต้องติดคุกก็เพ
> ราะลากปืนเอ็ม 16 ไปยิงถล่มโรงพักเพื่อบุกเข้าชิงตัวลูกน้อง
มีการยึดตัวร้อยเวรเป็นตัวประกัน กว่า
> เรื่องจะจบลงได้ก็ทำเอาอลเวงกันไปทั้งกรมตำรวจสมัยนั้น
จนทำให้แรมโบ้เอ็มถูกดำเนินคดีหลายข้อหา
> ทั้งมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ทำลายสถานที่ราชการ
จนขณะนี้เขาได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของ
> หมอเสริมไปโดยปริยาย เพราะอยู่ในคุกเดียวกัน
>
>
> แรมโบ้เอ็ม มีนิสัยชอบสนุก รอบรู้ทุกอย่าง ชอบความเคลื่อนไหว ชอบสังคมภายนอก
ห้องสมุด คือ สิ่งที่
> ชอบไปไขว่คว้าหาความรู้ หนอนหนังสือที่แท้จริง ตัวจริง หมอเสริมกับ
แรมโบ้เอ็ม มีทัศนคติตรงกันก็คือ
> ไม่ยอมปล่อยเวลาว่างโดยเปล่าประโยชน์
อ่านแล้วก็อ่านอีกไม่ว่าหนังสือที่มีอยู่ในห้องสมุดจะมีกี่เล่ม
>
>
> โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ คติธรรม แต่ที่ตรงกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ
หนังสือเกี่ยวกับความลึกลับซับซ้
> อนของอาชญากรรมทุกชนิด ที่ซ่อนเงื่อนซ่อนปม
อ่านแล้วก็จะเอามาตีแตกตัวปริศนาท้ายเล่มกันอย่างเอาเ
> ป็นเอาตายว่าเรื่องที่ซ่อนปมไว้จะลงเอยอย่างไร
เพราะหนังสือเกี่ยวกับอาชญากรรมซ่อนเงื่อนทุกเล่มจะ
> ทิ้งปมไว้ให้ตีความเอาเองในตอนท้าย
บางทีต่างคนต่างตีประเด็นแตกไปคนละทางสองทาง จนทั้งสองคน
> ไม่ยอมคุยกันถึง 2-3 วันก็เคยมี
>
>
> อุปนิสัยของ หมอเสริมนั้น เรียบๆ ง่ายๆ สบายๆ ไม่มีปัญหากับใคร
แม้บางครั้งจะถูกเยาะเย้ยถากถางจ
> ากเพื่อนร่วมคุกบ้าง หมอเสริมก็จะเดินหนีไปเฉยๆ โดยไม่โต้ตอบ ยิ้มสู้ทุกคน
ถ้ามองอย่างผิวเผินใคร
> เลยจะรู้ว่า
>
>
> นี่แหละ นักฆ่าชำแหละศพของจริง ขนานแท้!
> ชีวิตในคุก ค่ำลงทุกคืน เมื่อถึงเวลา 20.00 น. ก็จะเป็นเวลาสวดมนต์ ไหว้พระ
ใครนับถือศาสนาไหน
> ก็ให้ระลึกถึงบทสวดของศาสนานั้น แต่ศาสนาพุทธถือว่าเป็นศาสนาประจำชาติไทย
บทสวดจะต้องมีผู้นำ
> สวด เริ่มอรหัง สัมมา ฯลฯ และจบลงด้วยการแผ่เมตตา
ต่อด้วยลุกขึ้นยื่นร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
> เป็นอันเสร็จพิธีทุกคืน
>
>
> วันไหนถ้า หมอเสริมไปขึ้นศาลตามนัดกลับเข้าพักในห้องฝากลอยที่แดน 1
หมอเสริมจะขอตัวนอนโดยไม่มี
> ใครยุ่งด้วย เคยมีนักโทษหลายคนถามว่า หมอ ทำไมไม่ไหว้พระล่ะ เขาจะบอกทันทีว่า
"วันนี้ขอเชื่อ
> คริสต์หรืออิสลามดีกว่า" ความหมายก็คือขออย่ารบกวนได้ไหม ไม่มีสมาธิ
เครียดจากการซักพยานที่ศาล
> มานั่นเอง
>
>
> "หมอเสริม" เป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่สุงสิงกับใคร
นอกจากจะรู้จริงๆ ว่าบุคคลที่คบ
> หาจะต้องมีความรู้ความสามารถจริงในชีวิตที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น
เพราะเขาคิดว่าเขาคือหนึ่งในอัจฉริยะ
> เรียนระดับ หมอรักษาคนไข้ช่วยชีวิตคนมาแล้วนั่นเอง
>
>
> "หมอเสริม" เป็นคนสมถะอย่างยากจะหาคนอื่นเสมอเหมือนได้
การกินอยู่หลับนอนไม่ได้พิถีพิถันเหมือนนัก
> โทษคนอื่นๆ ที่จะต้องหาสิ่งมาบำเรอความสุขของตัวเองให้มากที่สุด
ทั้งการกินอยู่หลับนอน เพื่อรอวันศาล
> ตัดสินว่า จะออกหัวหรือก้อย
>
>
> เสื่อผืนหมอนใบ ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมหน้าลงมาถึงอก
เท่านี้ก็พอแล้วสำหรับชีวิตในแดนสนธยาของ "หมอ
> เสริม" ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมห้องมีที่นอน หมอน ผ้าห่ม
แม้กระทั่งบางคนยังมีแม้กระทั่งหมอนข้างมานอนกอดด้
> วยตลอดคืน แต่หมอเสริม ก็นอนได้อย่างมีความสุข ไม่มีอาการอิจฉาอนาทรใดๆ
>
>
> การกินอยู่ของ หมอเสริม จะมีบรรดาญาติ เพื่อนฝูง ไปเยี่ยมเยียนอยู่ตลอดเวลา
จากจันทร์-ศุกร์ ข้าว
> ปลาอาหารจึงไม่เป็นอุปสรรคใดๆสำหรับเขาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ซึ่งทางการถือว่าเป็น "คุกเปิด"
> แห่งแรกของประเทศไทย
จะมีก็แต่วันเสาร์-อาทิตย์ที่จะต้องเก็บพวกของแห้งที่ไม่บูดเน่า สำรองไว้
> เพราะไม่มีใครสามารถไปเยี่ยมได้ก็เท่านั้น จึงเป็นวันที่เงียบเหงาที่สุด
>
>
> ด้วยวิชาชีพที่เห็นศพหรือร่างกายของมนุษย์จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับ
หมอเสริม จิตใจใต้สำนึก
>
ของเขาจึงแฝงไว้ด้วยความเย็นชาจนกลายมาเป็นความโหดเหี้ยมอำมหิตที่ซ่อนลึกอยู่ใน
ใจของเขาตลอดเ
> วลา นักโทษคนหนึ่งได้เปรยคำถามเขาว่า "ถ้ามีคนลักหัวใจเขาๆ จะทำอย่างไร"
เขามีความเห็นแย้ง
> อย่างชัดเจนว่า คนลักหัวใจคนที่มอบให้ด้วยความรัก
ทำไมจะต้องให้มีชีวิตต่อไปอีก ฆ่าแล้วทำลาย ตัดไฟ
> ตั้งแต่ต้นลม เพื่อคนที่ "ลัก"
หัวใจจะไม่ต้องไปทำลายหัวใจคนอื่นไม่ดีกว่าหรือ ได้บุญกว่าเยอะ แผ่นดิน
> สูงขึ้นอีกด้วยซ้ำไป
>
>
> ในขณะที่เพื่อนนักโทษรักสนุกคนนั้น
ลองสอบถามคำถามเดียวกันจากเพื่อนนักโทษคนอื่นที่เคยผ่านการฆ่าคน
> มาอย่างเหี้ยมโหด คำตอบที่ได้รับก็คือ ต้องตามเอาคืนมา
แล้วรักษาแผลอันบอบช้ำให้หาย รักษาเอาไว้
> อย่างดี อย่าให้หายไปหรือให้คนอื่นมาลักไปอีก
>
>
> ถึงแม้ว่า หมอเสริมกับ แรมโบ้เอ็ม จะเป็นเพื่อนรักที่สนิทสนมกัน
แต่ต้องมากินแหนงแคลงใจกันก็ด้วยเรื่อ
> ง "ความประสงค์ดี" ของ หมอเสริม
ที่อาสาใช้วิชาการแพทย์ของตัวเองที่ร่ำเรียนมาเพื่อรักษาพยาบาล
> "แมว" อันเป็นสุดที่รักของ แรมโบ้เอ็ม
ที่อุตส่าห์ป้อนข้าวป้อนน้ำมันอยู่ทุกวัน แรมโบ้เอ็ม" เลี้ยงมันไว้
> เป็นเพื่อนคลายเหงาถึงสองตัว!
>
>
>
> แล้วในที่สุด วันเกิดเหตุก็มาถึง เมื่อตอนสายวันหนึ่ง
มันเป็นเช้าเสาร์ที่ทางเรือนจำไม่อนุญาตให้ญาติๆ
> ของผู้ต้องขังเข้าเยี่ยม แมวของแรมโบ้เอ็มตัวที่หนึ่ง
ต้องเอาชีวิตมาสังเวยคมมีดของ หมอเสริม ที่ได้
> วินิจฉัยโรคในเบื้องต้นว่า
>
>
> แมวตัวนี้มีอาการป่วยภายใน ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่?
>
>
> เมื่อการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นผ่านไปแล้ว "หมดเสริม"
จึงลงความเห็นอย่างไม่ลังเลว่าต้องผ่าตัดดูเครื่อง
> ใน เพื่อพิสูจน์สาเหตุของการเจ็บป่วยตามหลักการแพทย์ที่เขาร่ำเรียนมา แล้ว
"หมอเสริม" ก็ลงมือจับ
>
แมวเคราะห์ร้ายมัดขาทั้งสี่ขาขึงพรืดไว้กับหลักไม้สี่หลักที่ตอกตรึงอยู่กับพื้น
ดิน จนแมวโซที่มีอาการเจ็บป่วย
> ค่อนข้างหนักอยู่แล้ว ไม่มีแรงที่จะดิ้นรนต่อสู้เพื่อรักษาชีวิต
นอนดิ้นกระแด่วๆ อยู่กับหลักตรึงให้ "หมอ
> เสริม" ที่ได้เครื่องมือผ่าตัดซึ่งดัดแปลงมาจากมีดโกนหนวด "ลองวิชา"
จากหมอคนมาสู่ "หมอแมว" ใน
> คุก
>
>
> หมอเสริม ได้บอกกับเพื่อนนักโทษถึงเหตุผลที่เขาต้องผ่าตัดแมวว่า
แมวตัวนี้เป็นโรคใกล้ตายแล้ว อยาก
> ศึกษาเพื่อหาปัญหาของโรคเพื่อจะได้รักษาตัวอื่นๆ ที่เป็นโรคเดียวกัน
คำตอบที่ประสงค์ดีเช่นนี้ ประกอบ
> กับนักโทษหลายคนก็เชื่อถือในฝีมือความเป็นหมอ
จึงไม่มีใครโต้แย้งแม้แต่คนเดียว มีแต่คนเห็นว่า "หมอ
> เสริม" คงจะสันนิษฐานโรคได้ และเผื่อมีแมวตัวอื่นที่เป็นโรคเดียวกัน
"หมอเสริม" ก็จะได้รักษาได้ใน
> อนาคต
>
>
> แต่แล้วเรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้นจนบรรยากาศปกคลุมไปทั่วคุก โดยเฉพาะ
"แรมโบ้เอ็ม" เจ้าของแมว
> เมื่อหมอเสริม ได้ใช้ฝีมือสุดความสามารถ ใช้ใบมีดโกนหนวดกรีดหน้าท้อง
ควักเอาตับ ไต ไส้ พุง ของ
> แมวเคราะห์ร้ายออกมาวินิจฉัยหาสาเหตุแห่งการ "เจ็บป่วย"
หมดทางที่เจ้าแมวเหมียวซึ่งถูกจับตรึงกาง
> เขนจะมีลมหายใจอยู่ได้
>
>
> ข่าวการตายของแมวเคราะห์ร้าย
ทำให้เพื่อนนักโทษในคุกต่างตกอยู่ในความเศร้าไปตามๆ กัน เช่น
> เดียวกับ แรมโบ้เอ็มที่ต้องกล้ำกลืนกับชะตากรรมของแมวตัวโปรด
>
>
> แต่เคราะห์ร้ายก็ยังไม่สิ้น เพียงอีกสองวันต่อมา แมวตัวที่สองของ แรมโบ้เอ็ม"
ก็เกิดล้มป่วยลงอีกแม้
> อาการจะไม่หนักหนาเหมือนตัวแรก แต่ "หมอเสริม"
ก็ขอแก้มือกู้หน้าอีกครั้งที่ทำให้การ "ผ่าตัด" ครั้ง
> แรกต้องเสียชื่อ ทำให้แมวตัวที่หนึ่งต้องตายไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนฝูง
>
>
> หลักตะแลงแกงสี่หลักถูกนำมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง
ขาทั้งสี่ข้างของแมวตัวที่สองถูกตรึงไว้กับหลักอันแน่นหน
> า เพื่อให้ "หมอเสริม" ได้ "ลองวิชา" ในคุกอีกครั้ง
>
>
> ระหว่างที่ "หมอเสริม" นำแมวมาผ่าตัด แรมโบ้เอ็ม กำลังมัวคุยอยู่กับญาติๆ
ที่มาเยี่ยมนานพอสมควร
> พอญาติกลับไปแล้ว
เขาจึงนึกขึ้นได้ถึงเรื่องแมวที่มันเคยเป็นที่รักและที่ห่วงใยของเขาที่คอยป้อนน
้ำป้อนข้า
> ว ซึ่งเพิ่งจะเห็นหน้ากันอยู่หลัดๆ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะไป "พบญาติ"
เมื่อเขารีบตรงรี่เข้าไปดูอาการว่า
> "หมอเสริม" รักษามันอย่างไรบ้าง "แรมโบ้เอ็ม" ก็ต้องตกตะลึงจนตัวเย็น
เมื่อเห็นร่างของมันนอนแผ่
> หราอยู่กับหลักหมุดทั้งสี่ สิ้นลมหายใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง
>
>
> เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่อุทานออกมาว่า หมอเสริม "รั่ว" ไปแล้ว
>
>
> รั่ว คำๆ นี้เป็นอันเข้าใจกันในคุกว่า มันเป็นภาษาแสลงของชาวคุกว่า
"หมอเสริม" นั้น บ้า ไปแล้ว
> จริงๆ
>
>
> ร่างของแมวทั้งสองตัว ถูกชำแหละไม่แตกต่างอะไรกับร่างของนางสาวเจนจิรา
อดีตแฟนสาวของเขานั่น
> เอง
>
>
> "แรมโบ้เอ็ม" ที่เคยมีกิตติศัพท์ว่าใจร้อน ใจถึงเมื่ออยู่นอกคุก
มาเจอสภาพนี้เข้าเขาก็ได้แต่เดินหันหลังอ
> ย่างเร่งรีบเข้าไปพบ ขาใหญ่คนหนึ่งอย่างหน้าตาตื่น พร้อมทั้งอ้อนวอนว่า
>
>
> ช่วยผมทีได้ไหม ช่วยย้ายไอ้หมอเสริมออกไปจากห้องผม
หรือเอาผมไปนอนที่อื่นหน่อยได้ไหม ไม่อย่างนั้น
> มันหั่นผมเป็นศพแน่
>
>
> ขาใหญ่ จึงสอบถามว่า เรื่องราวมันเป็นอย่างไรหรือ
>
>
> จนทำให้ แรมโบ้เอมต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดจนกลายเป็นเรื่องขำไม่ออกไปตามๆ
กัน
>
>
> หลังจากนั้นไม่นานนัก ขาใหญ่ ประจำคุกจึงได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจาก
หมอเสริม ซึ่งได้ให้เหตุผล
> ในการผ่าตัดโดยไม่ต้องมีการฉีดยาชา-วางยาสลบว่า "เมื่อเรียนมาเป็นหมอ
แต่ไม่สามารถช่วยคนได้
> จึงขอช่วยชีวิตแมวก็แล้วกัน"
>
>
> ถึงอย่างไรก็ตาม
ผู้ต้องขังทั้งสองคนก็สามารถเคลียร์ปัญหาความหวาดกลัวซึ่งกันและกันได้
ไม่มีเหตุการณ์
> "แมวทดลอง" ตัวที่สามให้ซ้ำรอย เจนจิราขึ้นมาอีก
> งูเหลือมอาถรรพ์ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
>
>
> เมื่อย้อนมาดูการดำเนินคดีของ หมอเสริม ก็ให้การปฏิเสธมาตลอด อ้างว่า
พนักงานสอบสวนกลั่นแกล้ง
> ยัดข้อหา นางสาวเจนจิราเป็นคนรักคนแรกในชีวิตของเขา เขาจะฆ่าเธอได้อย่างไร
>
>
> ถ้ามีคนที่รักมากเหมือนเขา คุณจะฆ่าคนรักของคุณได้ลงเชียวหรือ" "หมอเสริม"
มักจะย้อนถามผู้ถามให้
> กลับไปคิดว่าเขา "บริสุทธิ์" เช่นนี้อยู่เสมอ ก็หมายถึง
ตำรวจจับเขาผิดตัวนั่นเอง
>
>
> ในที่คุมขังอันจำกัดเสรีภาพนั้น โทรทัศน์ คือ สื่อสารเพียงสิ่งเดียวที่
"สื่อ" ให้รับรู้ถึงสังคมภายนอก ถือ
> ว่าเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ทุกคนในแดนสนธยาได้รับรู้ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว
ใครทำอะไรที่ไหน ใคร
> สร้างคดีอะไร หนักหนาสาหัสยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ได้รู้กันหมด
>
>
> แม้กระทั่งว่า ตำรวจจะส่งตัวเข้าไปเมื่อไร อาชญากรตัวใหญ่ๆ
ที่จบเกมวันไหนจะได้สัมผัส "พวกข้างใน
> "รู้กันดี เก็งกันได้อย่างแม่นอย่าบอกใครเชียว
แม้นักขุดคุ้ยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่าง พ.ญ.พรทิพย์
> โรจนสุนันท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชจะได้พิสูจน์ดีเอ็นเอ
จากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุตรงกับโครงข่
> ายที่สอดคล้องกัน แต่ หมอเสริม ก็ยังไม่ยอมรับ
>
>
> คดีของ "คนหัวหมอ" อย่าง "หมอเสริม" ที่รอบรู้ทางหนีที่ไล่และตระเตรียมไว้หมด
คงจะไม่จบลงอย่าง
> นี้
>
>
> หากไม่บังเอิญอยู่มาวันหนึ่ง ทางนายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์มาช่วยราชกา
> รที่สำนักพระราชวัง ได้รับแจ้งว่า
พบงูเหลือมไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านเช่าย่านบางพลัด เมื่อทีมงานหมองูไป
> จับงูตัวนี้ ก็ปรากฏหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับคดีของ หมอเสริมอย่างไม่คาดฝัน
จนทำให้ข่าวนี้แพร่
> กระจายไปทั่ว แม้กระทั่งในเรือนจำแห่งนี้ด้วย!
>
>
> เมื่อ หมอเสริมได้รับข่าวสารนี้ก็ทำให้คืนนั้นเขานอนไม่หลับทั้งคืน
เพราะวันรุ่งขึ้นจะต้องไปขึ้นศาลพิจารณ
> าคดี
>
>
> ทันทีที่ไปถึงศาล หมอเสริมก็มีอาการครุ่นคิดอย่างหนัก
เมื่อทนายความพิจารณาแล้วไม่นาน ก็ปรากฏว่า
> หมอเสริม ยอมให้การรับสารภาพอย่างไม่มีใครคาดคิด ทั้งๆ
ที่เคยยืนกระต่ายขาเดียว ปฏิเสธมาตลอด
> ทำให้ศาลตัดสินประหารชีวิต แต่เมื่อรับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
>
>
> เรียกว่า หมอเสริม กลัวงูมากกว่ากลัวกฎหมายและตำรวจเลยทีเดียว
>
>
> หมอเสริมมุมานะเรียนหวังรับปริญญาในคุก เมื่อเข้ามาอยู่ในคุก หมอเสริม
ก็ไม่เคยละทิ้งนิสัยที่ชอบใฝ่รู้ใ
> ฝ่เรียน เขามุ่งมั่นทางการศึกษาอย่างเดียว ไม่เคยเสเพลออกนอกลู่นอกทาง
นับตั้งแต่เริ่มต้นเรียนที่จังห
> วัดชลบุรี จนกระทั่งจบแพทย์ที่มหิดล
และไม่ยอมออกไปประกอบอาชีพเพียงสาขาเดียวที่เรียนจบ เขาหวัง
> จะเป็นหมอโดยสมบูรณ์ด้วยการเข้าศึกษาต่อที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในวิชาความรู้ที่ต่างสาขาจากที่เรี
> ยนมา เพื่อจะได้ออกไปเป็นหมอที่สมบูรณ์แบบ และรอบรู้อย่างแท้จริง
แต่ที่นี่เองที่เขาต้องมาประสบกับชะ
> ตากรรมของชีวิต ที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้
พร้อมกับต้องยอมรับชะตากรรมมาจนถึงทุกวันนี้
>
>
> ส่วน น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี ผู้หญิงคนแรกที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางรักของ
หมอเสริม ในขณะที่เขา
> เรียนสองสาขาในเวลาเดียวกันที่ จุฬาฯ คือ วิชาแพทย์ และวิชารัก ซึ่งเขาคิดว่า
เวลาจบแล้วเขาจะ
> ต้องได้ถึง 3 ปริญญา
>
>
> รวมถึงปริญญารักด้วย
>
>
> มันน่าจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
ก่อนจะออกไปประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์เพื่อช่วยเหลือชีวิตมนุษย์ ซึ่ง
> เขาตั้งใจมุ่งหมายเอาไว้ว่า จะต้องเรียนจบให้ได้ภายในวัยเพียง 20 ปี
>
>
> ในระยะเวลาประมาณ 1 ปีเศษ ทุกวิชาที่ หมอเสริม ร่ำเรียนมา
เขาสามารถสอบผ่านด้วยเกรดเฉลี่ยดี
> ๆ ทั้งสิ้น
>
>
> กับความรักที่เขาร่ำเรียนวิชารักกับ เจนจิรา
วิชารักที่เริ่มต้นเรียนด้วยการทุ่มเทของเขาอย่างหนัก หวัง
> ผ่านทุกหน่วยกิต เขาสอบตกสนิทเกือบทุกวิชาที่เรียน
ทั้งๆที่ทุ่มเทเวลาที่เหลือจากวิชาแพทย์เพื่อเธอโดยไ
> ม่ตกหล่น หมอเสริม สุดความสามารถที่จะผ่านสาขาความรักไปได้
เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ กลายเป็นผู้
> ต้องหา "ฆ่าคนรักของตัวเอง"
โดยใช้วิชาแพทย์ที่เรียนมาจนเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่ว
>
>
> ในชีวิตของเสริม ไม่เคยคบค้ากับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย นอกจากเพื่อนร่วมเรียน
เสริม จะตั้งหน้าตั้ง
> ตาเพื่อบทเรียนในตำราเท่านั้น เจนจิรา คือ ผู้หญิงคนแรกในชีวิตวัย 22 ปีที่
เสริมทุ่มเทความรักให้
> เจนจิราคือคนแรกและคนสุดท้ายของหมอเสริม
>
>
> ถึงแม้ว่าเขาต้องรับชะตากรรมในคุก แต่เขาก็ยังสู้อุตส่าห์เรียนด้วยตัวเอง
เพื่อหวังจะรับปริญญาอีกใบ
> จากในคุก เขาได้ลงเรียนในคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชเขาได้ใช้ความพยายามหลา
> ยๆ อย่างเพื่อให้เรียนจบโดยเร็วที่สุด "หมอเสริม"
พยายามไขว่คว้าหาความรู้จากหลายแห่งด้วยกัน
>
>
> ต่อมาได้มีวิทยุจัดรายการติวเข้ม โดยลักษณะรายการมีเนื้อหาคล้ายกับนิตยสาร
เนชั่นเอ็นซ์ สายศิลป์ ซึ่ง
> มีอาจารย์หลายคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจัดรายการ ในขณะที่ "หมอเสริม"
ติดตามฟังรายการตลอด
> มา แต่ "หมอเสริม" กลับประทับใจอาจารย์สาธิตา รัตนะโพคากุล หรืออาจารย์มินท์
เพียงคนเดียว
> พร้อมกับส่งไปรษณียบัตรออกจากเรือนจำมาให้พร้อมระบุว่า
>
>
> "ผมติดตามฟังอยู่ ชอบวิชาภาษาอังกฤของ อ.มินท์
และฝรั่งเศสก็ชอบสอนภาษาอังกฤษจากเพลง ฟัง
> ประมาณ 2-3 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ช่วง 9-10 หรือ 10-12 ไม่แน่นอนครับ
ก็อยากได้ใบสมัครหนังสือ
> Nation Entrance สายศิลป์ รบกวนช่วยส่งมาให้ผมที่นี่ด้วยครับ
แล้วจะได้ส่งธนาณัติไปให้สมัครทางไห
> นช่วยบอกรายละเอียดด้วยครับ"
>
>
> ไม่นานนัก "หมอเสริม"ได้สมัครเป็นสมาชิกนิตยสาร เนชั่นเอ็นซ์ สายศิลป์
หมายเลข EN-B-0100037
> เพื่อจะได้นำมาประกอบการเรียนได้มากยิ่งขึ้น
>
>
> อาจารย์สาธิตา กล่าวถึงความรู้สึกที่ "หมอเสริม" มาชอบการจัดรายการว่า
ตนมีความรู้สึกกลัวเหมือน
> กัน เพราะคนอย่างนี้เราไม่รู้ใจเขา
โดยเฉพาะพ่อของตนบางครั้งต้องการให้ออกจากการจัดรายการเล
> ยทีเดียว แต่ต้องยอมรับในการมีการศึกษาสูง เราก็หวังว่า
เขาคงจะกลับใจเป็นคนดี
>
>
> เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ "หมอเสริม" อยู่ในคุกยังฆ่าหั่นศพแมวไปอีก 2 ตัว
อาจารย์มินท์ตอบว่า ไม่
> ทราบ เมื่อเป็นอย่างนี้จริงๆ เขายิ่งเป็นคนที่น่ากลัวมากขึ้น
>
>
> อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ
"หมอเสริม"ยังมีให้ติดตามอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเขายังต้องถูกจองจำใน
> ระหว่างการอุทธรณ์สู้คดีให้ถูกลงโทษน้อยกว่านี้


บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
สหายอ๋อง เซียนปลาซิว
จริงใจ บริสุทธ์ใจ แล้วจะแคล้วคลาด จากภัยทั้งปวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 657
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9377


คบหมาเป็นเพื่อน ดีกว่าคบเพื่อนหมาๆ


« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 06:59:12 PM »

ปูน  ไฟแช๊ค  ได้ทำงาน  อีกล่ะ

บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 07:09:09 PM »

14ปี คดีนี้  อ่านเองครับ เอามาลงไม่ได้ มันสยดสยองเกินไป  อ๋อย


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89:Clumsy/001
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 07, 2011, 07:10:48 PM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
rambo1th
Hero Member
*****

คะแนน 143
ออฟไลน์

กระทู้: 1349


« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 08:38:35 PM »

สรุปว่าฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ติดคุก 8 ปี หรือยังไงครับ ช่วยอธิบายขยายความหน่อยสิครับ
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 08:41:34 PM »

สรุปว่าฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ติดคุก 8 ปี หรือยังไงครับ ช่วยอธิบายขยายความหน่อยสิครับ

นี่ถึงขั้นวางแผน ทำลายซ่อนเร้นศพ ทำลายหลักฐาน วางแผนฆ่ามาอย่างดี  Cool
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 08:59:09 PM »

อ่านหมอเสริมจนจบ
ผมก็ยังสงสัยไม่หายว่า ทำไม งูเหลือม ทำให้หมอเสริมต้องสารภาพ

หรือว่ามีการเอางูเหลือมไปผ่าท้องแล้วพบหลักฐานอะไรที่งูมันมากินเข้าไปหรือครับ

แล้วสงสัยต่อ งูจะกินเข้าไปยังไง ในเมื่อหมอเสริมหั่นศพเป็นชิ้นๆ กดลงโถส้วมไป

หรือว่ามีบางชิ้นตกค้าง
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40176


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 09:04:21 PM »

.....................

นอกจากนี้ด้านนายเสริม สาครราษฎร์ ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีฆ่าหั่นศพแฟนสาว ได้รับการลดโทษ 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2547 และล่าสุดปี 2554 ได้รับพระราชทานอภัยโทษอีก 1 ใน 3 เหลือโทษ 8 ปี แต่จำคุกมาจะครบ 8 ปี วันที่ 18 ธันวาคมนี้
.............................


ไม่เข้าใจ

นึกว่าเขาอภัยโทษให้กับโทษที่เหลือ  ตกลงคิดตั้งแต่นู่นเลยเหรอ
บันทึกการเข้า
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40176


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 09:07:33 PM »

เรากำลังคิดว่า ทำไม คนเหล่านี้ ถึงไม่มาอยู่บ้านหลังเดียวกัน แบบเอเอฟทั้งหลาย

เสริม สาครราษฎ์  แมน เตาปูน   ลูกดวง  ลูกวัน  และก็ ไอ้แรมโบ้ปล้นโรงพัก ที่อยู่ยุคเดียวกันน่ะ ชื่ออะไรแล้วไม่รู้
บันทึกการเข้า
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 09:32:53 PM »

รู้จักอยู่คนอายุ15-16ปียิงแม่ของเพื่อนตายติดคุกประมาน6-7ปี  รายนี้ก็เพราะไปขโมยของในบ้านเจ้าทุกข์แจ้งความจับ  ประกันตัวออกมาฆ่าเจ้าทุกข์  ออกจากคุกได้2ปีคนมองหน้ามันก็ยิงเขาตายอีก  ลืมถามว่าเที่ยวสองนี่ติดกี่ปี 
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
D.A.- รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 36
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 568



« ตอบ #10 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 09:44:21 PM »

จำได้เลา ๆ ว่าใต้เพดานห้องเช่า หมอเสริมแกเอาเครื่องประดับประเภทนาฬิกาหรือสร้อยข้อมือของผู้ตายไปเก็บไว้ จู่ ๆ ก็มีงูเหลือมเลื้อยเข้าไปขดตัวอยู่ใกล้ ๆ กับของชิ้นนั้น เมื่อ จนท.มาจับงูก็เจอเข้ากับหลักฐานชิ้นสำคัญเข้าพอดี บางความเชื่อว่ากันว่างูตัวดังกล่าวอาจเป็นวิญญาณของผู้ตายที่เข้ามาเฉลยเงื่อนงำคดีของตน..... หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

รักแฟน...ห่วงชู้...เอ็นดูกิ๊ก
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #11 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 09:53:32 PM »

จำได้เลา ๆ ว่าใต้เพดานห้องเช่า หมอเสริมแกเอาเครื่องประดับประเภทนาฬิกาหรือสร้อยข้อมือของผู้ตายไปเก็บไว้ จู่ ๆ ก็มีงูเหลือมเลื้อยเข้าไปขดตัวอยู่ใกล้ ๆ กับของชิ้นนั้น เมื่อ จนท.มาจับงูก็เจอเข้ากับหลักฐานชิ้นสำคัญเข้าพอดี บางความเชื่อว่ากันว่างูตัวดังกล่าวอาจเป็นวิญญาณของผู้ตายที่เข้ามาเฉลยเงื่อนงำคดีของตน..... หัวเราะร่าน้ำตาริน

ขอบคุณครับ
+ให้ครับ
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #12 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 10:30:10 PM »

ก่อนจะออกนี่น่าจะตรวจดูก่อนนะว่าหมอนี่โรคจิตหรือเปล่าเดี๋ยวก็มาหั่นอีกทำไงเนี่ย อ๋อย
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #13 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2011, 10:45:09 PM »

ดูข่าว3มิติครับ
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
พญาจงอาง +รักในหลวง+
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1870
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10363



« ตอบ #14 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2011, 07:38:31 AM »

หนึ่งในนักโทษที่ได้รับอภัยโทษในครั้งนี้ มีNathan Omanอยู่ด้วย ใครเป็นญาติรบกวนไปรอรับขวัญหน่อยที่หน้าเรือนจำจังหวัดเลย หุหุ Grin หลงรัก คิก คิก
บันทึกการเข้า

..The only thing neccessary for the triump of evil is for the good man to do nothing..
"สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ คือการที่คนดีๆนิ่งดูดาย "
หน้า: [1] 2 3 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.12 วินาที กับ 20 คำสั่ง