เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 21, 2025, 04:32:44 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อวันวาน....  (อ่าน 13012 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
NatthaphoN_
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13071

https://lh5.googleusercontent.com/-3fxkffwgtBc/AAA


« ตอบ #60 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2007, 07:02:26 AM »

ขอบคุณครับพี่ เพลงเพลินดีนะครับ Wink
บันทึกการเข้า
harusame
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #61 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2007, 07:09:28 AM »

เพลงน่ารักดีค่ะ .......  Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #62 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2007, 10:15:20 AM »

ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกครับคุณวัฒน์......ได้ดูทั้งภาพและมีเสียงขับกล่อมให้ได้บรรยากาศตอนสมัยเด็กกลับมา.....                           
บันทึกการเข้า
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #63 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2007, 10:22:06 AM »

เรียนคุณ Yod ... รถเมล์สมัยก่อนมีที่นั่งยาวติดข้างรถ จึงเรียกกันว่ารถสองแถว ตรงกลางจึงทำให้ยืนเกาะราวกันได้มาก ระยะหลังจึงเริ่มมีที่นั่งหันไปหน้ารถเช่นปัจจุบัน ทำให้คนยืนเกาะราวได้น้อยลง ... หนุ่มๆชอบยืนหน้ารถรางหลังคนขับเพราะมันเท่ครับ ได้มองสาวและให้สาวมอง ค่าโดยสารก็เป็นอัตราชั้นหนึ่ง 20 สตางค์นะครับ เป็นการแสดงว่ามีสตางค์ด้วย ... ผมทันก๋วยเตี๋ยวชามละ 3 สตางค์ (ไม่เคยซื้อเพราะยังเล็กมาก) และ
ไอศครีมถ้วยละ 1 สตางค์ ทันส้วมลงถังที่ตั้งใต้ถุน (บริษัทออนเหวง) มาเก็บไปทิ้งทุกวัน ทันรถลาก (รถเจ๊ก) คนจีนสวมหมวกกู้เล้ยเป็นผู้ลาก ตอนหนึ่งมีสตางค์ครึ่งสตางค์ ทำด้วยดีบุก เอาไปอังเตา (ถ่าน) ก็ละลายรวดเร็ว ที่ต้องทำขึ้นมาก็เพราะของมันถูก จะซื้อผักทีละหนึ่งสตางค์ก็มากไป คนรับใช้หลังสงครามเดือนละ 150 บาท ตอนนี้ยังทึ่งอยู่กับกล้วยหอมใบละห้าบาท ทึ่งกับคนในสลัมก็มีมือถือใช้ ตลาดเปียกๆพื้นเลอะๆ กลายเป็น Supermarket มีแอร์คอนดิชั่น

อยากฟังคุณอา Sundance เล่าเกี่ยวกับยรรยาศเก่าๆให้ฟังอีกจังเลยครับ.....
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #64 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2007, 10:52:26 PM »

 Winkมาดูโฆษณาในอดีตกันบ้างครับ

โรงหนัง Capital สมัยนั้นดังมากๆ อยู่แถวเยาวราชครับ เป็นโรงหนังแห่งแรกๆของกรุงเทพฯ ที่นำหนังฝรั่งมาฉาย


สบู่เค้าชื่อว่า สด 1.77 นะครับ สาเหตุที่ชื่อนี้เพราะใช้ชื่อเดียวกับโรงงาน (เล่นง่าย)


ไฟฉาย Sunrise มาพร้อมกับถ่านไฟฉาย Sunrise เชื่อไหมครับ ไฟฉายยี่ห้อนี้ยังอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้นะครับ


น้ำมันสามทหาร ต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ปตท.


สบู่วิคตอเรีย ของ บจ.สหพัฒนพิบูล ครับ นับเป็นยุคแรกๆที่สบู่เป็นสปอนเซอร์รายการทีวี
โดยฉายอยู่ที่ช่อง 7 รายการ ไลอ้อนแชมภูกับชูศรีโชว์


ส่วนนี่ ยาสีฟันที่เรารู้จักกันดี นี่คือโฆษณาเมื่อ 30-40 ปีก่อนครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2007, 11:24:15 PM โดย Watt » บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #65 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2007, 11:05:45 PM »

ธรรมศาสตร์เมื่อปี 2501 คณะเศรษฐศาสตร์ยังไม่ได้ก่อตั้งเลยครับ สำนักหอสมุดกลางก็ยังไม่มี ส่วนหอประชุมใหญ่ พึ่งสร้างครับ


ตึกยาว โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย บริเวณหน้าหอประชุมสวนกุหลาบรำลึก ภาพถ่ายประมาณ พ.ศ. 2460
ด้านหลังเป็นปล่องโรงไฟฟ้าวัดเลียบ


ร.ร เพาะช่าง


พระบรมรูปทรงม้า ถ่ายประมาณสมัย ร.6


โรงแรมเอราวัณยุค 60






กระทรวงกลาโหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2007, 11:31:05 PM โดย Watt » บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
xiehua dun
เรารักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 134
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6209


ปัจจุบันวัดความดีของคนที่ กม.


« ตอบ #66 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2007, 11:58:41 PM »

สมัยก่อนมีชูศรีเชิญยิ้มด้วยเหรอครับ
บันทึกการเข้า


เพราะฉันจะไป ด้วยหัวใจดวงนี้ สองขาที่มีจะปีนสู่ภูผา
เพราะฉันจะไป ให้เห็นความสุขแท้มันด้วยตา
เมื่อได้มองลงมาเห็นโลกในมุมอีกมุม     มันคงช่างงดงาม
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #67 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2007, 12:25:13 AM »

สมัยก่อนมีชูศรีเชิญยิ้มด้วยเหรอครับ

 Smiley คงไม่ใช่ ชูศรีเชิญยิ้ม หรอกครับ แต่คงจะเป็น ชูศรี มีสมมนต์


ชูศรีเรียนจบชันมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนนาฏศิลป์ จากนั้นก็มาเรียนต่อชั้น ม. 6 ที่โรงเรียนขัตติยานีผดุง
ระหว่างที่เรียนทางบ้านได้ขอให้ชูศรีเรียนต่อพยาบาล แต่ชูศรีเวลานั้นใจร่ำร้องอยากจะยึดอาชีพเต้นกินรำกิน
เพราะเรียนมาทางนาฏศิลป์ ในที่สุดก็ปฎิเสธคำขอของทางบ้าน อาจารย์ลัดดา สารตายนต์ แห่งโรงเรียนนาฏศิลป์

สมัยนั้น ได้ตั้งคณะละครชายจริงหญิงแท้ขึ้น และเปิดการแสดงที่โรงละครแหงชาติ ประเดิมด้วยเรื่อง ผกาวลี มี อุโฆษ จันทร์เรือง เป็นพระเอก ชูศรี มีสมมนต์ก็ได้มีโอกาสแสดงกับเขาด้วยในบทตลกติดตามนางเอกและร้องเพลงสลับหน้าเวที
แล้วจากนั้นอาจารย์ลัดดา ก็ใช้ชื่อคณะละครตนเองว่า ผกาวลี ผลการแสดงเรื่องแรกผ่านไปได้อย่างดี
แล้วชีวิตแห่งการแสดงของชูศรีก็เริ่มแต่นั้นมา ความเป็นศิลปินอิสระทำให้ชูศรีแสดงได้กับหลายคณะ อาทิ คณะเทพศิลป์การละคร คณะศิวารมณ์,คณะอัศวินการละคร,คณะวิจิตรเกษม,คณะชื่นชุมนุมศิลปิน,และคณะลูกไทย เป็นต้น

ละครที่สร้างชื่อเสียงให้กับชูศรีมากที่สุดก็คือเรื่อง ขุนเหล็ก ที่ชูศรีแสดงคู่กับดอกดิน กัญญามาลย์ อาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการตลกก็คือ อบ บุญติค ชูศรีได้พบรักครั้งแรกเมืออายุได้ 17 ปี กับชายหนุ่มที่ชือ เชิด โรจนประดิษฐ์
ชูศรีเล่นละครเวทีตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 มาจนถึงปี 2497 ก่อนที่วงการละครเวทีจะซบเซาลง ครั้งสุดท้ายก่อนปิดฉากละครเวทียุคนั้น ส.อาสนจินดาได้รวบรวมนักแสดงทั้งหมดที่เกิดในวงการละครรวมทั้งชูศรี เล่นละครเรื่อง อภัยทศพเนจร แสดงที่โรงภาพยนตร์ศรีอยุธยา หลังจากนี้ ต่างก็แยกย้ายกันไปหาอาชีพ ชูศรีได้ไปสมัครร้องเพลงสลับหน้าม่านกับพยงค์ มุกดาและเชาว์ แคล่วคล่อง เพลง อัดซีบาบา คือเพลงแรกของชูศรีที่ร้อง จากนั้นก็หันมาเล่นหนัง

ผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของชูศรีคือเรื่อง ยอดรักคนยาก ของ ส.อาสนจินดา ผลงานการสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกของชูศรีก็คือเรื่อง แม่ค้าหาบเร่ นำแสดงโดย เติม โมรากุล กับกรองจิต เตมีย์ศิลปิน เข้าฉายที่เฉลิมกรุง ได้กำไรมา 1 หมื่นบาท ทิ้งช่วงไปพักนึงก็กลับมาสร้างอีกครั้งในเรื่อง ในฝูงหงส์ เรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จ ชูศรีเลยต้องหันมาเล่นหนังอย่างเดียวไปหลายปี ก่อนจะหวนมาสร้างหนังอีกครั้งเรื่อง สามเกลอเจอล่องหน เช่นเคยแม่จะมีพระเอกนางเอกดังอย่าง มิตร - เพชรา เล่นแต่ก็ไม่เป็นผล

ผลของหนังสองเรื่อง สร้างหนี้ให้ชูศรีเพิ่มขึ้นมาอย่างมากมาย เท่านั้นยังไม่พอคู่ชีวิตของตนเองคือเชิด ได้หลบลี้หนีหายไปอย่างไร้ล่องรอย ใครดูหนังหรือเป็นแฟนประจำชูศรี จะเห็นว่ามีบางช่วงชูศรีใช้นามสกุล โรจนประดิษฐ์ แต่ต่อมาก็กลับมาใช้มีสมมนต์อย่างเก่า ต่อแต่นั้นมาชูศรีก็ทำหน้าที่แสดงอย่างเดียว จนปี 2524 ชูศรีได้ล้มป่วยลงเข้าออกโรงพยาลอยู่บ่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2535 ชูศรีได้เสียชวิตลงอย่างสงบ
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
หน้า: 1 2 3 4 [5]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.059 วินาที กับ 21 คำสั่ง