ฝากให้คุณ Point Blank และทุกๆท่านครับ...
อานิสงค์ของการไถ่ชีวิตโคกระบือ ได้มีการบันทึกหรือเล่าต่อกันมาในคัมภีร์พระพุทธศาสนา
ในเรื่องของสามเณร ซึ่งเป็นศิษย์ในสำนักของพระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ซึ่งสามเณรท่านนี้ได้รับการพยากรณ์จากพระสารีบุตรว่า " ชะตาถึงฆาต" จะต้องมรณภาพ ภายใน ๗ วันขอให้ปลงอายุสังขารเสีย พอสามเณรได้ฟังดังนั้น ในฐานะนักปฎิบัติธรรม ท่านก็มิได้สะทกสะท้าน หรืออาลัยในชีวิตแต่อย่างใด ไหน ๆ ก็จะละสังขารแล้ว ก็ใคร่จะขออำลาพระอาจารย์ไปโปรดโยมบิดา มารดาสัก ๓ วัน เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็ออกเดินทาง กะว่าจะใช้เวลาไปกลับให้ทันก่อนกำหนด เพื่อฟังธรรมจากพระสารีบุตรเป็นครั้งสุดท้าย ในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากในช่วงเวลานั้นเป็นหน้าแล้ง น้ำในลำธาร ห้วยหนอง เหือดแห้ง สามเณรได้เห็นปลาน้อย จำนวนหนึ่ง ดิ้นกระแด่ว ๆ ใกล้จะถึงเวลาตายอยู่ในบ่อน้ำที่กำลังแห้งเหือด ด้วยจิตที่เป็นเมตตา ท่านได้นำจีวรช้อนตักปลาฝูงนั้น ไปปล่อยในแม่น้ำสายใหญ่ แล้วจึงเดินทางต่อไป หลังจากโปรดโยมบิดามารดาและเดินทางกลับมายังสำนักแล้ว
พอครบกำหนดตามที่พระสารีบุตรพยากรณ์เอาไว้ ก็เข้าไปกราบลาเพื่อขอฟังธรรมก่อนละสังขาร แต่พระสารีบุตรกลับไม่แสดงธรรมโปรด และได้กล่าวกับสามเณรว่า "กรรมดีที่เณรได้ช่วยชีวิตฝูงปลา ซึ่งบังเอิญเป็นเจ้ากรรมของเณรแต่อดีตชาติ ประกอบกับบุญกุศลที่เณรได้ทำไว้ด้วยการถือเพศบรรพชิตในปัจจุบัน ทำให้เจ้ากรรมนายเวรเกิดความปีติ ทั้งสองฝ่ายได้ยินยอมให้กรรมหนักถึงตายของเณรหลุดพ้น ด้วยการ "อโหสิกรรม" ต่อกัน
เณรได้พ้นกรรมบัดนี้แล้ว" จากเรื่องดังกล่าว จึงทำให้มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการปล่อยนก ปล่อยปลา หรือให้ทานชีวิตสัตว์อื่น ๆ เช่น ไถ่ชีวิตโคกระบือ ฯลฯ ในพุทธศาสนาแต่นั้นมา ดังนั้นการแก้กรรมเมื่อชะตาถึงฆาต โหราจารย์ก็จะแนะนำให้แก้กรรมด้วยการให้ทานชีวิตสัตว์เป็นดีที่สุด