ถ้ามองด้วยใจเป็นกลาง คำนึงถึงทั้งความถูกต้องและความปลอดภัยของสังคม การให้นายทะเบียนฯต้องใช้ดุลพินิจในการพิจารณาออกใบอนุญาตยังเป็นสิ่งจำเป็น
แต่การใช้ดุลพินิจ ก็เพื่อให้การตรวจสอบคุณสมบัติและการไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา ๑๓ ของพ.ร.บ. อาวุธปืนเป็นไปอย่างถี่ถ้วน
..............ไม่ใช่ดุลพินิจแบบเอาตามใจตน
ตัวอย่างเช่นผู้ขอแสดงตนว่ามีทรัพย์สิน แต่ไม่ชัดเจนเรื่องอาชีพหรือแหล่งรายได้ ก็ควรต้องสืบเสาะพฤติการณ์ให้แน่ชัด
กฎหมายได้วางกรอบการใช้ดุลพินิจไว้ให้แล้ว ......... ทำตามอย่างถี่ถ้วน เที่ยงธรรม ก็จะบังเกิดผลดีน่าสรรเสริญ
แต่ปัญหาคือการออกระเบียบ หรือใช้กฎเกณฑ์ตั้งเอง นอกกรอบกฎหมาย .................. พวกฉ้อฉลก็ใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์
เมื่อเลือกปฏิบัติ เรียกรับสินบน ไม่อนุญาตคนดีๆที่เขามีคุณสมบัติครบถ้วน ทำให้ต้องสู้ ฟ้องร้องกัน
แล้วเมื่อ"สังคม" ยอมให้เงินเป็นตัวนำ เราก็ได้เห็นข่าวมิจฉาชีพ ค้ายา อิทธิพล การพนัน มีอาวุธ ..... เพราะเงินบาป
ว่าตามพี่ธำรง ครับ.
ส่วนตัว ไม่รู้สึกอะไร.. ต่างคนต่างทำหน้าที่ และถ้ามองให้ชัดลงไป ปัญหา
เรื่องดุลพินิจนี้ จำเป็น และมักจะเกิดกับผู้ที่ขาดคุณสมบัติ ตาม พรบ. อาวุธปืน ม.๑๓
ดุลพินิจ ของนายทะเบียนฯ เป็นการกรองคนที่ไม่ได้พิจารณาจากความร่ำรวย หรือฐานะทางสังคม จำเป็นต้องมีอยู่แล้วละ ครับ
อย่างไร ก็ปล่อยไปไม่ได้.. เพราะอาวุธปืน ถึงจะถูกกฎหมายก็ตาม แต่อาวุธปืน
เป็นสิ่งที่ มีผลกระทบต่อสวัสดืภาพ และความสงบสุขในสังคม อันเกี่ยวด้วยความมั่นคงของรัฐ ซึ่งเป็นที่มาของ พรบ.อาวุธปืนฯ
การใช้ดุลพินิจ เป็นการพิจารณาในพฤติกรรมของผู้ยื่นขอ.. หากปรากฎจากการกระทำ
เลว ที่เรียกว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงในอดีต
ก็ไม่สมควรให้ครอบลครองอาวุธปืน.. เพียงแสดงหลักฐาน ไม่ใช่แสดงว่าเป็นคนดี หรือไม่ แต่ถ้าไม่มีประวัติเกิดก่ออาชญากรรม ก็ไม่อาจใช้ดุลพินิจ ไม่อนุญาต
ไม่ ได่้เหมือนกัน
บอกตามตรง ความเห็นของคอปืน ที่ให้ความเห็น ในบางกระทู้ ในบางอาชญากรรม ยังไร้วุฒิภาวะ ด้วยซ้ำ
อย่าง มีอะไรนิดหน่อย ก็จะยิง.. มีอะไร ก็จะยิงให้ตาย .. เมื่อนายทะเบียนมาพบ และทราบว่าเป็นใคร
สมควรที่นายทะเบียน ฯ ต้องใช้ดุลพินิจ ไม่ให้ผู้นั้นครอบครองอาวุธปืน ด้วยซ้ำ ..