กลยุทธ์ที่ ๑๘ จับโจรเอาหัวโจก
หักความแข็งแกร่ง เอาตัวหัวโจก ให้แตกสลาย มังกรสู้บนปฐพี ก็อับจนหมดหนทาง
กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า จักต้องตีข้าศึกในจุดที่เป็นหัวใจของกองทัพเพื่อสลายพลังของข้าศึก
มังกรสู้บนปฐพี ก็อับจนหมดหนทาง เปรียบประดุจมังกรในทะเล ขึ้นมาสู้กับศัตรูบนพื้นแผ่นดิน
ก็จักปราชัยแก่ข้าศึกโดยง่าย คำนี้เดิมพบใน คัมภีร์อี้จิง ดิน ซึ่งแฝงความนัยว่า จับโจรให้เอาตัวหัวโจก
อันเป็นกลอุบายใช้วิธี ตีงูให้ตีหัว เพื่อสยบข้าศึกอย่างหนึ่ง จับโจรเอาหัวโจก มาจากบทกวีของตู้ผู้
กวีอมตะแห่งยุคราชวงศ์ถึงของจีน ความว่า น้าวเกาทัณฑ์ต้องให้ตึง ลูกเกาทัณฑ์ควรจะยาว
ยิงคนควรยิงม้า จับโจรเอาหัวโจก
ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์นี้คือ
ในช่วงสงครามเย็น เป็นช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำในฝ่ายโลกเสรีต้องใช้ความพยายามอย่างสูง
ที่จะเอาชนะฝ่ายคอมมิวนิสต์ให้ได้ แม้ว่ามีข้อมูลมากมายที่มีความขัดแย้งกันที่ว่าแท้ที่จริงแล้ว
ฝ่ายที่สร้างคอมมิวนิสต์ขึ้นมาเป็นฝ่ายเดียวกันกับฝ่ายที่ให้การสนับสนุนให้มีการปราบปรามคอมมิวนิสต์ก็ตาม
เป็นอันว่าในกลยุทธ์นี้ผู้เขียนจะนำข้อคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายที่มีทัศนะที่แตกต่างกันเกี่ยวกับยุคสงครามเย็น
ซึ่งพอที่จะแบ่งออกเป็น ๒ ค่ายตามความเชื่อดังต่อไปนี้
๑) ฝ่ายที่เชื่อว่าคอมมิวนิสต์เป็นเรื่องของการต่อสู้ทางชนชั้นและมีอุดมการณ์จริงที่จะให้คอมมิวนิสต์
ครอบครองโลกให้ได้ ตามอุดมการณ์ของลัทธิมาร์กซิสต์
๒) ฝ่ายที่เชื่อว่าคอมมิวนิสต์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ทางศาสนาและเพื่อผลประโยชน์
ทางด้านธุรกิจของกลุ่มชนบางกลุ่ม
ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงฝ่ายแรกที่มีความเชื่อว่าคอมมิวนิสต์เป็นการต่อสู้ทางลัทธิอุดมการณ์จริง
ดังที่ปรากฏชัดแล้วว่า สหรัฐฯ ได้ทุ่มเทงบประมาณมหาศาลในการแสดงตนเป็นผู้นำของฝ่ายโลกเสรี
ด้วยการต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ ทั่วทุกภูมิภาคของโลก ดังที่เห็นได้จากการที่
เมื่อเริ่มต้นยุคสงครามเย็นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อว่าประเทศที่ได้รับการแต่งตั้ง ( Appointed Nation )
ในการต่อต้านการขยายอิทธิพลของคอมมิวนิสต์ที่มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำอยู่ในขณะนั้น
โดยการแบ่งยุทธบริเวณออกเป็นหลายยุทธบริเวณใหญ่ หนึ่งในจำนวนนั้นคือ Eastern Theater
ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ยุทธบริเวณย่อยทางตะวันออก ทั้งทางเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และด้านตะวันออกกลาง ส่วนยุทธบริเวณใหญ่ทางด้านตะวันตกก็รับผิดชอบพื้นที่ทางยุโรปเพื่อป้องกัน
การขยายอิทธิพลของฝ่ายคอมมิวนิสต์ไปทางยุโรปตะวันตก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้รวบรวมและระดมกำลัง
จากฝ่ายโลกเสรีทุกประเทศในแต่ละยุทธบริเวณและประเทศต่าง ๆ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ทั้งนี้เพราะแต่ละประเทศต่างก็กลัวภัยของพรรคคอมมิวนิสต์เช่นเดียวกัน ในการสู้รบในช่วงสงครามเย็นนี้
เป็นสงครามตัวแทน การสู้รบมีอยู่ทั่วไปทุกภูมิภาคแต่การสู้รบที่รุนแรงเกิดขึ้นเป็นเพียงบางจุดแท่านั้น
เช่น บนคาบสมุทธเกาหลี ในเวียดนามและอินโดจีน ซึ่งมีประเทศไทยร่วมอยู่ด้วยในภูมิภาคนี้
ดังที่ทราบกันดีถึงการระดมสรรพกำลังของประเทศไทยเพื่อการต่อสู้กับการคุกคามของลัทธิคอมมิวนิสต์นั้น
ใช้งบประมาณมหาศาลภายในประเทศและงบประมาณส่วนหนึ่งได้รับมาจากสหรัฐอเมริกา เมื่อการต่อสู้เพลาลง
อันเนื่องมาจากการอ่อนแรงของผู้นำคอมมิวนิสต์เองคือสหภาพโซเวียตและจีนทำให้ประเทศไทยรอดพ้น
จากการยึดครองของฝ่ายคอมมิวนิสต์อย่างหวุดหวิด ถ้าดูตามรูปการแล้วจะเห็นว่าการต่อสู้มีมาอย่างยาวนาน
กว่า ๗๐ ปีเศษทำให้สหรัฐฯ เองต้องสูญเสียทรัพยากรไปไม่ใช่น้อย รวมทั้งในหลายสมรภูมิทำให้สหรัฐฯ
ต้องเพลี่ยงพล้ำในการสู้รบถึงขั้นบอบช้ำทุกระบบของประเทศ กล่าวคือทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ
ศักดิ์ศรีของประเทศ เช่น ผลกระทบจากการสู้รบในสมรภูมิเวียดนามที่สหรัฐฯ ได้ชื่อว่าพ่ายแพ้สงคราม เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในภาพรวมแล้วถือว่าชัยชนะตกแก่ฝ่ายโลกเสรี ดังที่ทราบกันดีที่เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย
เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๒ การล่มสลายของสหภาพโซเวียตดังกล่าวนั้น หลายท่านอาจจะคิดว่า
เป็นการทำลายตัวเองของสหภาพโซเวียตเอง แต่ในแง่คิดมุมมองด้านความมั่นคงที่คิดตามหลักการของ
ตำราพิชัยสงครามแล้วถือว่าเป็นเรื่องของการชนะกันด้วยการต่อสู้ที่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ
แต่ที่คนทั่วไปมองกันว่าเป็นเพราะสหภาพโซเวียตต้องเป็นไปเช่นนั้นเองก็เพราะแผนการที่วางไว้นั้น
มีความแนบเนียนและกลมกลืนกับสถานการณ์อย่างแยกไม่ออกว่าเป็นแผนหรือเป็นธรรมชาติกันแน่
ดังที่ ซุน วู กล่าวไว้ในตำราพิชัยสงครามของเขาตอนหนึ่งว่า ......ที่โบราณเรียกว่า ผู้สันทัดการรบนั้น
คือชนะผู้ที่เอาชนะได้ง่าย ฉะนั้น ชัยชนะของผู้สันัดการรบ จึงมิพึงกังขา เหตุที่มิพึงกังขา
ก็เพราะปฏิบัติการของเขาจักต้องชนะ จึงชนะผู้ต้องพ่ายแพ้ ฉะนั้น ผู้สันทัดการรบจึงตั้งอยู่ในฐานะไม่แพ้
และไม่สูญเสียโอกาสทำให้ข้าศึกต้องแพ้... ซุน วู เห็นว่า จะสามารถทำถึงขั้นนั้น จักทำให้ตนมิอาจพิชิตได้ก่อน
กุมอำนาาจการเป็นฝ่ายกระทำอยู่ในมือของตนนั้น จะทำได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการ จรรโลงไว้ซึ่งมรรค
( หมายถึงการสร้างเงื่อนไขต่าง ๆ ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับชัยชนะ) สหรัฐฯ ได้ให้นักวางแผนดำเนินการเช่นนี้
กับสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นจุดศูนย์ดุลของฝ่ายคอมมิวนิสต์ โดยการสร้างเงื่อนไขต่าง ๆ จำนวนมากที่จะให้ตน
เป็นฝ่ายได้ชัยชนะการสู้รบในภาพรวมของสงครามเย็น ทั้งการยั่วยุให้สหภาพโซเวียตแข่งขันกับสหรัฐฯ
ในการสะสมอาวุธและทุ่มงบประมาณมหาศาลกับการผลิตอาวุธไม่ได้สนใจการพัฒนาด้านการเมือง
และการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนชาวสหภาพโซเวียต จึงเป็นเหตุประการหนึ่งให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย
และอีกประการหนึ่งคือการที่สหรัฐฯ ได้ใช้กรรมวิธีในการผลักดันให้ผู้นำของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น
ใช้นโยบายเปเรสทรอยก้า ซึ่งเมื่อสหภาพโซเวียตหลงกลและประกาศใช้นโยบายดังกล่าวก็เป็นสาเหตุใหญ่
อีกประการหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มลายเช่นเดียวกัน นักทฤษฎีสงครามต่างวิเคราะห์กันว่า
ทุกสาเหตุของการล่มลายของสหภาพโซเวียตล้วนแล้วแต่มาจากการสร้างสภาพแวดล้อมของสหรัฐฯ
ที่ทำให้สหภาพโซเวียตต้องพ่ายแพ้ในสงครามเย็นในภาพรวมนั่นเอง เมื่อสหภาพโซเวียตล่มลายลงแล้ว
ประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์ทั้งหลายก็ล้มตามกันเป็นทิวแถว อันเป็นอวสานของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ถือกำเนิดมา
เป็นเวลาประมาณ ๗๒ ปี ทั้งนี้ก็เพราะสหรัฐฯ ได้ตระหนักว่า การจะเอาชนะฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ก็ด้วยการเอาชนะ
หัวหน้าคอมมิวนิสต์ให้ได้ก่อน กล่าวคือ จับโจรเอาหัวโจก คือการจับหัวโจกของฝ่ายคอมมิวนิสต์คือ
สหภาพโซเวียตแล้วนำไปสู่การได้ชัยชนะทั้งกระดานในที่สุด
นอกจากนั้นจะขอกล่าวถึงความคิดเห็นประเด็นหลังคือคอมมิวนิสต์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความมุ่งหมายทางศาสนา
และผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจของกลุ่มชนบางกลุ่ม จากหลักฐานที่กล่าวไว้ในเอกสารประกอบการฝึก
การแก้ปัญหาด้านกิจการพลเรือน หลักสูตร นายทหารกิจการพลเรือนชั้นสูง รุ่นที่ ๑๕ ระหว่าง ๘ พ.ค.๔๓
ถึง ๑๔ ก.ค.๔๓ กล่าวไว้ดังนี้.........บทที่ ๒
ลัทธิคอมมิวนิสต์ กับ โรมันคาทอลิก
กำเนิดลัทธิคอมมิวนิสต์
ในคัมภีร์ไบเบิลเก่า(Old Testament) และคัมภีร์ไบเบิลใหม่(New Testament)ซึ่งใช้เป็นหลักในคำสอนของ
โรมันคาทอลิก มีข้อความตรงกันในเรื่องของ ดินแดนแห่งพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า บอกลักษณะของดินแดนนั้นว่า
เป็นสังคมไม่มีชนชั้น ไม่มีเจ้า บ่าว นาย ทุกคนต่างอยู่แบบเสมอภาคเท่าเทียมกันหมด จากจุดในคัมภีร์ไบเบิลนี้เอง
ทำให้ วาติกัน ร่วมมือกับประเทศสเปน และ โปรตุเกส ให้ส่งนักรบของแต่ละประเทศไปล่าอาณานิคม
โดยอ้างว่าเป็นการสร้างให้ดินแดนที่ตนเข้าไปยึดครองนั้นเป็นดินแดนของพระเจ้า พร้อมกับเผยแพร่คำสั่งสอนว่า
โรมันคาธอลิคไม่มีชนชั้น ทุกคนคือบุตรของพระเจ้าเท่าเทียมกันหมด จึงทำลายขนบธรรมเนียม ศิลปวัฒนธรรม
ศาสนาเดิม พร้อมทั้งโค่นล้มกษัตริย์ที่ปกครองดินแดนเหล่านั้นอยู่เดิมเสียทั้งสิ้น ให้กษัตริย์ในประเทศที่ถูกยึดครอง
รวมทั้งประชากรเหล่านั้นขึ้นตรงกับ สันตะปาปา ณ นครหลวงวาติกัน โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้า
ต้องการอ่านข้อมูลวาติกันกดที่นี่ วาติกันต่อมาเมื่อมีการพบทวีปอเมริกา จึงได้มีนักบวชโรมันคาทอลิกผู้หนึ่งนามว่า โทมัส มัวส์ ได้นำมาเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง
ชื่อว่า ยูโทเปีย ซึ่งกล่าวถึงดินแดนที่พระเจ้าได้สัญญาเอาไว้ว่าคือ อาณาจักรของพระเจ้า หนังสือดังกล่าว
ได้รับการสนับสนุนโดย วาติกัน และถูกนำไปแพร่หลายในทุกดินแดนที่ โรมันคาทอลิก เข้าไปเผยแพร่
และมีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๑ นายคาร์ล มาร์กซ์ ศาสนิกของโรมันคาทอลิก
ได้ศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างแตกฉาน มีความประทับใจหลักการในหนังสือ ยูโทเปีย ของโทมัส มัวส์
ก็ได้นำมาเขียนเป็นหนังสือ-7ho ชื่อว่าคำประกาศของคอมมิวนิสต์ (The Communis Manifesto)
อันเป็นต้นกำเนิดของ ลัทธิคอมมิวนิสต์ ต่อมาเรียกว่า สังคมนิยม ในปัจจุบัน
จากหลักฐานดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์ ได้พัฒนาการมาจากคำสอน
ในคัมภีร์ไบเบิล โรมันคาทอลิก สิ่งที่พิสูจน์ได้อีกสิ่งหนึ่งที่ปรากฏชัดก็คือ ในประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์เช่น
โปแลนด์ ยูโกสลาเวีย ไม่มีโบสถ์ของโรมันคาทอลิกจะถูกทำลายไปเลยแม้แต่น้อย นอกจากนั้นระบบการแอบแฝง
แทรกซึม การจัดตั้งเขตปกครองคอมมิวนิสต์ ก็ล้วนแล้วแต่พัฒนาและใช้ระบบของ โรมันคาทอลิก ทั้งสิ้น
เมื่อพิจารณาด้วยหลักฐาน ข้อมูล พฤติกรรม แล้วไม่อาจจะปฏิเสธได้ในความเป็นหนึ่งเดียวระหว่าง
คอมมิวนิสต์ กับ โรมันคาทอลิกซึ่งวาติกัน ให้การสนับสนุนทั้งทางกำลังทรัพย์ กำลังบุคคล กำลังสมอง
ให้สำหรับการขบวนการคอมมิวนิสต์ทั่วโลก รวมไปถึงขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือการสร้างความขัดแย้ง
ทุกประเทศ ข้อเปรียบเทียบ เขตปลดปล่อย กับ มิชซัง
ยุคของการใช้แผนล่าอาณานิคมโดยการใช้บาทหลวงโรมันคาทอลิกเข้าไปในประเทศต่าง ๆ
พยายามสร้างให้เกิดความขัดแย้งกับข้าราชการของประเทศนั้น เพื่อให้ข้าราชการหรือกษัตริย์ประเทศนั้น ๆ
สั่งลงโทษเพื่อที่จะได้ใช้เป็นข้ออ้างว่าบาทหลวงตัวแทนของพระเจ้า ถูกรังแกถูกทำร้าย จึงจำเป็นต้องใช้
กองทัพไปช่วยรักษาโรมันคาทอลิก และในที่สุดเข้ายึดครองในที่สุดนั้น(ตามที่ปรากฏเป็นหลักฐานอยู่ใน
ประวัติศาสตร์ทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทย) ได้รับการต่อต้านโดยประชาชนเจ้าของประเทศ
ที่รวมตัวกันด้วยความรักชาติ ออกต่อต้านกองทัพตัวแทนของ วาติกัน
ดังนั้นจึงได้มีการกำหนดยุทธการใหม่ใช้ กฎแห่งการแตกแยก โดยสร้างให้เกิดความแตกแยก
ทางด้านความคิดเห็น ฯลฯ ของชนชาตินั้นเอง และแทรกตัวเข้ายึดครอง จากผลของการศึกษา
วิเคราะห์โดย วาติกัน ได้บทสรุปว่า ควรที่จะใช้ ลัทธิคอมมิวนิสต์ สำหรับปฏิบัติการ
เนื่องจากลัทธิดังกล่าวนี้ได้ถือกำเนิดโดยชาวคาทอลิก มีหลักการที่ประสานแนบแน่นกับหลัก
ดินแดนพันธสัญญาของพระเจ้า ตามพระคัมภีร์ไบเบิล จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะให้ยุทธวิธีดังกล่าว
สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือการจัดระบบการปกครองย่อย หรือ อาณานิคมแฝง เรียกตามภาษาโรมันคาทอลิกว่า
มิชซัง กับ เขตปลดปล่อย ของคอมมิวนิสต์ นั้น เป็นอย่างเดียวกัน เหมือนกับน้ำในขวดที่เทออกมาใส่แก้ว
ย่อมมีสภาพและมวลสารที่ไม่แตกต่างกันแต่อย่างใด
โรมันคาทอลิกได้จัดตั้งพื้นที่ของตนทั้งโดยถูกต้องกฎหมาย หรือผิดกฎหมาย เพื่อให้สามารถตั้งขอบเขต
อาณาจักรของตนและใช้กฎหมายของตนขึ้นได้ ภาษาเฉพาะของคาทอลิกเรียกว่า ซึ่งเรียกว่า มิชซัง
หรือ เขตปฏิบัติการ (ประเทศไทยได้ถูกแบ่งออกเป็นมิชซัง 10 เขต) ลักษณะดังกล่าวนี้ตามหลักของยุทธศาสตร์
เรียกว่า การแบ่งเขตยึดครอง และสามารถเทียบได้อย่างลงตัวกับการแบ่งเขตของ ลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยตรง
ซึ่งลัทธิคอมมิวนิสต์จะมีฐานบัญชาการเรียกว่า องค์การคอมมิวนิสต์สากล เทียบได้กับ สภาคริสต์จักรโลก
(รายละเอียดจะได้กล่าวถึงต่อไปข้างหน้า) เขตมิชซัง เทียบได้กับ เขตงานคือพื้นที่ปฏิบัติงาน
เพื่อยึดอาณาเขตการปกครองของประเทศนั้น ๆ โดยใช้กฎหมายของตน ไม่ขึ้นกับกฎหมายของเจ้าของประเทศ
เท่ากับเป็น เขตปลดปล่อย และจะประสานกันด้วยการปกครองแบบรวมศูนย์ รูปแบบการบริหาร การปกครองและ
การดำเนินการของคอมมิวนิสต์เป็นเช่นไร คาทอลิกก็เป็นเช่นนั้น ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าพื้นที่ของคาทอลิกในลักษณะนี้
จะมีกระจายกันไปทั่วโลก และลัทธิคอมมิวนิสต์ก็คือการพัฒนาไปจากระบบของคาทอลิก โดยนายคาร์ล มาร์กซ์
จากหลักฐานในเอกสารวิจัยเรื่อง สถานการณ์ด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐอเมริกาแลจีนหลังสงครามอ่าวเปอร์เซีย
ครั้งที่ ๒ โดย นักศึกษาหลักสูตรการป้องกันประเทศ ( วปอ.)
๓. มหาวิทยาลัยป้องกันประเทศ กองทัพปลดปล่อย สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างก.ย.๒๕๔๕ ก.ย.๒๕๔๖
ระบุว่า...... .....ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่แท้จริงของสังคมชาวอเมริกัน องค์กรที่อยู่เบื้องหลัง
รัฐบาลสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยุทธศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกาอันเป็นส่วนที่มีอิทธิพลอย่างยิ่ง
ต่อการผลักดันนโยบายต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกาที่มีผลกระทบต่อประชาคมโลก
ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างทางสังคมและโครงสร้างของรัฐบาลที่แท้จริงของสหรัฐอเมริกา
หนทางที่ดีที่สุดที่จะรู้เรื่องยุทธศาสตร์และกิจกรรมต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกาคือการรู้โครงสร้างที่แท้จริงทางสังคม
และผู้ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่พึ่งจะก่อตั้งขึ้นมาประมาณ ๒๐๐ ปีเศษ
ซึ่งเป็นตัวแทนของบรรพบุรุษทางตะวันตกที่ประกอบด้วยประเทศตะวันตกในอดีตหลายประเทศ
ที่เป็นประเทศผู้ล่าอาณานิคม หลังจากที่ประเทศเหล่านั้นเสื่อมอำนาจลงผู้ที่อยู่อาศัยที่เป็นคนชั้นนำของประเทศ
ก็ได้เคลื่อนย้ายเข้าไปตั้งรกรากแห่งใหม่ในสหรัฐแห่งอเมริกา ( ชำระประวัติศาสตร์ไทย กรณีตุลาและพฤษภาทมิฬ
โดย ศูนย์นิสิตและนักศึกษาแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์และวรรณคดีสยาม )
ฉะนั้นประเทศสหรัฐอเมริกาจึงเป็นประเทศที่เป็นแหล่งรวมของคุณลักษณะและบุคลิกลักษณะรวมทั้งอุดมการณ์ของ
ผู้ล่าอาณานิคมเดิมอย่างเต็มเปี่ยม พื้นฐานโครงสร้างทางสังคมของสหรัฐอเมริกาจึงประกอบไปด้วย เฟดเดอรอลรีเสิร์ฟ
( Federal Reserve FED ) กลุ่มนักธุรกิจชาวยิว และกลุ่มผลประโยชน์ทางศาสนาคือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก
( กลุ่มครูเสด ( Crusader Group) ที่ทำงานเพื่อศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ) ทั้งสามกลุ่มใหญ่ ๆ
ในสังคมสหรัฐอเมริกาดังกล่าวนี้ได้ก่อตั้งและครอบครองธุรกิจขนาดใหญ่ของโลกมาเป็นเวลานานนับตั้งแต่มีกลุ่มต่าง ๆ
นี้ขึ้นมา ธุรกิจทั้ง ๖ ชนิดนั้นประกอบไปด้วย
๑) ธุรกิจเกี่ยวกับการสื่อสารโทรคมนาคม
๒) ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและยา
๓) ธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน
๔) ธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาวุธ
๕) ธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องการเงินและการธนาคาร
และ ๖) ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไก และรถยนต์
ซึ่งธุรกิจหลัก ๆ ทั้ง ๖ ธุรกิจดังที่กล่าวมาแล้วนั้นได้มามีบทบาทอย่างสำคัญต่อการเข้าครอบครอง
โครงสร้างทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา สังคมชาวอเมริกันและโครงสร้างทางรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา
เมื่อสหรัฐอเมริกาแผ่ขยายธุรกิจของตนออกไปทั่วทุกภูมิภาคของโลกทำให้ธุรกิจเหล่านี้เข้าไปครอบงำธุรกิจต่าง ๆ
ของโลกโดยปริยาย ซึ่งธุรกิจของสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกที่ไหลทะลักเข้าไปยังประเทศต่าง ๆ ในนามของ
ธุรกิจข้ามชาติมีอยู่มากมายดังที่ทราบกันดีในยุคปัจจุบัน ทำให้อิทธิพลของ FED นอกจากจะครอบงำสังคมอเมริกันแล้ว
ยังครอบงำสังคมโลกโดยปริยายด้วยเช่นเดียวกัน.....
ข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อประการหลังคือ เมื่อคอมมิวนิสต์เข้าครอบครองประเทศทางอินโดจีนแล้ว
ไม่มีการทำลายโบสถ์คริสต์แม้แต่โบสถ์เดียว ตรงกันข้ามกับทำลายวัดวาอารามของพุทธศาสนา นอกจากนั้น
ก็มีหลักฐานเช่นเดียวกันว่าทหารสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย
ในสงครามต่อสู้คอมมิวนิสต์ในประเทศไทย อีกทั้งผู้ที่เคยเข้าร่วมเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่ภายหลังออกมาเป็น
ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาจากสหรัฐฯ และได้กลับเข้ามามีอิทธิพลในประเทศไทย
อีกครั้งหนึ่งในยุคปัจจุบัน ( ๒๕๔๗ ) และทุกประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกกลายเป็นประเทศ
ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอร์ด็อก ไปทั้งหมด ซึ่งก็ยังคงอยู่ในเครือข่ายของนิกายโรมันคาทอลิกอยู่ดี
ถ้าเป็นเช่นนั้นกรณีหลังไม่น่าจะเป็นกลยุทธ์ จับโจรเอาหัวโจก น่าจะเป็น มีในไม่มี
หรือ ปิดฟ้าข้ามทะเล หรืออะไรทำนองนั้น
กลยุทธ์นี้จึงมีผู้สรุปว่า
ความหมายที่แท้ของกลยุทธ์นี้ คือให้โจมตีส่วนที่สำคัญที่สุดของข้าศึกเพื่อให้ได้รับชัยชนะอย่างสิ้นเชิง
ในการบัญชาการรบ จะต้องสันทัดในการขยายผลของการรบให้ใหญ่หลวงยิ่งขึ้น อย่าได้ปล่อยโอกาส
ที่จะได้รับชัยชนะให้หลุดลอยไปเป็นอันขาด หากคิดง่าย ๆ แต่เพียงว่า ขอให้โจมตีข้าศึกถอยไปได้เท่านั้นก็พอใจแล้ว
แต่ไม่ทำลายกำลังหลักของข้าศึก จับตัวผู้บัญชาการหรือทลายกองบัญชาการของข้าศึกให้ย่อยยับไปแล้ว
ก็จะเหมือนดั่งปล่อยเสือเข้าป่า จักอันตรายไม่สิ้นสุดในภายหลัง ฉะนั้น