เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 20, 2025, 06:58:52 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มุมมองสังคม และพฤติการณ์ตอบสนองของคนอังกฤษและพวก  (อ่าน 3897 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« เมื่อ: เมษายน 19, 2007, 04:49:13 PM »

ผู้ดีมาแนวใหม่ใช้ไม้อ่อนแก้ปัญหา แจกรางวัล-สิทธิพิเศษนักเรียนเกเร
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2550 13:37 น.

เอเจนซี - กระทรวงศึกษาฯ อังกฤษแนะโรงเรียนต่างๆ ใช้ไม้อ่อนปราบเด็กเกเร อาทิ แจกจักรยานเสือภูเขา และไอพ็อด เพื่อส่งเสริมให้เด็กกลับตัวกลับใจ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดุเดือด
       
        สัปดาห์ที่แล้ว อลัน จอห์นสัน รัฐมนตรีศึกษาธิการเมืองผู้ดี เสนอแนวทางใหม่ให้ครูชมเชยและให้รางวัล รวมถึงสิทธิพิเศษแก่นักเรียนเกเร 5 เท่าทุกครั้งที่เด็กถูกทำโทษหรือถูกตำหนิ อาทิ ได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องแต่งเครื่องแบบนักเรียนมาโรงเรียนในบางวัน ได้พักกลางวันนานกว่าปกติ ได้รับแจกซีดี ตั๋วหนัง ไอพ็อด และจักรยานเสือภูเขา
       
        “การชมเชยและให้รางวัลจะส่งเสริมให้นักเรียนคนอื่นประพฤติปฏิบัติตัวดีเช่นเดียวกัน”
       
        รัฐมนตรีศึกษาฯ ยังคาดหวังว่า แนวทางที่เป็นบวกนี้ อาจกระตุ้นให้พ่อแม่ที่เอือมระอากับการได้รับจดหมายเตือนเกี่ยวกับความประพฤติของลูก หันมาให้การสนับสนุนโรงเรียนมากขึ้น
       
        “อาจมีการส่งโปสการ์ดแจ้งข่าวดีไปให้ผู้ปกครอง ระบบที่เป็นทางการมากขึ้นในเรื่องของความน่าเชื่อถือ การทำความดี และรางวัล อาจนำมาใช้เพื่อแสดงการยอมรับและแสดงความยินดีกับเด็ก”
       
        กระนั้น โรงเรียนได้รับคำเตือนว่า ไม่ควรชมเชยนักเรียนที่ทำตัวดีพร่ำเพรื่อเกินไป
       
        “เราแนะนำให้โรงเรียนให้ความสนใจกับเด็กที่ก่อนหน้านี้มีพฤติกรรมออกนอกลู่นอกทาง หรือเด็กที่มีแนวโน้มต่ำที่จะประพฤติปฏิบัติตัวตามมาตรฐาน เพื่อไม่ให้มีแต่นักเรียนที่ทำตัวดีอยู่แล้วเท่านั้นที่ได้รางวัลและคำชมตลอดเวลา”
       
        นอกจากนั้น ครูยังควรพิจารณาว่า เมื่อใดที่ควรให้กำลังใจนักเรียนแทนที่จะลงโทษ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจผลลบจากความเกเรของตัวเอง
       
        กระทรวงศึกษาฯ ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดในการกักตัวนักเรียนทั้งชั้น เพราะเท่ากับเป็นการลงโทษเหวี่ยงแหทั้งเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่และเด็กที่ทำผิด รวมถึงแนะนำให้โรงเรียนขอความเห็นนักเรียนเกี่ยวกับนโยบายความประพฤติ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าเด็กจะยอมทำตามกฎระเบียบมากขึ้น หากความคิดเห็นของตนได้รับการใส่ใจ
       
        ขณะเดียวกัน จอห์นสันยังเสนอให้อำนาจครูในการปราบปรามความไร้ระเบียบในโรงเรียน เช่น ยึดโทรศัพท์มือถือที่ถูกนักเรียนใช้เป็นกล้องถ่ายคลิปประจานครู และยังเป็นครั้งแรกที่ครูสามารถลงโทษนักเรียนที่ออกฤทธิ์ออกเดชนอกโรงเรียน เช่น รังแกชาวบ้านบนท้องถนน เป็นต้น
       
        ข้อเสนอแนะดังกล่าวมีขึ้นขณะที่ที่ประชุมประจำปีของสหภาพครูแห่งชาติที่เมืองแฮร์โรเกต อังกฤษ ลงมติหยุดงานประท้วง เพื่อต่อต้านการสอนเด็กเกเร หลังจากปีที่ผ่านมา มีครูหลายคนถูกนักเรียนกัด ชก ถ่มน้ำลายใส่ หรือกระทั่งขว้างขวดปัสสาวะใส่ และแทง อีกทั้งยังเกิดขึ้นไล่เลี่ยกับที่จอห์นสันกล่าวในที่ประชุมสมาคมครูแห่งชาติในกรุงเบลฟาสต์ ไอร์แลนด์ โดยเตือนถึงด้านมืดของอินเทอร์เน็ต พร้อมเรียกร้องให้เว็บไซต์ต่างๆ ดำเนินการเพื่อหยุดยั้งการกลั่นแกล้งครูในอินเทอร์เน็ต
       
        รัฐมนตรีศึกษาฯ อังกฤษยังขู่ปิดหรือบล็อกเว็บไซต์ที่ปล่อยให้มีการโพสต์คลิปประจานครู
       
        อย่างไรก็ตาม แนวทางการใช้ไม้อ่อนที่กระทรวงศึกษาฯ นำเสนอ ถูกวิจารณ์ว่า ‘ไร้สาระ’ เนื่องจากอาจส่งเสริมให้เด็กคาดหวังรางวัลจากการทำตัวดี ซึ่งน่าจะเป็นบรรทัดฐานที่พึงปฏิบัติอยู่แล้ว
       
        “ในฐานะผู้เสียภาษี ผมอยากรู้ว่าแนวทางนี้ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ผมว่าข้อเสนอของกระทรวงศึกษาฯ หลุดโลกจริงๆ” คริส วูดเฮด อดีตหัวหน้าผู้ตรวจการสถานศึกษา ชำแหละ
       
        “เด็กให้ความสำคัญมากเรื่องความยุติธรรม และคงรู้สึกเลวร้ายถ้าพบว่า เพื่อนที่มีพฤติกรรมเลวร้ายกลับได้รับรางวัลหรือคำชมเชย” เดวิด วิลเลตต์ โฆษกด้านนโยบายการศึกษาของพรรคอนุรักษ์นิยม สำทับ


เจอข่าวนี้เลยขอคุยกันเล่นครับ อ่านข่าวนี้แล้วนึกถึงพฤติการณ์ตอบสนองต่อเรื่องในสังคมตนเองของคนอังกฤษ และพวก (ออสเตรเลีย แคนาดา) เมื่อมีอาชญากรใช้ปืนก่ออาชญากรรม

สังคมอังกฤษหน่อมแน้มมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงแม้ชนะสงครามโลกแต่สภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่มาก ต้องปันส่วนอาหารอยู่หลายปี การปลูกฝังค่านิยมพึ่งรัฐสวัสดิการทำให้คนรุ่นใหม่หมดความเชื่อมั่น ไม่กล้าแสดงออกในทางกระตือรือร้นเพื่อการพัฒนาตนเองเพราะจะถูกมองว่าขี้อวด หลงตัว ซีรีย์ละครน้ำเน่าก็มีแต่เรื่องราวของคนชั้นกลางระดับล่าง แต่ยังไงก็ยังหลงกับความยิ่งใหญ่ในอดีตซึ่งที่จริงคนยุคปัจจุบันไม่มีสปิริตอย่างนั้นแล้ว สมัยอังกฤษยิ่งใหญ่วิถีชีวิตอยู่ในระเบียบเข้มข้น เลี้ยงเด็กเน้นให้ฮึกเหิม อดทน กล้าแสดงออก ทำบ้าๆ แต่กล้ารับผิดชอบ เห็นได้ง่ายๆ จากหนังสือเรื่องชีวิตเด็กโรงเรียนประจำต่างๆ เช่นของ Roal Dahl หรือเรื่องของนักเรียนเมืองอังกฤษของ นมส. ที่จริงลักษณะการปลูกฝังแบบนี้ก็เป็นรูปแบบธรรมดาชองชาติที่จะเจริญขึ้นมาใหญ่กว่าชาติในยุครุ่งเรื่องของชาตินั้น เช่น เยอรมัน ญี่ปุ่น

พอพอเศรษกิจบูมยุค 50 มาได้นิดหนึ่งก็สู้ประเทศภาคพื้นทวีปที่เริ่มรวมตัวกันไม่ได้ (ต้นตระกูลของ EU)

พอเกิดกระแสยุค 60 ฮิปปี้ไปเลย ชนชั้นนโยบายสมัยปัจจุบันก็คือวัยรุ่นยุค 60

สมัยนี้อังกฤษสู้เยอรมันไม่ได้ทางเทคโนโลยีและเศรษกิจ ไม่มีอุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่ ทำได้แต่ด้านบริหารและเป็นนายหน้า เช่น ธุรกิจประกัน

คนอังกฤษมองตัวเอง รวมๆ แล้วคนอังกฤษมีอารมณ์ดี สร้างเรื่องตลกได้เสมอ ความสุขของคนอังกฤษคือการทำตลกล้อเลียนฝรั่งเสศ และตลกเสียดสีเยอรมัน รวมกันตลกประชดชีวิตตนเอง อังกฤษเก่งเรื่องล้อเลียนประชดประชันมาก ผลอย่างหนึ่งก็ทำให้โฆษณา TV ตลกดีมาก ในเรื่องส่วนตัวเก็บกดเล็กน้อยเพราะพยายามถ่อมตัวมากเกินไป (บางคนก็ไม่สำเร็จกลายเป็นขี้โม้หลุดๆ ต่างกับคนเยอรมัยซึ่งขี้โม้หน่อยๆ ตรงไปตรงมาเสมอต้นเสมอปลาย)

คนอังกฤษมองสังคม/การเมือง จำกัดมุมมองเรื่องการเมืองสำหรับคนเองในทางเสรีนิยมมาก เพราะโดยเปรียบเทียบแล้วเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมาต่อเนื่องนานกว่าชาติใกล้เคียง ยุคเก่ามียุ่งๆ ตามระเบียบแต่ในยุคใหม่ไม่มีหลุดอย่างนาซีเยอรมัน รวมทั้งพัฒนามาเร็วกว่าฝรั่งเศส ซึ่งเพิ่งปรับระบบเข้ารูปเข้ารอยต้นศตวรรษที่ 19 (ถึงแม้ฝรั่งเศสจะรบแพ้ปรุสเซียนถูโค่นระบบกษัคริย์ ปี 1871 แต่ก็เริ่มเข้ารูปมาตั้งแต่ต้นศตวรรษ) แต่เมื่อเสรีนิยมมารวมกับค่านิยมฮิปปี้ถดถอยสมัยใหม่ทำให้หัวทางการเมืองไม่เอียงมากไปทางฝ่ายขวา สำหรับการเมืองระหว่างประเทศก็มีเรื่องประวัติศาสตร์ค้ำคอไว้ว่าต้องมีบทบาท จนกระทั้งลงแรง/ลงเลือดในเมื่อตนไม่มีความจำเป็นจริงๆ อย่างที่เห็น รอเก็บๆ จากวงนอกอย่างฝรั่งเศส/เยอรมัน/ญี่ปุ่น/จีน ก็ได้



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2007, 01:10:51 PM โดย Corporal LE >> » บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 19, 2007, 05:42:56 PM »

อ่านข้อความข้างบนแล้วตาลาย เลยอ่านเฉพาะหัวข้อแรก....


สรุปแล้ว "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" ของไทยเรานั้นดีแล้วครับ แต่กระทรวงศึกษาธิการเรานั้นแก้ที่ปลายเหตุ กลัวครูไปตีลูกเค้าตายเลยยึดไม้เรียว  เหมือนดั่งที่เค้าว่ากันมาว่า กระทรวงศึกษาธิการนั้นด้านหลักฐานวิชาการนั้นเจ๋งเป้ง แต่ด้านปฏิบัตินั้นไม่ผ่าน


บอกตามตรงนะครับ ในอดีตนักเรียนหลายคนไม่กลัวครู แต่เกรงใจไม้เรียวในมือครู จึงประคับประคองเติบใหญ่กันมาได้  แต่วันนี้คงจะไม่มีตำนานเล่าขานอีกต่อไปว่า "เป็นคนดีได้ด้วยรอยไม้เรียว"
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 19, 2007, 06:00:22 PM »

 Smiley จริงอย่างที่ครูเปิ้ลกล่าวครับ สมัยเด็กผมโดนประจำหน้าเสาธง พร้อมไม้เรียว ทุกวันนี้ยังระลึกถึงชื่อคุณครูได้อยู่เลยครับ แกชื่อ "อาจารย์หวั่น ชุลมุน"
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 19, 2007, 06:01:19 PM »

จะแก้นิสัยเด็กไม่ให้โตขึ้นมาเป็นเบ๊อันธพาลได้ไหมน๊อ....ประเภทที่ว่าแอบไปย่องเข้าบ้านคนอื่น พอโดนเจ้าของบ้านจับได้ก็ยังไม่สำนึกถึงความผิดของตัว ทะลึ่งไปตามลูกพี่ที่ปากซอยมาช่วยตีอกชกหัวขู่เจ้าของบ้านอีกหน่ะ ชาวบเนในซอยเค้าดูละครลิงกันครึกครื้นไปเลย  :Smiley
บันทึกการเข้า
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 19, 2007, 09:11:41 PM »

จริง ๆ ครับพี่ Watt ผมนั้นตอนเรียนทำผิดมาเยอะ เลยต้องมาเป็นครูเหมือนกับคำโบราณว่าไว้ "ผิดเป็นครู" แต่ถ้าถือไม้เรียวจริง ๆ ตอนนี้ขอตีพี่จ้าวก่อน ฐานไม่ตามใจหลานสาวผม...
บันทึกการเข้า
MadFroG
Si vis pacem para bellum
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 46
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1985


Father and Son


« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 19, 2007, 10:10:33 PM »

ผมรอพี่ Corporal LE >> มาว่าต่อเรือง "พฤติการณ์ตอบสนองต่อเรื่องในสังคมตนเองของคนอังกฤษ และพวก (ออสเตรเลีย แคนาดา) เมื่อมีอาชญากรใช้ปืนก่ออาชญากรรม " อยู่ครับ น่าสนใจมาก

ส่วนเรื่องให้รางวัลคนเลวนั่น มันเป็นได้แค่ปรัชญาการศึกษามังครับ ไม่มีทางปฎิบัติได้จริง
ตลกตาย แข่งกันทำเลวเพราะอยากได้ ipod Grin
บันทึกการเข้า

เมื่อเกิดวงเล็บ จึงเกิดการก้าวกระโดดทางตรรกะ
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 26, 2007, 12:42:16 PM »

พี่กบครับ

ผมมีหนังสือเล่มนึงเรื่องประวัติการควบคุมปืนของอังกฤษ สรุปสั้นว่ามีจุดประสงค์เพื่อ "ควบคุมประชาชน" มากกว่า ปลายศตวรรษที่ 19 ชาวบ้านชนชั้นที่เขานับถือในสังคมมีปืนง่ายๆ พกพาไปไหนก็ได้ ในหนังสือชุดเชอล๊อกโฮลม์ มีบางตอนนึงที่โฮลม์พาหมอวัตสันออกไปสืบคดี โฮลม์ถามหมอว่าพกปืนไปด้วยหรือเปล่า หมอบอกว่าพก ถึงเป้ฯเรื่องแต่งแต่ก็แต่งยุคนั้นและเป็นข้อมูลตรง สมัยนั้นมีกรณีจริงที่ตำรวจไม่มีปืนไล่จับผู้ร้ายแล้วชาวบ้านที่พกปืนช่วยจับให้

ต่อมาปี 1917 ปฏิวัติรัสเซีย ในยุโรปเริ่มกลัวชนชั้นแรงงานลุกฮือขั้นบ้าง เพราะสมัยนั้นสภาพการทำงานของกรรมกรยุโรปยังเทียบได้เท่าโรงงานนรก ถึงจะเริ่มดีกว่าสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมนิดหน่อย อังกฤษก็เริ่มคุมปืนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีเหตุประท้วง ฯลฯ ล่าสุดปี 1996 มีคนบ้ายิงนักเรียนที่สกอตแลนด์ก็เลยห้ามชาวบ้านมีปืนพกโดยสิ้นเชิงยกเว้นปืนดินดำบรรจุปาก ส่วนปืนยาวก็มีได้ยากมากๆ และต้องต่ออายุทุกปี ชาวปืนอังกฤษก็ขนปืนไปฝากไว้ที่ชมรมยิงปืนในฝรั่งเศศ หรือเบลเยี่ยม กลายเป็นชาวประชาหน้าซีดจริงๆ หลังจากนั้นอาชญากรรมรนแรงในอังกฤษก็สูงขึ้นทุกประเภท อัตราการบุกรุกเข้าบ้านเวลาเจ้าบ้านอยู่ (Hot burglar) ก็มากกว่าในเมกา 4-5 เท่า โจรในเมกากลัวเจอเจ้าบ้านยิงสวน โจรอังกฤษไม่เกรงใจเจ้าบ้านเลย ซึ่งการถูกบุกแบบเผชิญหน้านี้ก็ทำให้เจ้าบ้านมือเปล่าเสี่ยงต่อการทำร้ายมากขึ้น

เรื่องบุคลิกชาวบ้านอังกฤษไม่รู้จะคุยอะไรต่อครับ เท่านี้เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวผม ซึ่งคิดว่าเป็นแนวโน้มกว้างๆ เท่านั้น คนเขาแต่ละคนย่อมต่างกัน

อีกเรื่องที่ขอคุย คือถ้าไม่ยอมเชื่อว่าฝรั่งก็มีน้ำใจ อาจเป็นเพราะคนอังกฤษหรือฝรั่งโดยทั่วไปเปิดเผย พูดคุยกับคนแปลกหน้ามากกว่าคนไทย กริยาบางอย่างกับคนอื่นในเมืองจึงต่างกับคนไทย (ทั้งนี้ในแหล่งพลุกพล่านในลอดดอนอาจน้อยกว่าที่อื่น)

- โดยปรกติ ถ้าเราเดินตามใครเข้าประตูเขาจะดึงประตูค้างไว้ให้ ถ้าเราดึงประตูค้างให้ใครเขาจะพูดขอบคุณ ทำอย่างนี้ในเมืองไทยมักโดนมองหน้า หรือคนอื่นรีบเดินหนี

- ส่วนมาก ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตที่แคชเชียร์ช่องปรกติ ถ้าเรามีของแค่ 1-2 ชิ้น คนข้างหน้าที่มีของมากๆ เขาจะให้เราแซงคิวไปก่อน (ถ้าเป็นช่องแคชเชียร์สำหรับของน้อยชิ้น จะไม่มีคนของมากไปจ่าย ถึงเข้าไปพนักงานก็ไม่รับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2007, 01:12:47 PM โดย Corporal LE >> » บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 26, 2007, 01:43:14 PM »

สะท้อนใจถึงเมืองไทยยังไงไม่รู้ครับพี่
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: เมษายน 26, 2007, 01:59:31 PM »

อือม์ ถ้าพูดว่าคนอังกฤษไม่ "ช่วยกัน" เท่าคนไทย ผมเห็นด้วยครับ

คือคนไทยถ้าเป็นญาติ/เพื่อนกัน ช่วยกันจริงๆ ไม่สนระเบียบ กฎเกณฑ์ วัฒนธรรม "แบบไทยๆ" อย่างหนึ่ง พอควรผมชอบแน่ บางกลุ่มเกินไปถึงขั้นโกงกินก็ไม่ไหว

แต่เรื่องน้ำใจสำหรับคนทั่วไป ไม่ว่าสังคมไหนๆ ที่ดิ้นรน แก่งแย่งกันมากน้ำใจจะน้อยลงตามธรรมชาติ

เรื่องดูถูกเหยียดหยามกัน ก็มักมากับความบ้าวัตถุ บ้าอำนาจ

แต่เวลาคนหัวดำเดินเข้าช่องที่มีป้าย Alien ไปขอใช้บริการจากเจ้าหน้าที่หัวเหลือง กลับสะดวก รวมเร็ว ได้รับความสุภาพมากกว่าราษฎรเต็มขั้นหรือข้าราชการเดินเข้าตึกที่ให้บริการประชาชนคนชาติเดียวกันซะอีก แปลกครับ แปลก 
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
a lone wolf
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 290
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2064



« ตอบ #9 เมื่อ: เมษายน 27, 2007, 08:37:47 AM »

 Cheesy
ผมไม่เคยมีโอกาสไปอยู่ในสังคมคนอังกฤษเลยครับ  ได้แต่ดูบอลอังกฤษ และหนังอังกฤษ รวมถึงอ่านหนังสือบ้าง ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นภาพจริงหรือเปล่า
เคยดู Full Monty ขำจัง รู้สึกว่าสภาพชีวิตคนกลุ่มกรรมกรของอังกฤษดูสมถะดี
ที่คุณ Corporal LE พูดถึงการบ่มเพาะในโรงเรียนประจำ  คงเป็นชีวิตของชนชั้นสูง  ส่วนลูกหลานคนธรรมดาคงแตกต่างออกไป  แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเรียนกันอย่างไร
อ่านหนังสือของชนชั้นนำไทยที่ไปเรียนอังกฤษ ก็เจอแต่ชีวิตในโรงเรียนประจำ
ผู้หญิงอังกฤษไม่ค่อยสวยแฮะ  ดูน่าเบื่อน่าเบื่อ

เท่าที่อ่านหนังสือผมชอบสังคมอังกฤษตอนสงครามโลกครั้งที่สองนะครับ (แต่ผู้ชนะย่อมเขียนประวัติศาสตร์ ใช่หมาย? Wink)
ชอบตอนที่ฮิตเลอร์เริ่มรุกรานภาคพื้นยุโรป และอังกฤษต้องเปลี่ยนตัวนายกฯเป็นเชอร์ชิลล์
ทั้งรัฐสภาร่วมมือร่วมใจกันมาก  ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกว่าใครเป็นฝ่ายรัฐบาล ใครเป็นฝ่ายค้าน
ยามชาติวิกฤติ  เมื่อเห็นพ้องกันว่าเชอร์ชิลล์น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทุกฝ่ายก็สนับสนุนไม่ป่วน ไม่ตีรวน

ชอบสุนทรพจน์ของเชอร์ชิลล์ กินใจมาก (หมายเหตุ เทียบกับสปีชของพี่ตั๊กแล้ว เหมือนกิ้งกือกับพญาเหยี่ยว)

ชอบตอนกองเรือประมงของอังกฤษ แล่นข้ามทะเลไปรับทหารที่ดันเคิร์ก  ซึ้งอีกเช่นกัน

ชอบตอนที่ฮิตเลอร์บอมบ์ลอนดอน กะเอาให้น่วม แต่คนอังกฤษไม่เคยคิดจะยอมแพ้หรือเจรจา

และชอบอีกเช่นกันที่เกิดเหตุระเบิดในรถใต้ดิน และรถเมล์ของลอนดอน เมื่อสองสามปีก่อนหน้านี้
อ่านหนังสือพิมพ์เห็นผู้หญิงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าเธอมีคุณปู่ของเธอซึ่งเป็นคนที่เคยผ่านสงครามโลก  โดนฮิตเลอร์บอมบ์มาแล้ว
วันที่เกิดเหตุเธอช๊อกกับข่าว และชั่งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะไปทำงานดีไหม
เธอคุยโทรศัพท์กับคุณปู่ และคุณปู่บอกว่าเธอต้องไป  อังกฤษจะไม่มีวันยอมให้ใครที่ใช้ความกลัวมาข่มขู่คุกคามทำให้ยอมจำนน  ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เหมือนที่คนรุ่นปู่รุ่นตาเคยยืนหยัดต้านพวกนาซีมาแล้ว  แน่นอนเธอเห็นด้วยกับคุณปู่และรู้สึกว่าจำเป็นต้องออกจากบ้านมาทำงาน

เอาเข้าจริงๆผมก็ได้ทำงานกับคนอังกฤษเหมือนกันแหละครับ  เป็นเจ้านายสองคน กับเพื่อนร่วมงานอาวุโส
เขาใช้ภาษาแพรวพราวดี  เขียนบันทึกสั้นๆบางทียังต้องเปิดดิคดูเลยว่าเจ้านายหมายความว่าอย่างไร
สำเนียงใกล้เคียงกับบีบีซี
แต่ละคนท่ามาก  เหมือนคนที่อยู่ในชมรมละครเวทีตอนเป็นนักเรียน
แต่ก็วางตัวน่าเคารพนับถือดีนะครับ
บันทึกการเข้า

It's not the years in your life but the life in your years, that counts
S.W.A.T
Hero Member
*****

คะแนน 6
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1023

Ceska Zbrojovka


« ตอบ #10 เมื่อ: เมษายน 27, 2007, 09:41:23 AM »

ผมว่าจริงนะ
บันทึกการเข้า

อรินทราช 26
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: เมษายน 27, 2007, 10:33:09 AM »

ผมไม่เคยมีโอกาสไปอยู่ในสังคมคนอังกฤษเลยครับ ได้แต่ดูบอลอังกฤษ และหนังอังกฤษ รวมถึงอ่านหนังสือบ้าง ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นภาพจริงหรือเปล่า

ฮ่า ฮ่า ก็ต้องมีจริงมีโม้บ้างครับ ที่จริงแน่ๆ คือเป็นเรื่องที่คนแต่ง/สร้างคิดว่าคนจะชอบเพราะจะได้ขายได้

เคยดู Full Monty ขำจัง รู้สึกว่าสภาพชีวิตคนกลุ่มกรรมกรของอังกฤษดูสมถะดี

ผมว่าคนเขาจะรู้สึกภูมิใจในระดับของตนเองมากกว่าไทย/เมกัน คงเป็นเพราะอย่างน้อยก็มีสวัสดิการขั้นพื้นฐานด้วย คนไม่ค่อยกระตือรือร้นเรียนสูงๆ ไม่พยายามทำตัวให้มีหน้ามีตา ไฮโซอะไรแบบนั้น แถมคนที่ศักยภาพสูงกว่าก็ชอบเรื่องชาวบ้านๆ ละครน้ำเน่าเป็นเรื่องชาวบ้านชั้นกลางระดับล่าง ไม่ใช่ ระดับกลาง-สูงอย่างเมกัน หรือไฮโซแบบละครไทย ที่เห็น และเพื่อนฝรั่งบอกชนกลุ่มน้อยที่ฟิตๆ มักเป็นพวกแขกจากปากีฯ อินเดีย ขยันทำงาน อย่างน้อยก็บลูคอล่าร์ ขับแทกซี่ ถ้ามีโอกาสมักพยายามเรียนสูงๆ นิยมเป็นหมอ ใน รพ. มีแต่หมอแขก และพวกนี้จะทำตัวเป็นฝรั่งมากๆ สำเนียงดีมาก หลับตาคุยด้วยนึกว่าฝรั่งพูด ฝรั่งเขาว่า คนดำจะไม่ค่อยขยัน แต่ก็มีคนดำที่ทำตัวเหมือนฝรั่งเหมือนกัน มีเมกันบอกว่าคนดำบริติชทำตัวข๊าวขาว อย่างไรก็ตามยังเป็นสังคมของคนขาวครับ ชนกลุ่มน้อยไม่นิยมทำราชการเพราะจะไม่โต เพื่อนในชั้นเคยเรียน รร.นายร้อย แล้วลาออกเขาบอกว่ามีแต่คนขาว 100% ที่จริงในระดับนโยบายอังกฤษเขาต้องการชนกลุ่มน้อยเอาไปเป็นตำรวจ หรือทหารกองดั้งเดิม เช่นกองแขก ฯลฯ ผมเคยเห็นข่าวมีฟ้องร้องกันว่าโดนย้ายไม่เป็นธรรมเพราะเป็นคนดำ เขาไม่อยากให้อยู่ในกองการ์ดเกียรติยศชุดแดง ในหนังบางเรื่องเห็นมีชุดแดงหน้าดำ ของจริงผ่านไปหน้าวังเปลี่ยนการ์ดหลายทีไม่เคยเห็นครับ

ที่คุณ Corporal LE พูดถึงการบ่มเพาะในโรงเรียนประจำ คงเป็นชีวิตของชนชั้นสูง ส่วนลูกหลานคนธรรมดาคงแตกต่างออกไป แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเรียนกันอย่างไร

อ่านหนังสือของชนชั้นนำไทยที่ไปเรียนอังกฤษ ก็เจอแต่ชีวิตในโรงเรียนประจำ
ผู้หญิงอังกฤษไม่ค่อยสวยแฮะ ดูน่าเบื่อน่าเบื่อ

โรงเรียนทั่วไปก็ระเบียบเพียบครับ ทำโทษตีเด็กเหมือนกัน แต่สมัยนี้หย่อนไปมากๆ ห้ามแตะต้องตัวเด็ก เพื่อนฝรั่งเคยไม่สอนหนังสือ ม.ปลาย เขาว่าจะโดนเด็กแกล้งบ่อยๆ นร. หญิงมาลูกแขนส่งสายตาก็มี เหอะๆ

ฮ่า ฮ่า ผู้หญิงอังกฤษดูเซ็งที่สุดในยุโรปแล้วมังครับ คนทั่วไป ล่ำ ตัวไม่สูง หุ่นไม่เพรียว เหมือน สไปซ์ เกิล คนผมทอง 2 เปีย ผมว่าเยอรมันยังดูดีกว่า ดัชท์ ก็ดูดี


เท่าที่อ่านหนังสือผมชอบสังคมอังกฤษตอนสงครามโลกครั้งที่สองนะครับ (แต่ผู้ชนะย่อมเขียนประวัติศาสตร์ ใช่หมาย? )
ชอบตอนที่ฮิตเลอร์เริ่มรุกรานภาคพื้นยุโรป และอังกฤษต้องเปลี่ยนตัวนายกฯเป็นเชอร์ชิลล์
ทั้งรัฐสภาร่วมมือร่วมใจกันมาก ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกว่าใครเป็นฝ่ายรัฐบาล ใครเป็นฝ่ายค้าน
ยามชาติวิกฤติ เมื่อเห็นพ้องกันว่าเชอร์ชิลล์น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทุกฝ่ายก็สนับสนุนไม่ป่วน ไม่ตีรวน

ชอบสุนทรพจน์ของเชอร์ชิลล์ กินใจมาก (หมายเหตุ เทียบกับสปีชของพี่ตั๊กแล้ว เหมือนกิ้งกือกับพญาเหยี่ยว)

ชอบตอนกองเรือประมงของอังกฤษ แล่นข้ามทะเลไปรับทหารที่ดันเคิร์ก ซึ้งอีกเช่นกัน

ชอบตอนที่ฮิตเลอร์บอมบ์ลอนดอน กะเอาให้น่วม แต่คนอังกฤษไม่เคยคิดจะยอมแพ้หรือเจรจา

และชอบอีกเช่นกันที่เกิดเหตุระเบิดในรถใต้ดิน และรถเมล์ของลอนดอน เมื่อสองสามปีก่อนหน้านี้
อ่านหนังสือพิมพ์เห็นผู้หญิงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าเธอมีคุณปู่ของเธอซึ่งเป็นคนที่เคยผ่านสงครามโลก โดนฮิตเลอร์บอมบ์มาแล้ว
วันที่เกิดเหตุเธอช๊อกกับข่าว และชั่งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะไปทำงานดีไหม
เธอคุยโทรศัพท์กับคุณปู่ และคุณปู่บอกว่าเธอต้องไป อังกฤษจะไม่มีวันยอมให้ใครที่ใช้ความกลัวมาข่มขู่คุกคามทำให้ยอมจำนน ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เหมือนที่คนรุ่นปู่รุ่นตาเคยยืนหยัดต้านพวกนาซีมาแล้ว แน่นอนเธอเห็นด้วยกับคุณปู่และรู้สึกว่าจำเป็นต้องออกจากบ้านมาทำงาน

มีคำพูดอังกฤษทำนองว่า “ข้าจะแต่งตัวยังงี้ ถ้าจะร้อนจะหนาวไปก็เป็นความผิดของอากาศ” (อารมณ์แบบนี้อาจลดการประเมินผลความเชื่อบางอย่างด้วย เช่น ความล้มเหลวของนโยบายคุมปืน) สมัยนี้ความทรนงส่วนรวมยังเป็นสิ่งดีเด่นที่พอเหลืออยู่ครับ ยิ่งสมัยก่อนด้วย สมัยสงครามโลก เขารวมตัวได้จริงๆ โดยเฉพาะตอนโดนบอร์ม บ้านเมืองวุ่นวายแต่อาชญากรรมน้อยมากๆ เรื่องดังเคิร์กก็เป็นจุดเด่น ที่ไม่แตกแถว เร็วๆ นี้จะมีหนังดราม่าที่มีฉากนี้นี่ครับ คนชอบล้อว่าสมัยนี้ไม่ใช่แล้ว ดูแฟนบอลดิ ที่จริงผมว่าพวกฮูลิแกนแฟนบอลก็เป็นพวกชนชั้นแรงงานหน่อยละครับ แต่รายได้ที่โน่นก็ทำให้แฟนพันธุ์แท้จ่ายเงินไปดูต่างประเทศได้ เลยดูเหมือนว่าคนชั้นกลางทั่วไปเป็นแบบนั้น บางที่อ่านหนังสือเรื่องทหารที่เยอรมันเขียนจะชมว่าอังกฤษกล้าหาญดีมาก จอมพลรอมเมลชอบชมอังกฤษ และช่วงแรกๆ ไม่ค่อยนับถือความสามารถส่วนตัวของเมกันเท่าไหร่ บอกเชลยอังกฤษในอัฟริกาเหนือว่า “เรามีพวกอิตาเลี่ยน (เป็นตัวถ่วง) คราวนี้คุณก็มีพวกเมกัน” เยอรมันบางคนก็ว่าอังกฤษกล้าจนโง่ “…เพราะอยากเป็นฮีโร่ ต้องระวังอย่าให้พวกเราเป็นแบบนี้” (หนังสือโดย ฟอน ริชโธเฟน – บารอนแดง WWI)

ทหารอังกฤษสมัยนี้ดูฮึกเหิมดี เพราะเป็นทหารสมัคร โดยอังกฤษเลิกเกณฑ์ทหารมาก่อนเมกันเสียอีก เพื่อนเยอรมันบอกว่าตามค่ายเนโต้อทหารอังกฤษกับเยอรมันชอบทะเลาะชกกัน แล้วเยอรมันมักแพ้ “ทหารเกณฑ์เยอรมันไม่บ้าเล่นกล้ามอย่างทหารสมัครอังกฤษ”

เขอขิลด์ พูดได้อย่างนั้นเพราะแกเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ครับ เป็นนักลุยคนหนึ่งจริงๆ ตอน WWI เคยเป็นใหญ่โต สส.หลายสมัย มีตำแหน่ง ทำนองรัฐมนตรีกองทัพเรือแล้ว หลุดจากตำแหน่งเพราะล้มเหลวที่กัลลิโปลี แปลกเหมือนกันที่แกมีตำแหน่งพันโททหารบกอยู่อีก พอหลุดจากระดับ รมต. แกกลับไปรบในสนามเพลาะพักนึงอยู่แนวหน้าเสี่ยงตาย…  โดยส่วนตัวแกก็เป็นนักนิยมปืน ยิงปืนแม่นมาก



เอาเข้าจริงๆผมก็ได้ทำงานกับคนอังกฤษเหมือนกันแหละครับ เป็นเจ้านายสองคน กับเพื่อนร่วมงานอาวุโส
เขาใช้ภาษาแพรวพราวดี เขียนบันทึกสั้นๆบางทียังต้องเปิดดิคดูเลยว่าเจ้านายหมายความว่าอย่างไร
สำเนียงใกล้เคียงกับบีบีซี
แต่ละคนท่ามาก เหมือนคนที่อยู่ในชมรมละครเวทีตอนเป็นนักเรียน
แต่ก็วางตัวน่าเคารพนับถือดีนะครับ

เขาก็มีคำพูดว่า สำเนียงบีบีซีครับ คือมีการศึกษามีระดับดี ถ้าจะให้หรูสุดๆ ก็ต้องว่าสำเนียงควีน  ชวนอังกฤษเขาไปกินเบียร์สิครับ ทุกคนน่าจะมีผับประจำ ผมว่าผับอังกฤษใน กทม. มีฝรั่งมากกว่าในเมืองใหญ่อังกฤษซะอีก ฮ่า ฮ่า

"รูปคนส่งนมช่วงโดนบอร์ม WWII ยังดับไฟกันอยู่เลย"



[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
a lone wolf
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 290
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2064



« ตอบ #12 เมื่อ: เมษายน 27, 2007, 12:36:25 PM »

ชวนอังกฤษเขาไปกินเบียร์สิครับ ทุกคนน่าจะมีผับประจำ ผมว่าผับอังกฤษใน กทม. มีฝรั่งมากกว่าในเมืองใหญ่อังกฤษซะอีก ฮ่า ฮ่า


ฮ่าฮ่าฮ่า ใต้ถุนตึกออฟฟิศผมมีอยู่หนึ่งผับครับ ชื่อทำนองว่า "ผับของชาวลอนดอน" ชายชาวอังกฤษในกรุงเทพสักครึ่งเมืองเห็นจะได้มั๊งที่เป็นขาประจำ
ช่วงอเมริกากับอังกฤษบุกอิรัก  ผมลงไปนั่งดื่มเบียร์ไทย  ก็ยังดื่มไปเสียวไป
กลัวระเบิดอ้ะ

ขอบคุณสำหรับภาพคนส่งนมนะครับ  รูปเดียวแทนคำบรรยายเป็นหน้ากระดาษ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2007, 12:42:20 PM โดย a lone wolf » บันทึกการเข้า

It's not the years in your life but the life in your years, that counts
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: เมษายน 27, 2007, 01:00:00 PM »

ฮ่า ฮ่า ที่นี่ก็ดีครับ สถานที่ดี เบียร์ Bitter ยี่ห้อเขาเองก็ดี ผมว่าถังใหญ่นั่นของปลอมนะไม่ได้บริวจริง เห็นเขาขนเบียร์สำเร็จถังเล็กๆ มา เคยไปตอนบอลโลก คนแน่นขนาดเข้าถึงบาร์ไม่ได้ เขาเอาไฮฯ เล็ก เปิดฝาเสร็จใส่กะบะเดินแหวกไปทั่วๆ ให้ลูกค้าหยิบขวดเอาแบ๊งค์ 100 ใส่แทนเองเลยครับ
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 27, 2007, 01:56:49 PM »

จำได้สมัยเด็ก ผมเคยถูกครู   เตรียมไม้เรียวมาจากบ้าน....เป็นประจำ....คุณพ่อผมเองแหละที่เป็นคนเหลาไม้เรียวให้...ไปฝากคุณครู..ถ้าถูกครูตี ที่โรงเรียนแล้ว   กลับบ้านผมต้องโดนอีกรอบ..จากคุณพ่อ....และยิ่งหนักกว่าครูตีอีก.... ทุกวันนี้ผมยังระลึกถึง คุณของไม้เรียว..เสมอ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2007, 01:58:24 PM โดย SINGHA » บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.099 วินาที กับ 21 คำสั่ง