http://www.thailandoutdoor.com/GunStory/SiameseMauser/siamesemauser.html
:<>พี่ยุ่นล็อบบี้สุดแรง
ระหว่างนี้ญี่ปุ่นก็ไม่เลิกความพยายามขอส่งนายทหารเดินทางจากโตเกียว เพื่อมาชักชวนให้ซื้อปืนของเขาอีกรอบ
หนึ่ง ร้อนถึงเสนาบดีทรงมีหนังสือกราบทูลอีกครั้งว่า นายอินากากิ (M.Inagaki) ทูตญี่ปุ่นขอพบและพูดจาเกี่ยวกับ
การทหารของไทย ซึ่งมีคำถามแปลกๆเรื่องการจัดกำลังรบแล้วยังวกมาถามถึงเรื่องการซื้อปืนอีก
นายอินากากิ "ปืนที่รัฐบาลญี่ปุ่นส่งมาให้ดีหรือไม่ดี และเห็นว่าเราเป็นชาวตะวันออกด้วยกันควรใช้ปืนอย่างเดียวกัน
เมื่อเวลามีช่องโอกาสที่สองพระนครจะได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ก็จะได้อาศัยใช้ปืนและกระสุนดินดำซึ่งกันและกันได้ "
ท่านผู้อ่านคงวินิจฉัยจากคำพูดของท่านทูตได้ว่า ญี่ปุ่นซึ่งได้พัฒนาประเทศเพื่อรักษาเอกราชจากฝรั่งก่อนหน้าไทยเรา
ได้แซงหน้าไปถึงขนาดคิดการใหญ่ มาชวนคนไทยร่วมพันธมิตรทางการทหารในอนาคต โรงงานผลิตอาวุธในญี่ปุ่น
นั้นทำได้เกือบทุกอย่าง สินค้าญี่ปุ่นก็มีราคาถูกกว่าฝรั่งมาก และเริ่มทะลักเข้ามาแย่งตลาดสินค้าฝรั่งในเมืองไทยและ
ประเทศอานานิคมอื่นๆ อันเป็นแหล่งระบายสินค้าอุตสาหกรรมของเหล่าประเทศมหาอำนาจ ดูแล้วก็คล้ายๆสินค้า
ราคาถูกจากเมืองจีนซึ่งระบาดไปทั่วโลกในปัจจุบันนะครับ ฝรั่งจึงเริ่มจะรู้สึกถึงผลกระทบทางการค้าจากญี่ปุ่น แต่
แล้วอีกไม่กี่ปีก็จะต้องเสียวสันหลัง เมื่อ ทร.ญี่ปุ่นบี้กองทัพเรือรัสเซียเสียสิ้นซากในช่องแคบ ทุซิม่า (Tsushima)
ด้วยแรงตื้อของพี่ยุ่นบวกกับปัญหาจัดซื้อปืนเมาเซอร์ของไทย ทางออกที่สวยก็คือเอาแบบปืน ร.ศ. จากเยอรมันมา
จ้างญี่ปุ่นทำ ไม่ต้องทนซื้อปืนอาริซากะ แต่ได้ใช้ปืนราคาถูกอย่างญี่ปุ่น ดังนั้นญี่ปุ่นซึ่งแพ้การประกวดไปคราวก่อน
จึงได้เสนอตัวผลิตปืน ร.ศ. ในราคาที่ยากจะ ปฎิเสธและได้ตกลงให้โรงงานสรรพาวุธ โคอิชิกาว่า กรุงโตเกียว(Koishi
kawa Arsenal) เป็นผู้ผลิต
สัญญาสั่งซื้อปืน ร.ศ. จึงถูกทำแยก 3 ฉบับ ในสมัยที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุรังษีสว่างวงศ์ ว่าการกระทรวงกลา
โหม ทำกับบริษัท Mitsui Bussan Kaisha ซึ่งแท้จริงเป็นนายหน้าขายอาวุธในนามรัฐบาลญี่ปุ่นและสามารถรับผิด
ชอบในการจัดส่งเบ็ดเสร็จเงื่อนไขก็คล้ายๆกันคือขอจ่ายล่วงหน้าเมื่อเซ็นสัญญา 1/3 ของมูลค่าทั้งหมด ที่เหลือจ่าย
เมื่อรับปืนที่กรุงเทพแล้ว สัญญาแยกให้เห็นว่ามี ลิขสิทธิ์บางส่วนที่เป็นของญี่ปุ่นแท้ๆไม่เกี่ยวกับเมาเซอร์ คือ ฝาครอบ
ลูกเลื่อนเพื่อกันฝุ่นโคลน และวิธีปลดฝาปิดใต้แม็กกาซีน ให้ไปเจรจากันระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจรับปืนฝ่ายไทยและหัว
หน้าโรงงานสรรพาวุธปืนเล็กของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ซึ่งในที่สุดเป็นปุ่มปลดทรงสี่เหลี่ยมไม่เหมือนใคร ส่วน
แม็กกาซีนและกลไกต่างๆ ถูกปรับปรุงให้รับกับกระสุนมีขอบจานท้าย (Rimmed Cartridge) และคลิปขนาด 8 มม.
ที่ไทยใช้อยู่ ซึ่งหมายถึงจะมีขนาดใหญ่กว่าแม็กกาซีนปืนที่เมาเซอร์ออกแบบไว้ให้กระสุน 8 มม. เมาเซอร์แบบไม่มีริม
(Rimless Cartridge)