ขอบคุณพี่เต่า บางเขนมากครับ......
ยินดีรับใช้ครับ.....เล่าให้ฟังกันเล่นๆ ครับ
ขอบคุณเช่นกันครับ คุณเต๋า (สารานุกรมปืนจริงๆ ชื่นชมครับ)
ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม มันจะเหมือนระบบราชการไทยหรือไม่ ปืนจะประจำการได้ต้องประกวดราคา ยื่นข้อเสนอต่างๆ นาๆ จึงได้รับเข้าประจำการ ฝ่ายการตลาดของบริษัทสมิทธ คงไม่เก่งกระมัง ในเมื่อคุณภาพก็ไม่ได้เป็นรองใคร เพราะการขายได้ปริมาณมากๆ ก็เป็นการเผยแพร่คุณภาพของปืนเหมือนกัน ผมเปรียบเทียบเหมือนรถยนต์นะครับยอดขายมากก็ดังเอง ของแต่งคนก็ทำมากตาม

ผมตอบล่อเหยื่อให้คุณถามมานั่นแหละครับ.......
สมิธ...การตลาดไม่ค่อยเก่งจริงๆ แหละครับ จะเล่าให้ฟังอีก
ในเรื่องของลูกโม่ ....สมิธ พากเพียรพยายาม มาตลอดเป็นเวลาเกือบ 150 ปี แข่งขันกันมากับโคลท์ แต่ยังไงๆ ก็เข้ากองทัพไม่ได้ซักกะที สุดท้าย ได้ขายให้รัสเซีย ไปเยอะ เลยพอตั้งตัวได้ (แต่ก่อน รัสเซีย ซื้อปืน อเมริกัน ไปใช้นะขอรับ ตอนที่ยังมีระบบกษัตริย์) แต่ก็ยังขายไม่ดีเท่าโคลท์
ช่วงปี 1930 แทบหาปืนสมิธ ไม่เจอในประวัติศาสตร์ความฮิตเลย ปืนโจร ปืนตำรวจ ในสมัยช่วง ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่ว่า รีวอลเวอร์ ไม่ว่า ออโต เล็ก หรือใหญ่ หรือปืนกลทอมสัน ....ก็โคลท์ทั้งนั้น ทั้งลูกโม่ ดีเทคทีฟ (คนใช้สวมเสื้อโค้ท ใส่หมวกใบเล็กแบบนักสืบ ก็ต้องซื้อโคลท์ ดีเทคทีฟ ให้ตรงกับลักษณะของตนคือเป็นตำรวจอเมริกันนักสืบ)
.......สมิธมาถึงทางสว่าง ก็อีตอน ช่วง ปีประมาณ 1970 โดยประมาณ อีตานักแสดงฝรั่งหน้าเหี่ยว คลิ้น อีสวูดส์ เล่นเกมส์ รัสเซียนรูเล็ท ปั่นลูกโม่ เอาปืนจ่อหัว .....
นั่นแหละครับ จุดกำเนิดของความดังของลูกโม่สมิธฯ ทำให้ดังไปทั่วโลก จากนั้น อีตาคลิ้น ก็เหมือนจะเป็นพรีเซนต์เตอร์ของสมิธไปเลย เพราะดูจากแผ่นโฆษณาแล้ว มือปราบปืนโหด ทุกภาคที่แกเล่น แกใช้สมิธฯ ขนาด .44 แม็กนั่ม (ผมไม่เคยดูซักเรื่อง ดูแต่แผ่นโฆษณา เห็นว่าเป็นปืนสมิธ) เล่นเอาคนไทยสมัยนั้น ตัวเท่าลูกมด แต่คิดจะเล่น .44 แม็กนั่มเลียนแบบ พระเอกลิเกฝรั่ง เล่นลิเกบทฆ่าคน ทั้ง ที่ไม่เคยฆ่าคนจริงๆเลยซักนิด ยิงกันแต่ละที ข้อมือแทบหักนั่นแหละครับ
การตลาดของสมิธไม่ดีจริงๆ
ผลิตออโตออกมา พยายามพลักดันเข้าไปหน่วยของ หน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา (ซีล ทีม) จำได้ว่าในช่วงสงครามเวียตนาม ปี 1965-1972 โดยประมาณ ก็เข้าไปได้หน่อยหนึ่ง ในฐานะปืนเก็บเสียง เพื่อใช้ทำงานลับ
ก็ขายได้จำนวนไม่มากอีกแหละครับ ......หน่วยซีลของสหรัฐ .....มีกำลังพลไม่มาก
ภารกิจก็ไม่กว้างมาก ทำงาน เป็นจ๊อบๆ แล้วมันจะขายได้เท่าโคลท์ไหมครับ ซึ่งเป็นปืนประจำการของทหารหน่วยปกติ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า
....ก็การตลาดอีกแล้ว หรือการเมืองก็ไม่รู้
ปี 1985 มีการโล่ะ เอ็ม 1911 เอ1 ของโคลท์ทิ้งไป โคลท์ ทำปืนไม่เข้าท่า เลยไม่ได้เข้าร่วมประมูล ตัวคู่แข่ง คู่อาฆาตออกไปได้
เหลือเข้าชิงดำกันไม่กี่ยี่ห้อ ได้แก่ สมิธ(มาแล้วจ้า) บาเร็ตต้า(มาจากอิตาลี) รูเกอร์
ทั้งที่ สามยี่ห้อนี่ มีจุดที่เหมือนกันคือ คันลดนกที่แสนจะเกะกะสำหรับปืนทหาร
รูเกอร์ เป็นสินค้าในประเทศ สมิธ ก็เป็นสินค้าในประเทศ แต่ไม่รู้กองทัพสหรัฐเกิดอยากจะไปเอาใจอิตาลี หรืออย่างไร จึงไปรับปืนที่ผลิตจากต่างประเทศ เข้ามาเป็นปืนกองทัพอเมริกัน ทั้งที่กลไกบาเร็ตต้า ก็เลียนแบบ วอลเธอร์ พี 38 ของเยอรมัน คู่ปรับเก่าสมัยสงครามโลก
ก็ไม่รู้เหตุผลอะไร การตลาดของสมิธ ฯ ซึ่งเป็น ปืนในประเทศอเมริกาแท้ๆ แล้วทำไม แพ้อิตาลี เมืองมะกะโรนี พวกมุสโลลินี ฝ่ายตรงข้ามกันแท้ๆ ในอดีตได้อย่างไร
แล้วจะได้มาคุยกันต่อไปว่า ทำไม ในปีนั้น สหรัฐ จึงยอมซื้อปืนนอกประเทศมาประจำการในกองทัพของตน ทั้งที่ ปืนในประเทศอย่าง สมิธ หรือ รูเกอร์ ก็ไม่ได้มีอะไรด้อยไปกว่าเลยซักหน่อย