เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กรกฎาคม 01, 2025, 07:40:29 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9 10 ... 20
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วยเปรียบเทียบปืน เอ็ม16 กับ เอชเค 33 กับ อาก้า หน่อยครับ  (อ่าน 103169 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
at75
Hero Member
*****

คะแนน 99
ออฟไลน์

กระทู้: 3511



« ตอบ #90 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2007, 01:07:31 AM »

ไม่ไกลครับขับรถแค่ 14 ชม.เองครับ อิอิ
คร๊าบบ....ไม่ไกลครับ  Grin Grin Grin และต้องขอบคุณครับสำหรับเพลง ถูกใจมากๆครับ.
ครับผม  รำลึกความหลังครับ

พี่ท่านทั้ง2คนอาวุโสทั้งคู่ จริงๆ ครับดูแค่เพลงที่ฟังก้พอจะทราบ คิก คิก คิก คิก คิก คิก แบบผมเกิดไม่ทันเพราะผมยังเด็กอยู่ครับ อิอิอิ น้ำลายหก
บันทึกการเข้า
USP40
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #91 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2007, 03:34:11 AM »

ไม่ไกลครับขับรถแค่ 14 ชม.เองครับ อิอิ
คร๊าบบ....ไม่ไกลครับ  Grin Grin Grin และต้องขอบคุณครับสำหรับเพลง ถูกใจมากๆครับ.
ครับผม  รำลึกความหลังครับ

พี่ท่านทั้ง2คนอาวุโสทั้งคู่ จริงๆ ครับดูแค่เพลงที่ฟังก้พอจะทราบ คิก คิก คิก คิก คิก คิก แบบผมเกิดไม่ทันเพราะผมยังเด็กอยู่ครับ อิอิอิ น้ำลายหก
ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย 
บันทึกการเข้า
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #92 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2007, 12:17:28 PM »

ไม่ไกลครับขับรถแค่ 14 ชม.เองครับ อิอิ
คร๊าบบ....ไม่ไกลครับ  Grin Grin Grin และต้องขอบคุณครับสำหรับเพลง ถูกใจมากๆครับ.
ครับผม  รำลึกความหลังครับ

พี่ท่านทั้ง2คนอาวุโสทั้งคู่ จริงๆ ครับดูแค่เพลงที่ฟังก้พอจะทราบ คิก คิก คิก คิก คิก คิก แบบผมเกิดไม่ทันเพราะผมยังเด็กอยู่ครับ อิอิอิ น้ำลายหก
ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย 
ขอด้วยคนครับ ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3452


« ตอบ #93 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2007, 06:50:24 PM »

อิ อิ รอคืนที่ 29 ครับ
ฮาล....เล่...ลันล้า...ลั่นล้า...ลาล่า ลันลา.....(ออกแขกครับ  ออกแขก )  ......อย่างง
วันนี้ ฝนฟ้าครึ้ม ในเดือน ธันวาคม ส่งท้ายปีเก่า เต่า  บางเขน เตรียมรับสายฟ้า จากสวรรค์
ทีนี้ มาต่อกันเรื่องกลไกปืนอันดับต่อไป
- หัวข้อเรื่อง สถานที่อยู่ของสปริงโยนลำเลื่อน มีผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบของปืนอย่างไร
ตอบ.....ในเรื่องการดัดแปลงเพื่อเพิ่มสมรถนะปืนขอรับ
เอชเค  และ อาก้า มีแนวคิดเหมือนๆ กัน ในเรื่องการวางตำแหน่งสปริงโยนลำเลื่อนคือ เอาสปริงโยนลำวางตำแหน่งไว้เหนือแนวลำกล้องปืน คือว่า ตัวลูกเลื่อนจะแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นบน เป็นส่วนเกี่ยวข้องกับสปริงโยนลำ ชั้นล่างทำหน้าที่เป็นหน้าลูกเลื่อน เข็มแทง ขอรั้งปลอกกระสุน
นอกจากนั้น แนวคิด ก็ยังคล้ายๆกันอีกคือ มีไกด์รอดท์ เหมือนกัน หน้าตาของไกด์รอดท์ ของเอชเค กับอาก้า มันต่างกันเท่านั้นเอง แต่แนวคิดเดียวกัน
สรุป การออกแบบแนวนี้ มีประโยชน์คือ  สามารถดัดแปลงปืนให้สั้น และยาวได้ โดยสายการผลิตหลักเหมือนเดิมคือ
การทำโครงปืน ก็ทำเหมือนเดิม 
เอชเค  ก็ทำโครงปืนเหมือนเดิม ถ้าอยากใส่พานท้ายแบบยาว ก็ใส่ได้ โครงปืนเดิม ไม่ต้องดัดแปลง การผลิตโครงปืนแต่อย่างใด   ถ้าอยากทำให้สั้นจุ๊ด จู๋  ก็แค่ กดสลักยึดพานท้ายออก ยกพานท้ายแอสเซสเซอร์รี่ แบบยืด หด มาใส่แทน  ก็จะทำให้เอชเค ขนาด .223 หรือ 5.56 นั้น สั้นลงไปถนัดตา สามารถพกพาไปใช้ตามภารกิจที่ต้องการได้เช่น พกซุกซ่อนแบบพร้อมใช้งาน (ไม่ใช่ถอดเป็นชิ้นๆ)

อาก้าก็เช่นกัน    เมื่อทำสปริงโยนลำ ลักษณะเดียวกับเอชเคแล้ว (ใครมาก่อนมาหลังไม่รู้นะ พูดเรื่องหลักการแล้วกัน)
อาก้า ก็ทำแค่โครงปืนที่เหมือนเดิม คือเอาเหล็กมาห่อสองชั้นเป็นโครงปืน ส่วนท้าย  จะเอาไงดี
ถ้าต้องการแบบยาว ก็ใส่พานท้ายไม้ สีสวยถูกใจ แบบถาวรมาเลย ย้ำหมุดเหล็กมาเลย
ถ้าต้องการแบบสั้น สะดวก ก็ปิดโครงปืนด้านหลังด้วย แผ่นเเหล็ก ย้ำหมุดถาวรไปเลย จากนั้น เจาะโครงปืนส่วนท้ายสุด ในแนวขวาง  แล้วเอาชุดพานท้ายพับได้ เข้าทำการติดตั้ง  จุดพานท้ายเหล็กนี้ เต่า บางเขน นั่งปล้ำอยู่หลายชั่วโมง เหงื่อหยดเป็นขันๆ เลย กลัวถอดแล้วเสีย(ไม่มีครูสอน คลำเอาเอง )  พอถอดได้ ก็ทำตำราไว้เสียหน่อย จะได้ไม่ลืมอีกต่อไป

สรุปก็คือ อาก้า ก็สามารถดัดแปลงให้สั้นให้ยาวได้   เช่นกัน แต่ในแง่ของความสะดวกในการดัดแปลงในภาคสนามแล้ว  อาก้า ก็แพ้เอชเค อยู่ดีในส่วนนี้ เพราะเอชเค สามารถดัดแปลงได้โดยแค่ เปลี่ยนอุปกรณ์ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที
(นานมากแล้วนะเนี่ยะ คนเก่งๆ นะใช้เวลาไม่ถึง 1-2 นาทีก็เสร็จแล้ว)
แต่อาก้า จะสั้น จะยาว ต้องมาจากโรงงานเลย เสียเวลาก็แต่เอามาตัดพานท้ายเองเท่านั้นแหละ (ตัดพานท้ายก็ยังนานกว่าเอชเคนั่นแหละ คงเลื่อยอยู่นาน)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 29, 2007, 06:54:23 PM โดย tao bangkhaen » บันทึกการเข้า
KENG 92FS
"คาวบอยแม่โจ้"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 66
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1999



« ตอบ #94 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2007, 06:54:11 PM »

ผมยิง HK33 ได้เหรียญแม่นปืนอันดับหนึ่งกรมการรักษาดินแดน สมัยเรียน ร.ด.
แต่ยิง M16 ตอนสอบเลื่อนยศชั้น ผบ.มว.  กลับกระจายไปหมด  เล็งเผื่อไป เผื่อมา ไม่เข้าดำเลย เสียฟอร์มมากๆ เพราะไม่ได้ปรับศูนย์หลัง

สรุปว่า ปืนดี  แต่อยู่ที่คนยิง   Tongue Tongue 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 29, 2007, 06:56:41 PM โดย keng_maejo(เก่ง แม่โจ้) » บันทึกการเข้า

NRA.#98 / SPD.#11 / 105UNIT#2
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3452


« ตอบ #95 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2007, 07:13:59 PM »

ขอต่อหัวข้อเดิมว่า  หัวข้อเรื่อง สถานที่อยู่ของสปริงโยนลำเลื่อน มีผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบของปืนอย่างไร
ทีนี้ มาดูพระเอก เจ้า เอ็ม 16  ไม่ว่าจะเอ 1  เอ2   หรือกี่เอ  หรือ บริษัท คู่แข่งต่างๆ เอาไปทำเลียนแบบ หรือปรับปรุงอย่างไรก็ตามแต่
การวางตำแหน่งของสปริงโยนลำเลื่อนปืน เอ็ม 16 นั้น วางสปริงในแนวเดียวกับ ลูกเลื่อนเลยทีเดียว กล่าวคือ
ผลิตลูกเลื่อน เป็นตัวเดียว เป็นทรงกระบอก ทั้งแท่ง ดังนั้น การวางตำแหน่งสปริงโยนลำ คือต้องจำเป็นอยู่เอง
ที่จะต้องอยู่ในแนวเดียวกับ ลำกล้อง หน้าลูกเลื่อน
การออกแบบการวางตำแหน่งสปริง แนวนี้ น่าจะมาจากแนวคิดในการลดแรงสะบัด เงยของปากกระบอกปืน
ก็น่าจะจริงอยู่ เพราะเห็นมีคนเขาว่า เอ็ม16 ยิงแล้วนุ่มกว่า เอชเค และอาก้า( เรื่องนุ่มนี้ ขอแค่ประเด็นแนวคิด การวางแนวสปริงโยนลำนะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องแก็ส หรือไม่แก็ส ค่อยว่ากัน)

แน่นอน เมื่อออกแบบการวางสปริงโยนลำเลื่อนไว้ในตำแหน่ง ตรงกัน เป็นแนวเดียวกัน ก็จำเป็นอยู่เอง   ที่สปริงโยนลำ จะต้องขยายพื้นที่เข้าไปในพานท้ายปืน ซึ่งอยู่ด้านหน้าลูกเลื่อน   ปัญหาก็เกิดขึ้น ตามประเด็นนี้คือ

การจะดัดแปลงเพื่อให้สั้นลงที่สุด เพื่อภารกิจที่หลากหลายนั้น เอ็ม 16 ถูกจำกัด ด้วยท่อสปริงโยนลำนี่แหละ
มีความพยายาม ทำให้ส่วนพานท้ายนี้ สั้นลงที่สุด เท่าที่จะทำได้ แล้ว คิดกันแทบตาย ก็ได้แค่ตัวชักเข้า ชักออก
(พานท้ายยืดหด ของเอ็ม 16)  ก็มีการดัดแปลงมาแต่สมัยเวียตนามแล้ว   แต่ก็หดให้ถึงโคน ไม่ได้อยู่ดี
จุดนี้ จึงทำให้เอ็ม 16 เสียเปรียบ สมมุติว่า เราต้องการนำปืนสามกระบอกนี้ ไปในที่ใดที่หนึ่ง แบบกระชากออกจากซองแล้วใช้ได้เลย   แล้วกล่องเจ้ากรรมที่ใส่ มันดันมีขนาดสั้นๆ  หรือจุดซุกซ่อนในรถยนต์   มันมีที่จำกัน
แล้วถ้ามีปืนให้เลือก 3 กระบอก  เจ้าเอ็ม 16 ก็จะถูกตัดออกไปเป็นกระบอกแรก เพราะหดยังไง มันก็สั้นไม่เท่าเพื่อนอยู่ดี (อันนี้ พูดเรื่องพานท้ายนะครับ เรื่องลำกล้องไว้ว่ากันอีก)

ทีนี้ มาถึงการทดสอบภาคสนามแบบหฤโหด กันบ้าง
สมมุติว่า เอา ปืนสามกระบอกนี้ มาวางเรียงกัน   เอาพานท้ายปืนวางในระดับ เท่าๆ กัน จากนั้น เอารถถัง มาทับบริเวณพานท้ายปืนทั้งสามกระบอก ให้เข้าไปซักครึ่งหนึ่ง
 
ผมว่า เมื่อหยิบ เอชเค ขึ้นมายิง มันคงยังยิงได้ แน่นอน เพราะพานท้ายของเอชเค ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของปืน  เจ้า อาก้า ก็เช่นกัน พานท้ายไม้ล้วนๆ  ไม้หักไป ก็ยังหยิบขึ้นมายิงได้ แต่เจ้า เอ็ม 16 รูปหล่อนี่ซิ
ถ้ารถถังทับ เจ้าท่อ ที่ซ่อนอยู่ในพานท้ายจนบี้แบน ผมว่า มันคงจะยิงไม่ได้เป็นแน่แท้

ในเรื่องเทคนิค ความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องพานท้ายปืน ผมคิดว่า เอชเค มาที่หนึ่ง อาก้า มาที่สอง เอ็ม 16 มาที่สามครับ
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3452


« ตอบ #96 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2007, 09:53:49 PM »

ทีนี้ มาต่อกันเรื่องระบบ แก็ส......กันบ้าง แบบของใคร แบบไปไหน จะเจ๋งกว่ากัน (ในแง่คิดของผมนะ)
งานนี้ ต้องตัดเอชเคออกไป  เพราะเอชเค บ่ ใช้แก็ส เจ้าข้า ......เลยไม่ต้องมาสู้กับเขา
เอาเอ็ม 16 ก่อนแล้วกัน ใกล้ตัวกันดี
ว่ากันเรื่องระบบแก็สออเปอร์เรต นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า ลำกล้อง ต้องทะลุ มีแก็ส พุ่งออกมา แล้วมาบริหารลูกเลื่อนให้ถอยหลัง เพื่อสลัดปลอกกระสุนที่ยิงแล้วออกไป   ส่วนการวิ่งกลับมาบรรจุ เป็นหน้าที่ของสปริงโยนลำที่ถูกอัดจากการ
ถอยหลังของลูกเลื่อน
พอเข้าใจเรื่องแก็สพุ่งออกมา บริหารลูกเลื่อนแล้ว ทีนี้มาดูคนออกแบบเขาคิดกันบ้าง
เอ็ม 16  เมื่อเจาะลำกล้องเสร็จแล้ว ก็เอาศูนย์หน้าทั้งชุด มาครอบจุดที่เจาะรูไว้  จากนั้น จะมีหลอดกาแฟ ...เอ้ย...
ไม่ใช่ .....หลอดท่อแก็สเล็กขนาดหลอดกาแฟ ต่อออกมาจากชุดศูนย์หน้า    วิ่งลอดกระโจมมือ เข้ามาหาตัวโครงปืน  เห็นจะได้ว่า ท่อแก๊ส เป็นตัวนำแก๊ส วิ่งเข้ามาหาลูกเลื่อน ที่นอนรอแก๊ส อยู่โครงปืน เมื่อแก๊ส เข้ามาถึง ก็พ่นฟู่ ออกมาเต็มที่ โดนลูกเลื่อน เจ้าลูกเลื่อนก็ถอยหลังออกไป ทำหน้าที่สลัดปลอก


ทีนี้ มาดูเจ้า อาก้ากันบ้าง อาก้า ก็เจาะลำกล้องด้านหน้า และอยู่ด้านบนเหมือนกัน  แต่อาก้า ทำศูนย์หน้าอยู่ที่ปลายปากกระบอก จะทำชุดศูนย์หน้าเป็นตัวครอบรูแก๊สเหมือน เอ็ม 16 คงจะยุ่งเอาการ มันคงยาวไปถึงปากกระบอกกระมัง
อย่ากระนั้นเลย (ใครทำก่อนทำหลัง ไม่รู้แหละ) อาก้า ก็เลยทำชุดครอบขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง มาครอบที่กลางลำกล้อง ตำแหน่งก็ประมาณ ประมาณ เอ็ม 16 นั้นแหละ แต่อาก้าคิดอีกอย่างหนึ่ง
เอ็ม 16 ออกแบบให้แก๊ส วิ่งมาหาลูกเลื่อนในโครงปืน แต่อาก้า กลับออกแบบให้ลูกเลื่อน มีลูกสูบ( หน้าตาคล้ายลูกสูบเครื่องยนต์เลย) เจ้าลูกสูบนี้ ถูกออกแบบให้มีขายาว  เชื่อมต่อกับลูกเลื่อน จากนั้น เจ้าลูกสูบก็เสนอหน้า ยื่นยาวไปรับรับแก๊ส ที่โผล่พ้นลำกล้องขึ้นมาเลย ตั้งแต่ตอนออกใหม่ๆ เลย   ตามที่ผมคิด คิดว่าระบบดังกล่าวของอาก้า น่าจะดีกว่า เอ็ม 16 ดังนี้ คือ
1.เรื่องกำลังแก๊ส
2.เรื่องความสะอาด

1.เรื่องกำลังแก๊ส  เอ็ม 16 นั้น แก๊ส ต้องวิ่งตัวเปล่าๆ มาเลย ระยะทางการวิ่งประมาณ 1 ฟุต เห็นจะได้จากรูที่โผล่ขึ้นมา และวิ่งมาตามหลอดเล็กๆ แล้วมาบานขยายในโครงปืน ระยะทางที่วิ่งเปล่าๆ มา ผมรู้สึก วังเวงแทนเจ้าแก๊สเหลือเกิน ไม่รู้กำลังมันจะตกหรือเปล่า  (แต่จริงๆ ก็เห็นยิงกันกระจายอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ผมคิดไปเอง)

แต่ที่แน่ๆ อาก้า มีแบบให้ลูกเลื่อน ยื่นแขนยาวๆ ที่มีหัวเป็นลูกสูบ ไปรับแก๊ส ตั้งแต่ตอนมันพุ่งขึ้นมาเลย ซึ่งระยะจากรูลำกล้อง ถึงท่อกระบอกสูบ ก็แค่ประมาณ 2 นิ้ว เห็นจะได้  ผมรู้สึกอุ่นใจกว่าว่า แก๊ส มันได้ทำหน้าที่ของมันเต็มเม็ดเต็มหน่วย เมื่อปลายก้านลูกเลื่อนที่เป็นลูกสูบรับแก๊ส เข้าเต็มหน้า มันก็ส่งกำลังผ่านก้านของมันมายังลูกเลื่อน ซึ่งเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกัน น่าจะทำให้ปฏิบัติการสลัดปลอก ได้รับแก๊ส อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยนั่นเอง

ทีนี้ มาเรื่อง 2. เรื่องความสะอาด กันบ้าง กระสุนเมื่อทำการเผาไหม้ในการจุดระเบิด ย่อมจะมีส่วนเหลือที่จุดระเบิดไม่สมบูรณ์บ้าง ไม่มากก็น้อย
เอ็ม 16 จำกัดแก๊ส ทั้งหมดให้วิ่งมาตามหลอดเล็กๆ แล้วมากระจายตัวเอง ในห้องลูกเลื่อน ซึ่งมีกลไกต่างๆ อีกหลายอย่าง เช่น ชุดลั่นไกเอย......หรือ ในห้องลูกเลื่อนเองก็ตามแต่  เอ็ม 16 ไม่มีจุดระบายส่วนที่จุดระเบิดไม่หมดนี้เลย มันคงจะวิ่งมาสะสมอยู่ในโครงปืนเป็นแน่ เพราะผมพยายามหาทางออกให้มันแล้ว แต่หาไม่เจอแฮะ
แถมผมไม่ได้เป็นทหารอีกต่างหาก ก็เลยไม่รู้ว่า ไอ้ท่อแก๊ส ท่อกระจิ๋ว เนี่ยะ มันจะล้างยังไงดี เวลายิงไปเยอะๆ
( แบบว่าคนรักปืน เห็นส่วนไหน มีดินปืนแล้วไม่ได้เช็ดทำความสะอาดแล้ว มันเครียด)
เขาล้างยังไงละครับ หลังทำการยิง?Huh    จะล้างจากท้ายโครงปืนก็ไม่รู้ทำไง รูเล็กนิดเดียว จะเอาโซเน็กซ์ฉีด ก็กลัวเข้าไปเยิ้มอยู่ข้างใน เช็ดลำบาก  จะถอดลำกล้อง ยกออกมาล้าง  โอ๊ย....เรื่องใหญ่เชียว สรุป ไม่รู้ทำไง พี่ๆ ที่เป็น ทหารอาชีพ แนะนำหน่อย ก็จะเป็นความรู้แก่มวลชน

แต่พอมาดูฝั่งของอาก้า  เรื่องความสะอาดนั้นนะหรือ  โอ๊ย....หายห่วง  มีให้เลือกสองเวอร์ชั่น
ถ้าเวอร์ชั่นของรัสเซีย ....(เท่าที่เคยเห็นนะครับ) พอลูกสูบรับแก๊สจากการจุดระเบิด แล้วถอยมาซัก 1 เซนติเมตร โดยประมาณ จะมีรูรั่วให้แก๊สที่กระบอกสูบ  ระบายออก เพียง 2 รู เท่านั้น ไอ้รูรั่วนี่แหละ ทำให้แก๊ส ทำให้ส่วนเผาไหม้ ไม่สมบูรณ์บางส่วน หลุดออกไปด้วย ก็ทำให้ภายในตัวปืน สกปรก ช้าหน่อยแน่นอน  แต่ช่วงระยะประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วแก๊ส ชิงระบายออกก่อนของรัสเซีย นี้ จะดี หรือร้าย ไม่ทราบประการใดแน่

เพราะว่า พอลูกน้อง ท่านประธานเหมา เจ๋อ ตง รับมาผลิต ตามแนว คอมมิวนิตส์ พี่ใหญ่รัสเซีย ไหง ไม่ยอมเลียนแบบในจุดนี้ แสดง จีนแผ่นดินใหญ่ ต้องคิดอะไร ซักอย่างแน่นอน
จุดนี้ ของอาก้า ที่ผลิตจาก จีนแผ่นดินใหญ่ นั้น กระบอกสูบ จะไม่มีรู ตรงข้อต่อ ท่อก้านสูบเลย  แต่ระยะของรู จะถอยหลังออกมาจาก ระยะของรัสเซีย เยอะอยู่เหมือนกัน ประมาณ 2 เซนติเมตร เห็นจะได้   แสดงว่า ลูกสูบของอาก้าจีน
จะอม แก๊ส ไว้นานกว่าปืนรัสเซีย    เมื่ออมแก๊ส ในกระบอกสูบไว้  เมื่อหน้าลูกสูบถอยหลังมาถึงกลีบ (ผมเรียกกลีบ ไม่รู้เขาเรียกอะไร )  มันเหมือนกลีบ ที่ประคองหน้าลูกสูบอยู่   จีน จะเจาะรูตรงกลีบเรียง เป็นแนวยาว ประมาณ 4-5 รู จำ
ไม่ได้  ทั้งสองด้าน  องศา หน้าตาของรู คล้ายๆ การเจาะพอร์ท ตัว วีเท็นของปืนสั้นนั่นแหละ
ถ้าไม่ดีจริง จีนคงไม่แก้ไขตรงจุดนี้ ให้แตกต่างไปจากอาก้ารัสเซีย เป็นแน่  (ผมคิดเอานะ)
ดังนั้น ส่วนที่เผาไหม้ ไม่หมด ก็คงระบายออกตามรูเรียงๆ นี้ ได้พอสมควร

เอาละ ปืนอาก้า มันสลัด สิ่งสกปรก จากการเผาไหม้ ไม่หมด ไปด้วยตนเอง บ้างแล้ว ตานี้ ถึงทีเจ้าของปืนต้องลงมือทำความสะอาดเองบ้างแล้วแหละ

ก็สะดวกมากๆ เลย  แค่ถอดปืนปกติ  ลากใส้ลูกเลื่อนออกมาจาก ไอ้เจ้าโพรง ท่อ แก๊สเสียก่อน จากนั้น มองด้านขวาที่ฐานศูนย์หลัง จะเจอคันบังคับ จากนั้น ปรับให้มันเคลื่อนไป ในทิศทางตรงกันข้าม   แล้วท่านก็ยก เจ้าโพรงก้านลูกเลื่อน ออกจากตัวปืน ทีนี้ แหละ ท่านจะสามารถทำความสะอาด ได้อย่างถึงใส้พุงเลยทีเดียว   
ในโพรงก้านลูกสูบ ผมก็เอาเสื้อยืด มาตัดให้เป็นผ้าผืนย่อมๆ หน่อย   ใช้ตะเกียบนำ ให้ปลายผ้าไปโผล่ออกอีกด้านหนึ่ง จากนั้น ก็รูด ไป รูดมา  ลองส่องแดดดู  ฮิฮิ.....ใสปิ๊ง ........
ส่วนในท่อกระบอกสูบที่ติดอยู่กับลำกล้อง ก็เอาปลายผ้า หุ้มนิ้วก้อย เข้าไปชอนไช อย่างเมามัน เสร็จกิจแล้ว ดูที่ปลายผ้าที่ห่อปลายนิ้วก้อย อู้ฮู .....ดำปิ๊ดปี๋เลยแฮะ .....เช็ดต่อจนกว่าจะสะอาด .......

ผมก็เลยคิดว่า จุดนี้ เรื่องระบบแก๊สของคู่กัด สหายศึกสงครามสองกระบอกนี้ อาก้า น่าจะเจ๋งกว่า ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมาข้างต้น ขอรับ
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3452


« ตอบ #97 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2007, 10:31:49 PM »

จริงๆ แล้ว มีเรื่องอีกเพียบเลยแหละ ไอ้ เจ้า 3 สหายศึก เนี่ยะ ไม่รู้เขาคิดกันยังไง มันแตกต่างกันได้แบบไม่ซ้ำกันทั้ง 3 กระบอกเลยนะ ผมว่านะ Huh ทั้งๆ ที่ก็คิดเอามาประหัตประหารกันในสมรภูมิเดียวกันแท้ๆ แต่กลับออกแบบกันไปคนละอย่าง น่าสนใจดี วันนี้ ดึกแล้ว ที่สนามหลวง เทศกิจ มาไล่อับดุลแล้ว  อับดุล ขอเก็บเสื่อและกุมารทอง กลับบ้านนอนก่อนแล้วกัน  เอาเป็นว่าท่านใด  สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามาชม ชมแล้ว โยนเศษสตางค์ ให้อับดุล ซักบาท สองบาท เป็นกำลังใจให้อับดุล มาแสดงต่อ ก็จะเป็นพระคุณ....นะนายจ๋า
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3452


« ตอบ #98 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2007, 10:36:50 PM »

[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 29, 2007, 10:40:22 PM โดย tao bangkhaen » บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #99 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2007, 01:02:36 AM »

ขอบคุณครับพี่tao bangkhaen   หลงรัก
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3452


« ตอบ #100 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2007, 06:17:25 AM »

ขอบคุณครับพี่tao bangkhaen   หลงรัก
อีนี่.....ฉาน...ขอบคุณ  ...นายมากนะ...ที่โยนเหรียญบาท ให้แล้ว ....เดี๋ยวอุบดุล(เต่า) จะมาต่อให้อีก
พูดเล่นครับ(ตามฉายาที่เขาตั้งให้)
ไม่ทราบเข้าใจบ้างเปล่าขอรับ .... เสียดายครับ ผมลงรูปไม่เป็น ไม่งั้นจะเห็นภาพมากกว่านี้
กลไกปืน 3 สหายศึกนี้ น่าศึกษาครับ สนุกดี
บันทึกการเข้า
ART
ชีวิตคิดบวก แล้วจะ Happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 552
ออฟไลน์

กระทู้: 10810



« ตอบ #101 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2007, 06:26:47 AM »

 หลงรักขอบคุณ ครับที่ อธิบาย เปรียบเทียบได้เข้าใจเป็นภาษาชาวบ้านที่ เข้าใจง่ายๆๆนะครับ ติดตามอับดุลต่อนะครับ Grin
บันทึกการเข้า

tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3452


« ตอบ #102 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2007, 06:47:02 AM »

หลงรักขอบคุณ ครับที่ อธิบาย เปรียบเทียบได้เข้าใจเป็นภาษาชาวบ้านที่ เข้าใจง่ายๆๆนะครับ ติดตามอับดุลต่อนะครับ Grin
อับดุล...ขอบคุณนายจ๋า....ได้อีกบาทหนึ่งแล้ว....
กราบขอบพระคุณท่าน เอ อาร์ ที  ขอรับ
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3452


« ตอบ #103 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2007, 07:10:24 AM »

ทีนี้ มาดูเรื่องวัสดุ ในการทำปืนกันบ้างว่าเป็นอย่างไร ที่มา ที่ไป มันเป็นอย่างไร
เรื่องของการผลิตโครงปืน เรียงลำดับดังนี้
1.เอ็ม 16 ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา อเมริกัน มีการออกศึกไปทั่วโลก ตำแหน่ง ตำรวจโลก ถูกยกให้แก่ทหารอเมริกัน ไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะมีสงครามที่ไหน ขอพี่มะกัน แจมตลอด
แน่นอน ทหารก็ต้องคู่กับปืน เหมือน ผีกับโลงนั่นแหละ  ดังนั้น ทหารอเมริกันไปไหน ต้องพกอาวุธไปด้วยอยู่แล้ว( แต่ไม่ได้พกจิตใจความเป็นนักรบไปด้วย เพราะไม่ได้รบเพื่อแผ่นดินตัวเองเลย ไม่รู้ไปรบเพื่อผลประโยชน์ของใครก็ไม่รู้ เวลารบ เลยไม่ค่อยบ้าบิ่น ซักเท่าไหร่  เลยแพ้เป็นประจำ  )

ปืนเหล็ก แท้ โครงไม้ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารอเมริกัน คงบ่นว่าหนัก (หนักจริงๆ ) ดังนั้น กองทัพอเมริกัน
คงคำนึงถึงจุดนี้ ว่า ปืนเหล็ก อาจเป็นอุปสรรคในเรื่องน้ำหนัก.....อีกทั้ง หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อเมริกัน เริ่มมาทำสงครามในภาคพื้น แถวบ้านเรานี่แหละ  หลักๆ เลยตอนแรกก็เกาหลี (ตอนนั้น ยังเห็นเป็นปืนคาร์บิน เป็นส่วนใหญ่)
จะใช้ เอ็ม วัน เหมือนเดิม ก็หนัก  จะใช้คาร์บิน เบาลงหน่อย แต่ก็ไม่พอใจ
- การคัดเลือกกระสุน
ในช่วงนั้น ในอเมริกา ก็มีการคิดเอากระสุน .223 เรมิงตัน (กระสุนหน้าตาเหมือน กระสุนเอ็ม 16 ทุกวันนี้แหละ) เห็นเขาว่าเป็นกระสุนล่าสัตว์ ประเภท วาร์มิน ( ไม่รู้แปลว่าอะไร เห็นเลาๆ ว่า แปลว่าพวกกีฬายิงสัตว์ประเภทกวาง ในทุ่งกว้างๆ)   เอามาพัฒนาเป็นกระสุนทำการสงคราม  กระสุน 5.56 สำหรับ เอ็ม 16 ก็บังเกิดขึ้น
- การคัดเลือกวัสดุ
ก็ปืนเก่าช่วงสงครามโลกตัวปืนมันหนัก เพราะเป็นเหล็ก   ส่วนประกอบที่เป็นไม้ ก็ไม่ทันสมัย
จึงคิดเอาอะลูมิเนียม มาทำโครงปืนในส่วนที่ไม่ต้องรับแรงระเบิด หรือส่วนที่แข็งแรง
จึงคิดเอาไฟเบอร์ หรือโพลิเมอร์ มาทำส่วนประกอบของปืน แทนไม้ เช่น พานท้าย รองลำกล้อง ด้ามจับ(กริ๊ป)

เอ็ม 16 จึงกำเนิดขึ้นภายใต้แนวคิดนี้แหละ   คือ เบา   ดูแลรักษาง่าย ไม่เป็นสนิม กล่าวคือ
โครงปืน ที่เป็นห้องลูกเลื่อน ผนังประกอบชุดลั่นไกปืน บ่อแม็กกาซีน เป็นอะลูมิเนียม......เบ้า...เบา.  ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน  เอารูปเอ็ม 16 มาดู ก็ตรงกลางปืนนั่นแหละ เป็นอะลูมิเนียม ทั้งนั้น
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3452


« ตอบ #104 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2007, 07:26:37 AM »

ทีนี้ มาดูปืนตระกูลเอชเคกันบ้าง
เยอรมัน ทำปืนเก่ง มานานแล้วครับ มีแนวคิดเชิงช่างที่วิเศษ ละเอียดละออ และเหลือเชื่อเป็นที่สุด
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง  เยอรมันเอาเทคนิค การพับเหล็กเป็นโครงปืนมาใช้แล้ว ถ้าจำไม่ผิด เจ้าปืนกล
ซับแมชชีนกัน กระบอกดำๆ พานท้ายพับไปทางด้านล่างนั่นแหละ คิดว่า เยอรมันเริ่มเอาแนวคิด การเอาเหล็กแผ่นมาพับเป็นโครงปืนกันแล้ว

หลักฐานมาปรากฎกันโต้งๆ ก็เจ้าปืนตระกูลเอชเค นั่นแหละ  เป็นการเอาเหล็กแผ่นมาพับ จากด้านบน ลงมาด้านล่าง
พับ กดอัด ให้เป็นห้องลูกเลื่อนขึ้นมาได้ เหลือเชื่อจริงๆ
ที่เหลื่อเชื่อมากไปกว่านั้นอีก   ก็คือ  เอชเค มีเทคนิคการ เชื่อมเหล็ก บัดกรีเหล็กนั่นแหละ  ลองไปสังเกตปืนเอชเค ดีๆ มีรอยเชื่อมแบบเชื่อมตัวถังมอเตอร์ไซด์ด้วย  เจ๋งจริงๆ  ยิงๆ ไป มันไม่หลุดเหรอ ไอ้รอยเชื่อมเนี่ยะ (ล้อเล่นนะครับ
เห็นยิงกันแทบตาย ก็ไม่มีหลุด) อย่าว่าแต่โครงปืนเลยครับ เอชเค  ยังเชื่อมแม้กระทั่ง ลูกเลื่อน ก็เชื่อม ตัวบน กับตัวล่างอีกต่างหาก เทคนิคการเชื่อมของเขา แจ๋วจริงๆ 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9 10 ... 20
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.082 วินาที กับ 21 คำสั่ง