จริงๆแล้วนี่ ส้มตำนี่ เป็นวัฒนธรรมการกิน หรือว่าเป็นอาหารประจำภาคใดกันแน่ครับ  
ผมคิดว่าภาคอีสานนะ เพราะ การตำนี่จะเป็นเรื่องของความง่าย หาอะไรก็ได้มาตำ บางทีต้องทำงานกลางทุ่ง หรือไปหาอาหารกันแต่ไม่ได้ พอหิวขึ้นมาก็หัวสมองมันคงสร้างสรรค์กันไปเอง  ที่ตำได้ ก็มี มะม่วง ฟัก  แตง  ถั่ว  ยอดมะม่วง  ผักติ้ว 
มะขาม มะยม มะเฟือง ฯลฯ 
 สูตรของผมนะ
-มะละกอ - ถั่วฝักยาว - มะเขือลาย - พริกแห้ง - กระเทียม - มะนาว - ปลาร้าโหน่ง 

 - ชูรส - 
มะเขือเครือ (มะเขือเทศลูกเล็กๆเท่านิ้วโป้ง)
นำครกใบใหญ่ๆมาไส่พริกแห้งลงไปกำนึงประมาณ 30 เม็ด กระเทียมสองหัว ตำให้ละเอียด ไส่มะละกอ และเครื่องทั้งหมดลงไป 
ห้ามไส่น้ำตาลเด็ดขาด 
มันมีเคล็ดไม่ลับอยู่นิดหนึ่ง     ตำพริกกับกระเทียมแล้ว    อย่ารีบร้อนใส่มะละกอ
ขอให้ใส่พวกน้ำ ๆ  ไปก่อน     โดยใส่ชูรสมะนาวน้ำปลา   น้ำปลาร้า  ใส่มะเขือเทศ
แล้วตำแบบบด ๆ  ให้มันเข้ากัน  (นัว)    ถ้ามีถั่วฝักยาวก็ใส่ลงไปก่อนมะละกอ   
แล้วใส่มะละกอลำดับสุดท้าย     ตำให้นัว       อูย.....................น้ำลายไหล ไปตำถั่วกินดีกั่ว
สูตรแจ่ว  
พริกแห้งตำเองแล้วแต่ชอบ     หอมแดง   กระเทียม   ปอกเปลือก  อย่างละเท่า ๆ  กันกับพริก
ถ้าอยากให้หอมเอาไปย่างหน่อย       มะเขือเทศ (ผมเป็นคนขี้เกียจเลยใช้ซอสมะเขือเทศ เคล็ดไม่ลับ)    
น้ำมะขามเปียก   น้ำตาลปี๊บ    น้ำปลา    ผสมเครื่องปรุงให้เข้ากัน   (ผมใช้วิธีปั่นให้ละเอียดแบบว่าขี้เกียจ)
ปรุงรสตามชอบ  (ให้ออกสามรส)   ก่อนจะนำมาจิ้ม    ให้ซอยต้นหอม และ ผักชีฝรั่ง  หั่นละเอียด  เพิ่มสีสรร
สูตรนี้สามารถดัดแปลงเป็นปลาร้าบองได้     โดยใส่ปลาร้าลงไปตำ   แต่ถ้าใส่ปลาร้าต้องใส่ข่าด้วยไม่งั้นไม่เข้ากัน
แล้วหั่นใบมะกรูดฝอยโรยหน้า...........(ถ้าเป็นปลาร้าห้ามปั่น   ต้องตำอย่างเดียว  ไม่งั้นเครื่องปั่นพัง เพราะมันจะข้น)
สูตรลาบ  (ป้าดซีโท้   มันจะไปยากอะไร)
ลาบทุกชนิด     เครื่องปรุงสำคัญที่ขาดไม่ได้     พริกป่นตำเอง  (คั่วก่อนตำ  ห้ามซื้อตลาดเด็ดขาดถ้าอยากอร่อย)
ข้าวคั่ว  (คั่วเองอีก   จะหอมกรุ่นได้ดังใจ)    น้ำปลาดี    มะนาว    ใบสะระแหน่ (ขาดไม่ได้)  หอมแดงซอย ข่าตำ
จะลาบอะไร    ก็นำเนื้อสัตว์ที่จะลาบมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงดังกล่าว   ปรุงรสตามชอบ   อย่าให้แห้งเกินไป
ควบคุมด้วยข้าวคั่ว      กินกับผักนานาชนิด