มาสอบถามเรื่องค้อนต่อครับ
ค้อน น. ชื่อเครื่องมือที่มีหัวและด้าม สำหรับเคาะ ตอก ตี ทุบ, ลักษณนามว่าเต้า หรือ อัน;
เครื่องมือชนิดหนึ่งใช้ในการจับปลา.
เรียนถามว่า
เครื่องมือจับปลาที่มีชื่อเดียวกับอุปกรณ์ช่างนี้ มีหน้าตาเป็นอย่างไร? 
v
v
v
http://www.ntbcoop.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=468602&Ntype=6 วิถี สังคม วัฒนธรรมท้องถิ่น จังหวัดนนทบุรี
คลองลากค้อน..ทำไม ? เดินทางไป ๆ มา ๆ ตามเส้นทางถนน ๓๔๕ และถนนหมายเลข ๙ วงแหวนตะวันตกในเขตอำเภอบางบัวทอง เป็นต้องผ่านคลองลากค้อน และทุกครั้งที่ผ่านก็เป็นต้องตั้งคำถามกับตนเองให้คิดค้นหาคำตอบอยู่เสมอว่า คลองนี้ทำไม จึงต้องลากค้อน แล้วคลองอื่นๆ ทำไมไม่ลากค้อนบ้าง อันเป็นปัญหาทำให้ต้องลงมือศึกษาสืบค้น ซึ่งได้ค้นพบสาระสำคัญความว่า....
...ตามสภาพภูมิศาสตร์ คลองลากค้อน มีต้นคลองอยู่ที่คลองบางบัวทอง ปลายคลองอยู่ที่คลองตรง ความยาวของคลองลากค้อน ๘ กิโลเมตร ไหลขนานกับคลองลำรี อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แบ่งอาณาเขตระหว่างตำบลลำโพกับตำบลละหาร ชื่อคลองมาจากชื่อเครื่องมือจับปลาพื้นบ้าน ที่มีชื่อว่า ลากค้อน ลักษณะเครื่องมือเป็นค้อน ใช้จับปลาโดยการลาก ในเวลากลางวัน ช่วงฤดูน้ำลด ย่างเข้าฤดูแล้งประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งกุ้ง ปลาจะรวมตัวกันอยู่ในลำคลองเป็นจำนวนมาก
เครื่องมือจับปลา ลากค้อน นี้ ส่วนที่เป็นค้อนทำมาจากไม้สะแก ขนาดลำต้นเท่าแขน เพราะไม้สะแกมีน้ำหนักมากเนื้อแข็งทนทาน มีตาตามต้น ลิดตาออกให้เหลือแต่ต้น ตัดทอนเป็นท่อน ๆ ท่อนหนึ่ง ๆ มีความยาว ประมาณ ๖๐ เซนติเมตร ควั่นหัวท้ายให้เป็นรอยเวลานำเชือกมาผูกจะได้ไม่หลุดง่าย ใช้ประมาณ ๒๐ ๓๐ ท่อน นำเชือกมาผูกหัวท้ายให้ห่างกันประมาณ ๕๐ เซนติเมตร เรียงร้อยต่อกัน ทำเหมือนสายสร้อย
วิธีการใช้จับปลา ใช้ลาก วิธีการมีเด็กวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่หญิงชายก็ได้ แต่ส่วนมากจะเป็นชาย ๒ คน อยู่กันคนละฝั่งคลองจับปลายเชือกลากค้อนไปพร้อม ๆ กัน ให้ค้อนครูดไปตามก้นคลอง เรียกคนลากค้อนว่า วัว
เมื่อวัวลากค้อนไปตามคลอง ก็จะมีเรือตามค้อนไปด้วย คนอยู่บนเรือ ๒ คน คนท้ายพายเรือ ส่วนคนหัวเรือถือถ่อ มีสุ่มใบหนึ่งวางอยู่ข้างๆ คอยสังเกตดูบนผิวน้ำที่ค้อนเคลื่อนที่ไปถ้าปลาใหญ่ เช่น ปลาช่อน ปลาชะโด หรือปลาดุก กระทบค้อนที่ลากปลาจะตกใจมุดเลน เรียกว่า ปลาคุด พรายน้ำจะลอยพลั่งขึ้นมาเหนือน้ำ คนที่ยืนหัวเรือเห็นจะบอกให้เรือหยุด แล้วเอาถ่อปักลงไปใกล้ ๆ พรายน้ำ ที่ลอยพลั่งขึ้นมา แล้วเอาสุ่มครอบตรงพรายน้ำ ดำน้ำลงไปงมจับปลาในสุ่มขึ้นมา ปลาที่จับได้ส่วนมากเป็นปลาช่อนและปลาอื่นๆ ตัวขนาดใหญ่วันหนึ่ง ๆ จับได้ประมาณ ๕๐ ๖๐ ตัว แบ่งกันไปทำกิน ที่เหลือก็ทำปลาร้า ปลาเค็มตากแห้งเก็บไว้กินในยามหน้าแล้ง
ส่วนชาวบ้านคลองลำโพ มักบอกเล่าเรื่องคลองลากค้อนให้ลูกหลานฟังอยู่บ่อยว่า คลองลากค้อนมีงูแมวเซาอาศัยอยู่ชุกชุมมากนะ การเดินทางหรือไปจับกุ้งหอยปลาก็ให้ระวัง นั่นอาจะเป็นไปได้ว่า ต้องเป็นคลองที่มีสัตว์น้ำโดยเฉพาะปลาอาศัยอยู่อย่างชุกชุมมาก และได้มีการใช้เครื่องมือจับปลาลากค้อนกันอยู่บ่อยมาก จนกลายมาเป็นชื่อคลองลากค้อน มาตราบถึงปัจจุบันนี้....
ที่มา : สุปราณี หลักคำ . เล่าเรื่องเมืองแห่งความรื่นรมย์.กรุงเทพมหานคร: สมาพันธ์ ,2549.
v
v
v
http://school.obec.go.th/yamaha_lp/story/st36.htmlลากค้อน : กลวิธีล่าปลาจากความกลัว เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจคุยกันของกลุ่มชาวบ้าน มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ต่างมุ่งหน้าไปยังหลงเหนือแหล่งหาปลาของชุมชนวังเลียบหมู่บ้านเลียบน้ำวัง หลง เป็นแอ่งน้ำที่เกิดจากการไหลผิดทางของลำน้ำในฤดูน้ำหลาก โดยมีน้ำส่วนหนึ่งไหลแยกออกมาจากสายน้ำเดิม เหมือนกับว่าน้ำหลงทาง น้ำที่ไหลแยกออกมานั้นเซาะตลิ่งให้ลึกเข้าไปกลายเป็นแอ่งน้ำขัง น้ำในหลงนิ่งและลึก จึงเป็นแหล่งชุกชุมของปลานานาชนิด ณ หลงแห่งนี้อยู่เหนือหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงเรียกว่า หลงเหนือ
ชาวบ้านที่นี่ล่าปลาเพื่อยังชีพ ปลาที่นิยมล่ามักเป็นปลาตัวใหญ่ ๆ เช่น ปลาช่อน , ปลาตะเพียน ,ปลาปีก เป็นต้น ยิ่งปลาที่ได้เป็นปลาสด ๆ รสชาติยิ่งอร่อยนัก ไม่ว่าจะนำมาย่าง ,ปิ้ง , ต้มส้ม, ห่อนึ่ง หรือแกงแคก็ตาม ทั้งนี้ แล้วแต่ฝีมือและความชอบของแต่ละคนไป
ลุงเบิบ ชายกลางคนแห่งบ้านวังเลียบเล่าให้ฟังถึงกลวิธีที่แกนำใช้ล่าปลาในวันนี้ มีชื่อว่า "ลากค้อน"
"ลากค้อน" เป็นวิธีล่าปลาเป็นทีม ยิ่งมีลูกทีมมากเท่าไร ความสนุกสนาน ความตื่นเต้นยิ่งเพิ่มขึ้นตามลำดับจากเสียงพูดคุยกัน และส่งเสียงดังยามจับได้ปลาตัวโตในแต่ละครั้ง นอกจากนี้ การลากค้อนยังอาศัยการสังเกตธรรมชาติของปลาที่มักกลัวสิ่งแปลกใหม่ ที่มีสีขาว ๆ ชาวบ้านจึงได้คิดค้นวิธีการในการล่า จนเป็นที่เชื่อถือได้ และประสบความสำเร็จทุกครั้งที่ล่าปลา
ค้อน หมายถึง ไม้ที่ตัดเป็นท่อน ๆ ขนาดและความยาวแล้วแต่ประโยชน์ของการใช้งาน เช่น แม่บ้านใช้ค้อนตีเส้นฝ้ายที่ปั่นแล้วนำไปแช่น้ำพร้อมกับข้าวเจ้าที่ต้มสุกตีเพื่อให้เส้นฝ้ายเหนียว ไม่ขาดง่าย ใช้ไม้เนื้อแข็งทำ เพราะแข็งแรง ทนทานกว่า เป็นต้น ส่วนค้อนที่ให้สำหรับล่าปลา นิยมทำจากไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้นุ่น ไม้ปอสา เพราะปอกเปลือกง่ายและมีสีขาว ค้อนล่าปลา มี อุปกรณ์จำเป็นและวิธีการใช้ ดังนี้
1. เชือก ใช้สำหรับมัดท่อนไม้
2. ท่อนไม้(ค้อน) ปลอกเปลือกให้เห็นสีขาว ๆ ของเนื้อไม้ โดยตัดไม้ให้เป็นท่อน ๆ ความยาวท่อนละ 50 เซนติเมตร ผูกเชือกตรงปลายทั้งสองของท่อนไม้แล้วผูกท่อนไม้แต่ละท่อนให้ยาวติดต่อกัน เหลือเชือกไว้ตรงปลายของท่อนไม่ที่ผูกติดกัน ความยาวของท่อนไม้จะแล้วแต่ความกว้างของแม่น้ำ
3. หลังจากผูกท่อนไม้แต่ละท่อนให้ยาวติดต่อกันแล้ว มีคนสองคนจับเชือกที่ผูกทั้งสองด้านของท่อน แล้วลากไปตามความกว้างของแม่น้ำ
4. แห ใช้หลังจากลากฆ้อนไปตามน้ำแล้ว ปลาเมือเห็้นสีขาว ๆ จะกลัวและตกใจ เมื่อผู้ล่าสังเกตเห็นว่ามีปลาจะใช้แหทอดเมื่อปลาพากันกระโดดน้ำหนีด้วยความกลัวฆ้อนแต่ถ้าเป็นน้ำลึก สังเกตได้จากน้ำที่เป็นฟอง หรือเป็นสาย ถ้าเห็นปลาตัวโต ๆ ชาวบ้านจะใช้แหทอดซ้อน ๆ กันครั้งละ 2 - 3 ปาก เพื่อไม่ให้ปลาหลุดหรือหลบหนีไปได้
ลุงเบิบและพรรคพวกลากฆ้อนไปมาที่หลงเหนืออยู่หลายรอบ จับได้ปลาตัวโตหลายตัว ทั้งปลาตะพียน ปลาปีก โดยเฉพาะปลาช่อนขนาดตัวละประมาณ 1 กก. เกือบสิบตัว ถามลุงเบิบว่าจะนำไปทำอะไรกินในวันนี้ ลุงเบิบบอกว่าจะนำไปทำ อ็อกปลา ส่วนที่เหลือจะหมักเกลือตากแห้งไว้ปิ้งกินกับข้าวเหนียวเวลาไปนา
อ็อกปลา เป็นอาหารอร่อยอีกอย่างของชาวบ้าน มีกรรมวิธีในการปรุง ดังนี้
1. ปลาที่หามาได้นำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดตามความพอใจ
2. นำเครื่องปรุง ได้แก่ พริกแห้ง ,บ่าแข่น ,หอมแดง , กระเทียม , ขมิ้น , ตะไคร้ และเกลือมาโขลกรวมกันให้ละเอียด จากนั้นใส่กะปิและปลาร้าที่สับแล้วผสมไปด้วย
3. ตั้งหม้อบนเตาไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย นำเครื่องปรุงที่ตำเสร็จแล้วใส่ในหม้อคนให้ละลาย ทิ้งไว้ให้เดือดสักพัก
4. ใส่ปลาที่หั่นไว้ลงไปในหม้อที่มีเครื่องแกง ทิ้งไว้ให้สุก ใส่ใบก้อมก้อ(แมงลัก) เพื่อให้มีกลิ่นหอม
เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย ได้อ็อกปลาที่มีน้ำขลุกขลิก เนื้อนิ่ม ๆ ของปลา รสชาติเผ็ดเค็มของเครื่องปรุง สีเหลืองน่ารับประทานของขมิ้น ได้กลิ่นหอมสมุนไพรจากใบก้อมก้อ กินกับข้าวเหนียวพร้อมผักสด เช่น หัวปลี ,ยอดกระถิน ,ยอดมะกอก ,ใบคาวตอง ,ผักไผ่หอมด่วน หรืออื่น ๆ แล้วแต่จะเก็บได้จากข้างบ้าน เป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้อาหารมื้ออร่อยได้เป็นอย่างดี
ปล.ชอบกระทู้นี้จัง เรื่องเล็กๆ แต่รู้หลายเรื่องมากมายดีครับ ขอบคุณพี่น้องทุกท่าน ที่ช่วยกันนอกเรื่อง 