รัฐธรรมนูญใหม่ดี? แต่อนาคตประเทศไทยเละ [6 ส.ค. 50 - 22:37] ก็ดีเบตอภิปรายถกเถียงกันไปเรียบร้อยแล้ว เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 2550 ระหว่าง ฝ่ายที่เห็นชอบ กับ ฝ่ายที่ไม่เห็นชอบ มีการยกเอา ข้อดี และ ข้อเสีย ที่แต่ละฝ่ายมองเห็นขึ้นมาชี้ให้ผู้ฟังได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
ผมอ่านแล้วก็ รู้สึกหนาว และมองเห็น ความอ่อนแอ ของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ฝ่าย ส.ส.ร.สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบ ไม่ว่าจะเป็น นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ก็ดี นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ก็ดี ต่างก็ยกข้อดีรัฐธรรมนูญใหม่ว่า ให้อำนาจและสิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนเพิ่มขึ้นมากกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 โดยไม่ได้คิดคำนึงถึงคุณภาพของสังคมไทยและนักการเมืองไทย
ซึ่งในวันเดียวกันนั้นเอง คุณมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็ออกมาเปิดเผยว่า เวลานี้มีการซื้อตัวอดีต ส.ส.กันถึงหัวละ 30 ล้านบาท
ส.ส.ร.อีกคน คุณจรัญ ภักดีธนากุล แม้จะยอมรับว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ไม่ใช่ฉบับที่ดีที่สุด แต่เห็นว่า หากประชาชนลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว ก็จะมีผลทำให้ ระบบรัฐประหาร หรือ คมช. ยุติลงทันที
เป็นการมองมุมเดียว คือให้ คมช.สิ้นสุดลงเท่านั้น ปัญหาอย่างอื่นไม่พูดถึง
ฝ่ายที่ไม่เห็นชอบ อย่าง นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำไทยรักไทย เห็นตรงกันว่า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะทำ ให้รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลผสมและมีความอ่อนแอทางการเมือง ในที่สุดจะทำให้ระบบราชการเข้มแข็ง ระบบอมาตยาธิปไตยจะกลับมาควบคุมรัฐบาล
ตรงนี้คือเรื่องจริง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลและประเทศไทยอ่อนแอในอนาคต
ไล่กันตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดย ยกเลิกสัดส่วน 5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเปิดทางให้ พรรคเล็ก มีที่นั่งในสภา โดยอ้างว่า เพื่อให้เกิดความคิดหลากหลายทางการเมือง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ จะมีพรรคการเมืองจับฉ่ายเต็มสภา เหมือนในอดีต ทำให้ประชาชนที่อ่อนแอเรื่องระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ยิ่งเกิดความสับสนและไม่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงมากขึ้น
นอกจากการสร้าง พรรคจับฉ่าย ในสภาแล้ว ยังให้ ส.ส.เป็นอิสระจากพรรค ไม่ต้องฟังมติพรรค ไม่ว่าการตั้งกระทู้ถาม การอภิปรายและการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวมไปถึงการให้ ส.ส. แต่ละคนสามารถเสนอกฎหมายของตัวเองได้โดยไม่ต้องขออนุญาตพรรค
เมื่อ ส.ส.ไร้กฎ กติกา ควบคุม อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ผมไม่อยากคิด
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ก็ทำได้ง่ายดังพลิกฝ่ามือ รวมหัวกันล่าชื่อได้ 1 ใน 5 ก็ยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ทันที หรือจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ก็ล่าชื่อแค่ 1 ใน 6 เท่านั้น
สิ่งเหล่านี้จะทำให้รัฐบาลใหม่อ่อนแอ บริหารประเทศยากลำบากอย่างยิ่ง ไหนจะต้องพะวงกับ ส.ส.ในพรรคเองซึ่งพรรคคุมไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ให้อิสระไม่ต้องฟังมติพรรค ไหนจะพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามที่จ้องจะล้มเพื่อช่วงชิงอำนาจ โดยใช้ จุดอ่อน เหล่านี้ในรัฐธรรมนูญใหม่มาเป็นเครื่องมือฟาดฟันฝ่ายที่เป็นรัฐบาล เพื่อไม่ให้บริหารประเทศได้สะดวก
ฝ่ายที่แฮปปี้ที่สุดก็คือ ข้าราชการประจำ ในที่สุดรัฐบาลจะต้องหันมาพึ่งพิงทั้งการทำนโยบายให้สำเร็จ และการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่เป็นฝ่ายค้าน จะส่งผลให้ข้าราชการประจำกลับมามีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือรัฐบาลที่อ่อนแอเหมือนในอดีต
สรุปก็คือ ไม่ว่าฝ่ายไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาล ล้วนต้องเจอกับสภาพอย่างนี้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดีหรือไม่ดี ผมไม่รู้ แต่ผลที่จะเกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็คือ อนาคตที่เละตุ้มเป๊ะของประเทศชาติและประชาชน.
ลม เปลี่ยนทิศ
=================================================
อ่านกันเล่นๆ เป็นอีกมุมมองหนึ่ง รับหรือไม่รับก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละท่าน
ส่วนผมมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว 