o/uboy
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 08:54:27 AM » |
|
ผมตอนมาใหม่ๆกินแกงกะทิก็ไม่ลงเพราะเป็นกะทิกระป๋อง กินผัดกระเพราใส่โหระพาก็ไม่ได้เพราะกลิ่นไม่คุ้น อยู่ต่อมานานๆลิ้นเริ่มพัฒนาไปในทางที่แย่ลงครับกินอะไรอร่อยไปหมดเลย ผลไม้ที่ผมเคยเห็นปลูกกันมากๆอีกที่นึงก็คือที่ฮาวายครับ มีทุเรียน ส้มโอ ขนุน ชมพู่มะเหมี่ยว มะม่วง และอีกหลายๆอย่างครับ เคยไปเดินตลาดแบกะดินที่นั่น จะมีของแปลกๆมาขายเยอะครับ เช่นผักกูด บางครั้งอาจเจอไข่ข้าว ที่ชอบซื้อที่สุดก็อาหารทะเลครับ บางทีได้กินกุ้งมังกรตัวโตๆแต่ราคาน่าตกใจเพราะถูกมาก ถ้ามะม่วงบ้านเราเข้ามาได้เมื่อไร รับรองว่าประเทศทางอเมริกากลาง-ใต้คงเสียส่วนแบบทางการตลาดไปเยอะ แต่กลัวใจคนไทยจริงๆครับเพราะเจอมาหลายอย่างแล้วครับลูกเล่นพ่อค้าบ้านเราเยอะครับ ถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะส่งออกได้ไม่นาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
USP40
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #16 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 09:04:22 AM » |
|
ผมตอนมาใหม่ๆกินแกงกะทิก็ไม่ลงเพราะเป็นกะทิกระป๋อง กินผัดกระเพราใส่โหระพาก็ไม่ได้เพราะกลิ่นไม่คุ้น อยู่ต่อมานานๆลิ้นเริ่มพัฒนาไปในทางที่แย่ลงครับกินอะไรอร่อยไปหมดเลย ผลไม้ที่ผมเคยเห็นปลูกกันมากๆอีกที่นึงก็คือที่ฮาวายครับ มีทุเรียน ส้มโอ ขนุน ชมพู่มะเหมี่ยว มะม่วง และอีกหลายๆอย่างครับ เคยไปเดินตลาดแบกะดินที่นั่น จะมีของแปลกๆมาขายเยอะครับ เช่นผักกูด บางครั้งอาจเจอไข่ข้าว ที่ชอบซื้อที่สุดก็อาหารทะเลครับ บางทีได้กินกุ้งมังกรตัวโตๆแต่ราคาน่าตกใจเพราะถูกมาก ถ้ามะม่วงบ้านเราเข้ามาได้เมื่อไร รับรองว่าประเทศทางอเมริกากลาง-ใต้คงเสียส่วนแบบทางการตลาดไปเยอะ แต่กลัวใจคนไทยจริงๆครับเพราะเจอมาหลายอย่างแล้วครับลูกเล่นพ่อค้าบ้านเราเยอะครับ ถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะส่งออกได้ไม่นาน
ใบโหระพายังดีเด้อ เมื่อก่อนเค้าใช้ใบพริกแทน อิอิ กะทิ ก็ใช้นมแทน แหวะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
BADBOY
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #17 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 09:06:12 AM » |
|
ชอบครับ...ผัดกะเพรา หรือเอาใส่ผัดเผ็ด ก็อร่อย ..บ้านผมขึ้นเอง และตอนนี้ผมก็ เริ่มขยาย พันธ์ออกไปบ้าง เพราะ เป็นของชอบของครอบครัว..เลย ก็ว่าได้......มีข้อมูลบางส่วนครับ...ไม่รู้ว่าจะใช้ได้กับที่พื้นที่ ของ อเมริกาหรือเปล่า ครับ..
กะเพรา เป็นพืชที่อยู่ในตระกูล Labiatae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum sancium Linn. พืชตระกูลนี้ที่สำคัญได้แก่ โหระพา แมงลัก เป็นต้น กะเพราเป็นพืชผักจำพวกเครื่องเทศที่ใช้ใบสดใบอ่อนในการประกอบอาหาร เพื่อช่วยดับกลิ่นคาวและช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอม ใบกะเพราใช้เป็นผักชูรส เช่น ใส่แกงเผ็ด แกงป่า แกงเลียง ผัดเผ็ด ผัดกะเพรา ใส่หอยนึ่ง ฯลฯ นอกจากจะมีคุณค่าทางอาหารมากมายแล้ว ผลพลอยได้จาการบริโภคกะเพรายังช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์เป็นยาสมุนไพร ทำให้เลือดลมดี กะเพราเป็นพืชที่ปลูกกันแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานแล้ว โดยเฉพาะในประเทศไทยและมาเลเซีย
กะเพราเป็นไม้พุ่มล้มลุก ซึ่งอาจสูงถึง 1 เมตร ใบเป็นรูปไข่ บางและนุ่ม ลำต้นและใบมีขนปกคลุมทั่วไป ใบมีสีเขียว บางสายพันธุ์สีม่วงอมแดง ใบมีรสเผ็ดร้อน ใช้รับประทานสดได้ ช่อดอกตั้งตรง โดยมีดอกติดรอบแกนช่อเป็นชั้นๆ
กะเพราเป็นที่ปลูกกันทั่วไปมีอยู่ 2 ชนิด คือ กะเพราขาวและกะเพราแดง ซึ่งเรียกชื่อตามสีของก้านใบและก้านดอก ส่วนในเรื่องพันธุ์นั้นยังไม่มีการศึกษาปรับปรุงพันธุ์หรือคัดเลือกพันธุ์อย่างจริงใจในทางวิชาการ พันธุ์กะเพราที่ใช้ปลูกในปัจจุบันจะเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่มีการปลูกและเก็บเมล็ดพันธุ์เอาไว้ต่อๆ กันมา เนื่องจากกะเพราเป็นพืชที่ยังไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากนัก
กะเพราเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุเฉลี่ย 1-2 ปี ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวไปได้เรื่อยๆ ทุก 15-20 วัน การเลือกพื้นที่ปลูกควรเป็นที่ดอน แต่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ สามารถนำน้ำมาใช้รดได้สะดวก ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมขัง ปกติกะเพราสามารถขึ้นได้ดีในดินทุกชนิด แต่จะชอบดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ดีร่วนซุย ระบายน้ำดี อยู่ใกล้ที่พักอาศัย อยู่ไม่ไกลจากตลาดหรือแหล่งรับซื้อมากนัก และการคมนาคมสะดวก
การเตรียมดินปลูก กะเพราเป็นพืชที่มีระบบรากลึกปานกลาง ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้ 10-15 ครั้ง ต่อระยะเวลา 7-8 เดือน หลังจากนั้นผลผลิตจะลดลง กิ่งก้านแข็ง แตกยอดน้อย เมื่อถึงตอนนี้ควรจะรื้อปลูกใหม่ อย่างไรก็ดีการเตรียมดินปลูกกะเพราก็เหมือนกับปลูกพืชอื่นๆ คือไถ หรือขุดดินลึกประมาณ 20-25 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากับดินให้ทั่ว ย่อยดินให้ละเอียดแล้วพร้อมที่จะปลูกได้
วิธีการปลูก การปลูกกะเพราโดยทั่วไปมีการปฏิบัติกันอยู่ 3 วิธี ดังนี้
1. ปลูกโดยการหว่านเมล็ด การปลูกด้วยวิธีนี้จะต้องใช้เมล็ดพันธุ์มากและใช้แรงงานมากในการถอนแยก โดยเริ่มจากรดน้ำให้ชุ่มทั่วแปลง แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ให้กระจายสม่ำเสมอทั่วแปลง โดยทั่วไปใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 250 กรัมต่อไร่ ใช้แกลบขาวหรือแกลบดำโรยคลุมให้ทั่วแปลง หลังจากนั้นใช้ฟางแห้งหรือหญ้าแห้งคลุมทับบางๆ เสร็จแล้วให้รดน้ำตาม และรดน้ำทุกๆ วัน หลังจากงอกประมาณ 15-20 วัน ควรทำการถอนแยกให้ได้ระยะระหว่าง 20x20 เซนติเมตร
2. ปลูกโดยการใช้ต้นกล้า เป็นวิธีที่เกษตรกรนิยมปฏิบัติกันมากเพราะให้ผลผลิตสูงและสะดวกในการจัดการ โดยทำการเพาะกล้าในแปลงเพาะจนกระทั่งกล้ามีอายุ 20-25 วัน จึงทำการย้ายปลูก การย้ายปลูกควรทำในตอนเย็นและปลูกให้เสร็จภายในวันเดียวกัน เมื่อถอนต้นกล้ามาแล้วจึงเด็ดยอดออก ขุดหลุมให้ได้ระยะ 20x20 เซนติเมตร แล้วนำต้นกล้าที่เด็ดยอดแล้วลงปลูก หลังจากนั้นใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมระหว่างแถว รดน้ำตามทันทีและรดน้ำทุกวัน
3. ปลูกโดยการใช้ต้นและกิ่งแก่ การปลูกโดยใช้ลำต้นและกิ่งแก่ทำให้ได้ผลผลิตเร็ว แก่กิ่งและยอดที่แตกออกมาใหม่มักไม่สวนเท่าที่ควร ลำต้นโทรมและตายเร็ว วิธีการโดยตัดต้นและกิ่งแก่ที่มีอายุมากกว่า 8 เดือน ให้มีความยาว 5-10 เซนติเมตร เด็ดยอดและใบออก แล้วนำต้นหรือกิ่งแก่ไปปักชำในแปลง ใช้ระยะปลูก 20x20 เซนติเมตร หลังจากนั้นใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมระหว่างแถว รดน้ำตามทันที และหลังจากปลูกควรรดน้ำทุกวัน
กะเพราเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูงและสม่ำเสมอ ดังนั้นควรมีการรดน้ำทุกวันเช้า-เย็น แต่ระวังอย่าให้มีการท่วมขังของน้ำในแปลง และในระยะแรกควรมีการพรวนดินและกำจัดวัชพืชทุก 1-2 สัปดาห์ โดยการใช้มือถอน ใช้จอบหรือเสียมดายหญ้าออก แต่ระวังอย่าให้กระทบกระเทือนต้นและราก
สำหรับการใส่ปุ๋ยกะเพรานั้น หลังจากปลูก 15 วัน ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 ในอัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ โรยข้างแถวแล้วพรวนดินกลบและรดน้ำตาม หลังจากปลูก 20-25 วัน ใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ โดยละลายน้ำรดในตอนเย็น และหลังจากเก็บเกี่ยวทุกครั้งให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่
โดยปกติแล้วกะเพราเป็นพืชที่ไม่ค่อยมีปัญหาจากการทำลายของโรคและแมลงมากนัก ดังนั้นหากมีแมลงรบกวนจึงไม่ควรใช้สารเคมี โดยให้ยึดหลักวิธีการผลิตผักอนามัยเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
กะเพราสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 30-35 วันหลังปลูก โดยใช้มีดคมๆ ตัดลำต้นให้ลำต้นเหลือสูงจากพื้นดินประมาณ 10-15 เซนติเมตร แต่ถ้ายังไม่มีผู้รับซื้อเกษตรกรสามารถชะลอการเก็บเกี่ยวออกไปได้โดยการเด็ดยอดที่มีดอกทิ้ง หลังจากตัดลำต้นแล้วกะเพราจะแตกยอดและกิ่งก้านออกมาใหม่ การเก็บเกี่ยวสามารถกระทำได้ทุก 15 วัน ไปตลอดระยะเวลา 7-8 เดือน หลังจากนั้นผลผลิตจะลดลงเรื่อยๆ เกษตรกรจึงควรทำการถอนทิ้งเพื่อปลูกใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
USP40
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #18 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 09:12:38 AM » |
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูล มีเมล็ดอยู่ซองนึง จะลองปลูกดู อีกอย่างที่ชอบและหาไม่ได้คือ ผักขม เอากระเทียมตำกับพริกขี้หนู พอหยาบๆ ลงผัดให้หอมใส่ผักขมใส่กะปิไปนิดนึง อูย...หิวข้าวอีกแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
BADBOY
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 09:17:46 AM » |
|
ผักขม....โอ้...อร่อยครับ...อย่าลืมใส่ไข่ด้วยครับ....กินแล้ว..ได้ประโยชน์ แถวบ้านผมเมื่อสมัยก่อน ขึ้นเยอะมาก เพราะไม่มีบ้านเรือนเยอะเหมือนตอนนี้ เมื่อก่อนก็มีแต่ทุ่งนา....ตอนนี้หากินยากแล้ว.....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 1183
ออฟไลน์
กระทู้: 12698
เว็บไซต์
|
 |
« ตอบ #20 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 10:54:14 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง
เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
|
|
|
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 857
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 6569
เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม
|
 |
« ตอบ #21 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 12:00:36 PM » |
|
เอมริกายังดีนะครับ หน้าร้อนยังยาวหน่อยปลูกอะไรยังพอได้ทาน
ตอนอยู่ฟินแลนด์ ผมเคยปลูกผักกวางตุ้ง แทนจะได้ต้นอวบๆ ชุ่มน้ำๆ ที่ไหนได้ ต้นยาวเฟื้อย ยิ่งตอนออกดอกเหมือน อีฟนิ่งพริมโรส มีแต่ก้านกับใยข้างใน ทานแล้วเหมือนทานฝักมะรุม มีแต่เส้นใย
ยังดีที่สนิทกับพี่เจ้าของร้านไทย ได้ผัก ได้อาหารไทยทานหน่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
|
|
|
o/uboy
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #22 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 12:05:43 PM » |
|
แต่ปีนี้ไม่ไหวนะครับร้อนแทบบ้าตาย ผักขมต้องซื้อที่ไชน่าเทาว์ครับปีนี้ร้อนมากผักหญ้าแพงมาก  ตอนนี้ต้องประหยัดด้วยการกินแต่เนื้อสัตว์เพราะซื้อผักกินไม่ไหวครับ  พูดจริงนะครับไม่ได้พูดเล่น 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 08, 2006, 12:10:22 PM โดย o/uboy »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 857
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 6569
เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม
|
 |
« ตอบ #23 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 12:12:58 PM » |
|
เข้าใจครับ หน้าหนาวที่นั่นปลูกอะไรไม่ได้ ผักผลไม้นำเข้าจาก สเปน อีตาลี ครับ
แต่พอเข้าหน้าร้อน ต้องเข้าป่า เก็บเห็ด เก็บเบอร์รี่ แล้วก็ตกปลา สนุกไปอีกแบบครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
|
|
|
boon
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #24 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 03:28:43 PM » |
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูล มีเมล็ดอยู่ซองนึง จะลองปลูกดู อีกอย่างที่ชอบและหาไม่ได้คือ ผักขม เอากระเทียมตำกับพริกขี้หนู พอหยาบๆ ลงผัดให้หอมใส่ผักขมใส่กะปิไปนิดนึง อูย...หิวข้าวอีกแล้ว
อยากได้กะปิก็บอกคุณจ้าว(อีเมล์)สิครับ รับรองได้ทานของอร่อยแน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หินเหล็กไฟ
ถึงตายไปก็ช่างมัน...ขอให้ชีวิตยังอยู่ก็พอ..
Hero Member
   
คะแนน 1319
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 12901
|
 |
« ตอบ #25 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 04:25:31 PM » |
|
ใบกระเพราเท่าที่ผมเจอในประเทศไทย มี3 ชนิดครับ มีแดงกับเขียว แต่เขียวจะมีสองชนิด ชนิดแรกก็มีจำหน่ายทั่วไปก้านเขียวใบเขียว อีกชนิดหนึ่งก้านจะออกสีม่วงๆ แต่ใบจะออกเขียวอ่อนๆ ชนิดนี้แหละครับที่เผ็ดร้อนแล้วกลิ่นแรงมากๆ ทนอากาศแล้งๆได้อย่างอัศจรรย์ เมล็ดพันธุ์คงต้องรอตอนแล้งๆครับจึงจะมี ส่วนมากจะพบเจอทางภาคอีสาน ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
  [img]http://i7.tinypic.com/333hiqw.jpg[/img
|
|
|
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 3692
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 62457
|
 |
« ตอบ #26 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 04:25:56 PM » |
|
อยากได้กะปิก็บอกคุณจ้าว(อีเมล์)สิครับ รับรองได้ทานของอร่อยแน่นอน
ตาจ้าวขายเคย ..... (ด้วยเหรอ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
USP40
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #27 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 10:07:13 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RUGER
ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ตรองดูซีทุกคนก็มีหัวใจ
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 1262
ออฟไลน์
กระทู้: 23344
ฟ้าลิขิตชีวิตข้า ให้ค้าขาย
|
 |
« ตอบ #28 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 10:57:34 PM » |
|
แถวบ้านผมมีขายสดๆ แต่เฉพาะหน้าร้อน กระเพาะไก่เผ็ดๆ ราดข้าวโป๊ะด้วยไข่ดาว  เพื่อนๆผมมักจะเเซวว่า "กระเพราไก่ไข่ดาว" เป็นอาหาร"สิ้นคิด"เพราะไม่รู้จะสั่งอะไรกินนั่งนึกตั้งนานสุดท้ายก็สั่งอย่างที่ว่าแล้วนั่งนึกรายการอาหารทำไมกันนี่  ปล.เป็นเพียงมุขขำๆมิได้เจตนาว่ากล่าวแต่ประการใดจ้า.....  โชดดีหน่อย ผมยังไม่สิ้นคิด พอจะมีความคิดอยู่บ้าง ผมกิน ผัดกะเพราเครื่องในไก่..+ ไข่ดาวกรอบ ๆ ....... อิอิอิ น้ำปลาพริก (พริกขี้หนูเยอะ ๆใส่มะนาว กระเทียม ด้วย ตักเอาแต่เนื้อ พริกกับกระเทียมราดลงบน ไข่กับข้าว ......  .... บายก่อน ครับ ก่อน โดนตืบบบบบ ..... ชะแว๊ปปปปปปป...... หายตัว ..... อิอิอิ )
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
..GlockGlack..
ทำดีไว้ไม่ขาดทุน..... ขาว อวบ. อิอิอิ
Hero Member
   
คะแนน 48
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3569
ใช้ปืนดี มีพระคุ้มครอง
|
 |
« ตอบ #29 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2006, 11:11:30 PM » |
|
แถวบ้านผมมีขายสดๆ แต่เฉพาะหน้าร้อน กระเพาะไก่เผ็ดๆ ราดข้าวโป๊ะด้วยไข่ดาว  เพื่อนๆผมมักจะเเซวว่า "กระเพราไก่ไข่ดาว" เป็นอาหาร"สิ้นคิด"เพราะไม่รู้จะสั่งอะไรกินนั่งนึกตั้งนานสุดท้ายก็สั่งอย่างที่ว่าแล้วนั่งนึกรายการอาหารทำไมกันนี่  ปล.เป็นเพียงมุขขำๆมิได้เจตนาว่ากล่าวแต่ประการใดจ้า.....  โชดดีหน่อย ผมยังไม่สิ้นคิด พอจะมีความคิดอยู่บ้าง ผมกิน ผัดกะเพราเครื่องในไก่..+ ไข่ดาวกรอบ ๆ ....... อิอิอิ น้ำปลาพริก (พริกขี้หนูเยอะ ๆใส่มะนาว กระเทียม ด้วย ตักเอาแต่เนื้อ พริกกับกระเทียมราดลงบน ไข่กับข้าว ...... สิ้นคิดหรือไม่ผมก็ไม่ทราบแฮะ :  เพราะเวลาสั่งผม "ไม่ต้องคิด" 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขอสักกระทู้ที่ไม่เลอะเทอะเลื่อนเปื้อน จนเสียคุณค่าเนื้อความในกระทู้นะครับ 
|
|
|
|