หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ ลงเรื่องวัยรุ่น กับอาชีพชาวนาของไทย เมื่อ 4 มิ.ย. 55
http://www.nytimes.com/2012/06/05/world/asia/thai-youth-seek-a-fortune-off-the-farm.html?pagewanted=1&_r=1&hpดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ นำมาแปลและเรียบเรียงใหม่
http://www.doctorwe.com/variety/20120606/1591ตัดแปะมาให้อ่านบางส่วนคะ

บังเอิญผมได้เห็นข่าวของเมืองไทย
ที่เกี่ยวกับ ชาวนาไทย ใน นสพ.นิวยอร์ค ไทมส์
โดยมีชื่อเรื่องว่า Thai Youth Seek a Fortune Away From the Farm
จึงอยากเอามาเล่าให้เพื่อนๆฟัง ในตอน ชาวนาไทย อนาคตที่
.. มืดมน
ก่อนอื่นขอแปลชื่อเรื่อง ให้เพื่อนๆ ได้อ่านง่ายๆ ก่อน..
ชื่อเรื่องแปลตามความว่า ชาวนา อาชีพที่..วัยรุ่นไทย
.ไม่อยากจะเป็น
เนื้อเรื่องกล่าวถึง น้องมาลินี คำมอญ เธอมีอายุเพียง 18 ปี
ใช่แล้ว
เธอยังเป็นวัยรุ่น อาศัยอยู่ที่บ้านคลองคู ที่จังหวัดพิษณุโลก
เธออาศัยอยู่ในบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับผืนนา
ที่บ้านเธอเป็นเจ้าของ
แต่ที่น่าแปลกคือ มาลีนี
. ไม่เคยปลูกข้าวเลย..แม้แต่เม็ดเดียว ตั้งแต่เกิดมา

มันร้อน มันเหนื่อยมาก ฉันไม่ชอบจริงๆ เป็นคำพูดของมาลินี
ฉันไม่ชอบโดน
.. แดด มาลีนีพูดต่อ
ขณะที่กำลังเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่
ในอดีต.. ชาวนาไทยหนุ่มสาว
.ต้องทนลำบากในการปลูกข้าว
และต้องยืนเป็นชั่วโมงๆ ท่ามกลางแสงแดด
.อันร้อนแรง
แต่ทุกวันนี้
มีแต่คนแก่ๆ หรือ แรงงานต่างชาติ เท่านั้น ที่ยังทำ
แบบนั้นอยู่
ทุกวันนี้.. ด้วยระบบการศึกษาที่ดีขึ้น รวมถึงโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้น
วัยรุ่นไทย จึงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงเรียน หรือโรงเรียนกวดวิชา มากขึ้น
เพื่อมุ่งไปสู่อาชีพ
และอนาคตที่ดีกว่า
รวมไปถึงโอกาสที่จะได้ทำงาน.. ในห้องที่ติดแอร์
ที่ไม่ต้องร้อน
. เหมือนการยืนตากแดดทำนา..ทั้งวัน
สิ่งที่พวกวัยรุ่นอยากทำมากที่สุดก็คือ คุยกับเพื่อนทาง
โทรศัพท์มือถือ
เป็นคำพูดของสุดารัตน์ คำมอญ ชาวนา อายุ 33 ปี
ซึ่งเธอเป็น
ชาวนาอายุน้อยที่สุดของบ้านคลองคู

ในปี 2528 พบว่า หนุ่มสาวที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี จะทำอาชีพทำนา คิดเป็น 35 %
ทุกวันนี้ หนุ่มสาวที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี ที่ทำนาเป็นอาชีพ เหลือเพียง 12 % เท่านั้น
คิดง่ายๆก็คือ ถ้าจากเดิมมี 3 คน..ทำนา เวลานี้ก็เหลือแค่
.คนเดียว เท่านั้น
ที่ยังทำนาอยู่
ที่หนักหนากว่านั้นคือ
..
ในปี 2528 พบว่าอายุเฉลี่ยชาวนาที่ยังทำนาอยู่ อยู่ที่ 31 ปี
ซึ่งแสดงว่า คนส่วนใหญ่ที่ทำนา
ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว
..วัยทำงาน
พอถึงปี 2553 พบว่าตัวเลขอายุเฉลี่ยพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไปเป็น 42 ปี
ซึ่งพอสรุปได้ว่า
ทุกวันนี้
. และจากนี้ไป
. คงจะมีแต่ คนแก่ เท่านั้น
. ที่จะทำนา
ประเทศไทยนั้น
เคยมีชื่อเสียงอย่างมากในการผลิตข้าวป้อนสู่
ตลาดโลก

ข้าวหอมมะลิ
ของไทย ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน ข้าว ที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก
จากตัวเลขของกระทรวงเกษตร สหรัฐอเมริกา พบว่า
ไทย
เป็นผู้ส่งออกข้าว รายใหญ่ที่สุดของโลก นับตั้งแต่ปี 2526
โดยมียอดส่งออกข้าว สูงถึง 6 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา
ซึ่งยังเป็นสถิติ
. ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย แต่อาจไม่ใช่สำหรับ ชาวนา
ในเมืองไทย เป็นที่ทราบกันดีว่า ข้าว เป็น สินค้าการเมือง
ถ้าปีใด ราคาข้าว
เกิดมีราคาตกต่ำขึ้นมา
และรัฐบาลในขณะนั้น
.. ไม่สามารถออกมาตรการใดๆ มาพยุงราคาข้าวได้
พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลชุดนั้น ก็มักจะพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งต่อมา
รัฐบาลจึงมักออกมาตรการต่างๆออกมา เพื่อเอาใจ
ชาวนาไทย
มาตรการจำนำข้าว
มาตรการประกันราคาข้าว
. และอื่นๆ
เป็นเครื่องมือทางการเมือง
..
ที่พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลมักจะนำไปใช้
เพื่อหาคะแนนเสียงให้ตน
มาตรการเหล่านี้
หน้าฉากจะถูกโฆษณาว่า
เป็นมาตรการที่สุดยอด
สามารถแก้ไขปัญหาการขายข้าวของชาวนา ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
แต่หลังฉากกลับพบว่า บรรดามาตรการที่สุดวิเศษเหล่านี้
. ส่วนใหญ่มักจะลงท้ายด้วย
การมีสต็อคข้าว..จำนวนมหาศาล กองกันเป็นภูเขา
อยู่ในโกดัง
โดยสต็อคข้าวเหล่านี้
. ก็ใช้เงินภาษีของประชาชนไปซื้อมา หรือจำนำมา
ซึ่งมักจะขายไม่ออก
และรอวันเน่าเสีย
โดยไม่ค่อยมีใครจะไปยี่หระว่า นั่นเป็น
. เงินภาษีของประชาชน
ในขณะที่วัยรุ่นไทย
กำลังหลีกหนี การเป็น กระดูกสันหลัง ของชาติ
หรือการคิดว่า..ให้เป็นอะไรก็ได้ ยกเว้นเป็น
ชาวนา
อาจารย์เอี่ยม ทองดี อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าให้ฟังว่า
.
องค์ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ..การปลูกข้าว ก็ค่อยๆ จางหายลงไปทุกวัน
พร้อมๆกับประเพณี
ลงแขก ที่เพื่อนบ้านจะช่วยกันเกี่ยวข้าว

อาจารย์เอี่ยม ยังให้แง่มุมในการเป็น ชาวนา ที่ฟังแล้ว
.สะเทือนใจ อีกว่า
บรรดาลูกหลานชาวนาไทย มักจะมีความเชื่อว่า
..
ชีวิตในเมือง
จะสะดวก..สบายกว่า ในชนบท
และเป็น ชาวนา นั้นมันดูเหมือนจะเป็น
.. คนจน
คนโง่
.. คนอ่อนแอ
ชีวิตชาวนามันลำบาก จนบางคนถึงกับบอกว่า
ถ้ามีโอกาสเกิดใหม่ซัก 10 ครั้ง
ก็..ขออย่าให้มีชาติไหน ต้องเกิดมาเป็น
. ชาวนา อีกเลย
ปัญหาหนี้สินของชาวนา
ยังถือได้ว่า
หนักหนาสาหัสนัก
ในปีที่ผ่านมาพบว่า ชาวนาเป็นหนี้โดยเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 104,000 บาท
ซึ่งคิดเป็นเท่ากับ รายได้ที่ชาวนาหาได้ภายในระยะเวลาถึง 5 ปี
สาเหตุที่จะทำให้ชาวหนี้เป็นหนี้
..เพิ่มขึ้น
เพิ่มขึ้น
เป็นเพราะว่า ค่าปุ๋ย ค่าเมล็ดพันธุ์ ราคาเพิ่มขึ้น..อย่างต่อเนื่อง
และปัญหาภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม ความแห้งแล้ง อื่นๆ ก็ยิ่งซ้ำเติม ชาวนา เข้าไปอีก
บุญมี คำมอญ พ่อของ มาลินี วัยรุ่นสาว
ที่ไม่อยากเป็นชาวนา
พูดเกี่ยวกับลูกสาวของเขาว่า เธอ..อยู่ในโลกของเธอ
เธอ
ไม่สนใจที่จะเป็น..ชาวนา ผมเอง
พยายามบังคับเธอแล้ว แต่มันยากจริงๆ

มาลินีเล่าให้ฟังถึงเพื่อนๆของเธอว่า
บรรดาลูกหลานชาวนาหลายคนก็ไม่อยากเป็น
.. ชาวนา
พวกเขาอยากเป็นหมอ.. เป็นเภสัชกร.. เป็นวิศวกร
ส่วนมาลินี..เอง เธอคิดว่า โตขึ้น..เธออยากเป็นครู
เพื่อนๆของมาลินี กล่าวถึงมาลินีว่า
เธอค่อนข้างอาย..ที่จะบอกว่าพ่อแม่เป็นชาวนา
และสิ่งที่ทำให้มาลินีไม่อยากเป็น ชาวนา มากที่สุด ก็คือ
เธอไม่อยาก
ตัวดำ

และนั่นคือ มุมมองของคนต่างชาติ ที่มอง
.. ชาวนาไทย
หากมีลูกหลานชาวนาอย่างน้องมาลินี ที่ไม่อยาก ตัวดำ เป็นจำนวนมากแล้ว
อนาคตของ ชาวนาไทย ก็อาจจะต้อง ดำมืด แทน
อาจถึงเวลาแล้วที่
รัฐบาลไทย หรือ
. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จะต้องคิดถึงแหล่งสำรอง อาหาร
. ในอนาคต
ก่อนที่ ประเทศไทย ทั้งประเทศ
จะไม่มีคนไทยซักคนเลย ที่อยากเป็น
. ชาวนา

เครดิต คุณlookpu99
เวบ
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=67392.0ภาพประกอบจากเวบไซด์ทั่วไปครับ