อันดับที่จัดใช้แฟ็คเตอร์หลายอย่างครับ...อันหนึ่งที่จําได้คือจํานวนผลิต...
T-34ใช้การผลิตแบบง่ายๆ เทคโนโลยี่พื้นๆ เน้นทนทาน บํารุงรักษาง่าย...
ขณะที่ไทเก้อร์ใช้เทคโนโลยี่ที่ทันสมัย(ในตอนนั้น)...ผลิตยาก ต้องการการบํารุงรักษาที่ดี..
รัสเซียใช้จํานวนเป็นหลัก...ประเภทดาหน้าเข้าไปเลย ที่โดนยิงก็โดนไป ยิงจนเหนื่อยก็ยังเหลืออีกเยอะ...
ทหารรัสเซียเลยตายเยอะที่สุด...
สตาลินเคยบอกไว้ว่า "ปริมาณบางครั้งก็บอกถึงคุณภาพ" ครับ...

ขอเสริมหน่อยนะครับ คือก่อนหน้านี้ผมก็เคยคิดว่า Tiger เป็นรถถังที่ดีที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่จริงๆมีนักประวัติศาสตร์ทางการทหาร ส่วนไหญ่เค้ายกไห้ T34 ครับ เพราะเค้าไห้ความเห็นว่า จุดประสงค์หลักของรถถังคือไช้ ในสงคราม และ T34 เป็นรถถังที่ประสบความสำเร็จในสงครามมากที่สุด ผมเลยไปค้นหาข้อมูลเพิ่มจากวิกิ ตอนหลังก็เห็นด้วยกับนักประวัติศาสตร์ครับ
สาเหตุที่เค้ายกไห้ T34 เป็นสุดยอดรถถังตลอดการ
1 ความเร็ว มันเป็นรถถังที่เร็วที่สุดรุ่นนึงในสงครามโลกครั้งที่ 2 (53 กม/ชม) ทำไห้มันโจมตีและโยกย้ายเข้าไปโจมตีจุดต่อไปอย่างรวดเร็ว และฝ่ายป้องกันยากจะตามทัน เวลาหนีมันก็หนีไวจนตามไม่ทัน ภายหลังเยอรมันสร้าง และพัฒนา Panther รุ่น G ที่มีความเร็วเทียบเท่า T34 แต่ก็มาช้าและมาน้อยเกินไป
2 ความสามารถในการเคลื่อนที่นอกถนน มันมีหน้าราง(ล้อรถถังเค้าเรียกรางรึเปล่าครับ) ที่กว้างกว่า ทำไห้รางรถถังจมในพื้นน้อยกว่าในกรณีที่ต้องเครื่อนที่ในพื้นที่ๆอ่อนนุ่ม เช่นดิน โคลน พื้นหิมะ พวกโซเวียตนิยมโจมตีหลังฝนตกหรือตอนที่พื้นปกคลุมด้วยหิมะ ทำไห้กองกำลังโซเวียตเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัวมากกว่า
3 ระยะทำการ 400 km ซึ่งไกลกว่าฝ่ายเยอรมันมาก (ระยะทำการ 400 km ไม่ได้หมายความว่าบุกได้ลึก 400 km นะครับ เพราะเวลาบุกมักไม่ได้บุกเป็นเส้นตรงแต่ต้องโยกกำลังไปโจมตีศัตรูตามจุดต่างๆ) พอที่จะบุกแบบสายฟ้าฟาดได้ไกล และยังมีน้ำมันเผื่อไว้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็จะถอยได้ทันที ส่วนฝ่ายเยอรมัน มีระยะทำการพอสำหรับการบุก แต่มักจะไม่พอสำหรับการถอย หลายครั้งที่พวกโซเวียตปล่อยไห้เยอรมันบุกลึกเข้ามาจนน้ำมันพร่องแล้วรวมกำลังตีโต้ พวกเยอรมันจะหนีได้ไม่ทันเพราะขาดน้ำมัน
4 การป้องกัน มันเป็นรถถังที่มีการป้องกันที่ดีมากเพราะมันมีเกราะลาดทำไห้กระสุนแฉลบออกไป นอกจากนั้นมันยังออกแบบเกราะไห้เหมาะกับการรบ โดยไห้ส่วนที่มักจะถูกโดนโจมตีมากที่สุดมีเกราะหนาที่สุด (ด้านหน้า) ส่วนด้านข้างกะด้านหลัง พอจะกันปืนต่อต้านรถถังบางประเภทได้ ภายหลัง เยอรมันทำเกราะ Panther โดยใช้หลักการเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีวิธีแก้ปัญหา แบบรัสเซียที่คนทั่วโลกเค้าไม่ทำกัน โดยออกแบบรถถังไห้เตี้ยมาก จนกระทั่งต้องคัดแต่พลขับตัวเล็กๆเท่านั้น ทำไห้รถพื้นที่ผิวหน้าลง ลด ปริมาตรรถถังลง และทำไห้ได้เกราะที่หนาขึ้นโดยไช้เนื้อเหล็กเท่าเดิม รวมกับเกราะลาดที่มีมุมลาดมากกว่า
5 ความเสถียร มันวิ่งได้ทั้งในฤดูหนาวที่หนาวเย็นที่สุดในรัสเซีย ขณะที่รถถังขงฝ่ายอื่นๆมีปัญหาจากน้ำแข็ง
6 สำคัญที่สุด คือการที่มันมีต้นทุนที่ถูก และผลิตได้ง่าย มันไช้เหล็กหล่อแบบง่ายๆ ขณะที่ฝ่ายเยอรมันและอเมริกันไช้เหล็กผสมแบบซ้อน ซึ่งไห้การป้องกันต่อน้ำหนักที่ดีกว่า แต่ต้องไช้กำลังคนและเวลาการผลิตนานกว่ามาก เครื่องจักรก็ออกแบบไห้ผลิตได้ง่าย ส่วนฝ่ายเยอรมันมีกำลังต่อน้ำหนักที่ดีกว่า แต่ผลิตได้ยากและไช้กำลังคนมากกว่าในการผลิต รวมๆแล้ว รัสเซียผลิตรถถังได้มากกว่าเยอรมันสองเท่าทั้งๆที่คนงานชาวรัสเซียมีน้อยกว่าเยอรมันถึงเท่าตัว(ดูจากวิกินะครับ จริงๆเยอรมันมีคนงานเยอะเพราะ การบังคับใช้แรงงานในค่ายกักกันทั่วยุโรป) มีทรัพยากรเหล็กและถ่านหินมากกว่า จีดีพี ของเยอรมันประเทศเดียวก็มากกว่ารัสเซีย และตอนที่เยอรมันบุกเยอรมันครองยุโรปได้ และได้รับทรัพยากรและเงินทุนจากประเทศใต้ปกครองเป็นจำนวนมหาศาล แต่ก็ยังมีการผลิตที่น้อยกว่า รถถังเยอรมันจริงๆ ตัวๆมีคุณภาพดีกว่า แต่ก็ไม่มาก ผมประมาณคร่าวๆว่ารถถังเยอรมัน 2 คันมีกำลังรบเท่ากับ รถถังโซเวียต 3 คัน (ดูจากเคิร์กที่ฝ่ายโซเวียตตีโต้ยึดคองยูเครนไปได้ครึ่งประเทศจากสัดส่วนรถถังที่ได้เปรียบ 3 ต่อ 2) สรุปก็คือมันมีกำลังรบต่อต้นทุนที่ดีที่สุด
จุดอ่อน
1 มันแพ้ในการดวลรถถัง มันเป็นจ้าวในช่วงต้นๆที่มันออกมาเท่านั้น หลังจากนั้นเยอรมันมักจะพัฒนารถถังจนล้ำหน้ากว่าเสมอ
2 พิสัยการยิง รถถัง Tiger มีปืน 88 mm ที่ยิงได้ 2 กม ใสเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและมันทำลายได้ทุกอย่าง ส่วนของโซเวียตจะยิงได้แม่นประมาณ 1กม เท่านั้น ถ้ายิงไกลกว่านั้น จะเป็นการยิงเข้าไปในพื้นที่ ต้องยิงมากๆและหวังไห้ลูกนึงโดนเป้าหมาย T34/76 ยิง Tiger ได้จากด้านข้างในระยะ 500 ม ลงมา ส่วน T34/85 สามารถยิง Tiger จาด้านหน้าได้ในระยะ 500 ม แต่ยิงTiger จากข้างๆได้ในระยะ 1000 ม
การไช้จริง จริงๆรถถังที่ชนะในการดวลไม่ไช่รถถังที่ดีที่สุด เพราะการดวลรถถังเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะฝ่ายโซเวียตจะไม่ยอมดวลด้วย รูปแบบการไช้รถถังและการต่อต้านรถถังก็คือ
เวลาที่เยอรมันไช้กองพลรถถังบุกเข้ามาก กองกำลังโซเวียตจะสังไห้รถถังแยกออกไปซ้ายและขวาและใช้ทหารราบในหลุมเพาะ และปืนต่อสู้รถถังเข้าสกัด รวมกับ เครื่องบินโจมตีภาคพื้น IL2 ส่วนรถถังจะอ้อมนอกระยะสายตาเข้าโจมตีแนวหลังของข้าศึก เมื่อเสี่ยงต่อการถูกล้อมตัดกำลังบำรุง ฝ่ายเยอรมันก็จะจำเป็นต้องถอย (เช่นในปฎิบัติการพายุฤดูหนาว ที่อิริควอนแมนเสตนยกทัพฝ่าพายุหิมะเข้ามาช่วยกองกำลังแพนเซอร์ที่ 6 ที่ถูกล้อมในสตาลินกราด แทนที่จะส่งรถถังไปป้องกันตรงๆซูคอฟสั่งโจมตีกองกำลังอิตตาลีที่แนวหลัง ส่วนการป้องกันไช้ มารินอฟสกี้ยกทัพไปยันตรงแม่น้ำเมื่อเสี่ยงกับการถูกโอบล้อม แมนสเตนสั่งถอยทัพ)
การโจมตี แบ่งออกเป็นสี่ขั้น
ขั้นแรกโจมตีฉาบฉวยโดยนักรบจรยุทธ เข้าวางระเบิดทางรถไฟ ฝังกับระเบิดที่ถนน ตัดสายโทรศัพท์ ไส่แนวป้องกันส่วนหน้า รบกวนการเครื่อนที่และการส่งกำลังเสริม โดยจะจมตีเป็นวงกว้ามมาก ทำไห้ไม่รู้ว่าจะโจมตีจริงที่จุดไหน
ขั้นที่สอง โดยไช้ปืนไหญ่เป้นหลัก เริ่มจากปืนไหญ่ระยะไกล แล้วตามด้วยปืนไหญ่ระยะกลาง
ขั้นที่สาม ส่งกองพลรถถังเข้าโจมตี โดยจะรวมกำลังไห้เข้มแข็ง และโจมตีเป็นจุดๆโดยทะลวงเป็นแนวที่แคบมากมีการโจมตีหลอก และกองกำลังหลอก ด้วยการทำอย่างนี้ทำไห้มีรถถังเป็นจำนวนที่มากกว่า ณ จุดเข้าตี เพราะ ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ว่าจะถูกโจมตีตรงจุดไหน ก็จะกระจายกำลังป้องกัน ส่วนฝ่ายโจมตีจะรวมกองกำลังรถถังจำนวนมากเข้าจุดโจมตีหลักจุดเดียว (ปกติแนวป้องกันจะถูกเสริมอย่างแน่นหนาบริเวณส่วนหน้าในพื้นที่ที่ติดกับข้าศึกเท่านั้น ส่วนในๆ หลังจากทะลวงแนวป้องกันไปแล้วจะมีการป้องกันน้อยมาก )ขั้นนี้ การต่อสู้จึงมักเป็นการต่อสู้ระหว่างรถถังน้อยมาก บทบาทของรถถังเป็นการ ทำลายบังเกอร์ และช่วยทหารราบทำลายสนามเพาะเป็นหลัก
ขั้นที่สี่ทะลวง หลังจากทำลายแนวป้องกันหลักได้แล้ว ก็เหลือแต่แนวป้องกันชั้นในๆที่ปกติจะได้รับการป้องกันแค่เล็กน้อยส่งกองพลรถถังเป็นหัวหอกในการโจมตี ไห้ทหารราบปีนไปบนรถถัง และไช้ความเร็วที่เหนือกว่าเข้าโจมตี และตามมาด้วยหน่วยปืนไหญ่และหน่วยทหารราบ โดยหน่วยหลังจะทำการขุดหลุมเพาะด้วยปืนไหญ่ แล้วเอาทหารราบเข้าไปสร้างแนวป้องกัน ส่วนรถถังจะเข้าไปโอบล้อมกองกำลังของฝ่ายตรงข้าม พอโอบล้อมเสร็จก็จะไช้ ทหารราบ กับปืนต่อสู้รถถังป้องกันการตีโต้ หลังจากนั้นก็ขยายวงล้อมชั้นนอก เป็นแนวป้องกันสองชั้น
ถึงแม้ว่าจะเสียเปรียบด้านระยะการ โจมตีโดยการโจมตีจะเลือกเวลาและเลือกสถานที่ๆเป็นประโยชน์กับตน ฝ่ายโซเวียตสามารถลดความเสียเปรียบได้ โดยเลือกเครื่อนที่ตอนกลางคืน โจมตีตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันจะซ่อนกองทัพทั้งทัพไว้ใต้หิมะ ในป่า หรือ หลังเนิน เลือกโจมตีเวลาหมอกลง ฝนตก หิมะตก บุกท่ามกลางพายุหิมะ ฝ่ายเยอรมันมักจะเห็นฝ่ายโซเวียตจากระยะที่ไกล้ การต่อสู้จึงมักเกิดในระยะไกล้กว่า 1km เครื่อนที่ทั้งนอกถนนและในถนน ตรวจจับได้ยากทำไห้เยอรมันมักจะต้องป้องกันการโจมตีอย่างฉุกละหุก และบทบาทหลักของรถถังก็คือสนับสนุนทหารราบในการทะลวงแนวป้องกันไม่ไช่การดวลรถถัง
การทำอย่างนี้จะสามารถชนะการรบได้โดยไม่ต้องอาสัยการดวลรถถังที่เสียเปรียบ หรือถ้าเกิดการดวล โซเวียตจะเป็นต่อด้านจำนวนอย่างมาก
จะเห็นได้ว่าถ้าเลือกเวลา เลือกสถานที่รบไห้ถูก T34 ก็จะเป็นสุดยอดรถถังทีเดียว มันถูกสร้างขึ้นมาไช้ป้องกันมอสโคว ตีโต้ที่มอสโคว โอบล้อมกองกำลังแพนเซอร์ที่ 6 สตาลินกราด ตีโต้ปฎิบัติการ little sattern ป้องกัน เคิร์ก ตีโต้ที่เคิร์ก บุกข้ามแพนเทอร์วอฟเฟนไลน์ โจมตีโอบล้อมกองกำลังภาคกลางของเยอรมันในปฎิบัติการบาเกรชั่น ล้อมกองกำลังผสมเยอรมันโรมาเนียในการบุกยึดโรมาเนีย โจมตีข้ามแม่น้ำออเดอร์ ยึดเบอร์ลิน นับตั้งแต่มันปรากฎตัวขึ้นมา มันชนะมากกว่าแพ้มาก เวลาที่มันชนะ มันมักจะโอบล้อมกองกำลังศัตรูไว้ได้ยึดพื้นที่ไว้ได้ ส่วนเวลาแพ้ มันมักจะไช้ความเร็ว และระยะทำการที่ไกลสามารถหนีได้ก่อนที่จะถูกโอบล้อม ถึงแม้ว่ามันมักจะถูกทำลายด้วยอัตราส่วนที่มากกว่า แต่การที่รถถังถูกทำลาย ส่วนไหญ่แล้วมักจะเป็นการถูกทำไห้หยุดการเครื่อนที่เฉยๆ ไม่ได้ถูกทำลายดยสิ้นเชิง เมื่อฝ่ายโซเวียตมักจะยึดสนามรบไว้ได้(หลังจาก T34 ปรากฎ) ก็จะยึดรถถังของเยอรมัน รวมกับรถถังของตน ที่เสียหายเล็กน้อยนำมาซ่อมไช้ไหม่ได้ และยึดได้ปืนไหญ่อุปกรณ์ และเครื่องกระสุนต่างๆที่เยอรมันมักจะขนหนีไม่ทัน
ถ้าจะไห้สรุปสั้นๆก็คือ T34 เป็นสุดยอด ก็เพราะผู้ไช้มัน ไช้ปริมาณเอาชนะคุณภาพ ไช้ความเร็วเอาชนะกำลัง