ขอแนะนำตัวนะคะ พึ่งจะผ่านเข้ามาในเวปปืนเป็นครั้งแรกค่ะ กำลังศึกษาเพราะเพิ่งหัดยิงปืนเมื่อไม่นานค่ะ เผอิญเห็นกระทู้นี้เลยขอร่วมออกความเห็นนะคะ เพราะเป็นคนชอบดูหนังคนหนึ่งคะ
ตอบคุณ mchaivis
ดิฉันมีความเห็นอย่างนี้ และขอเปรียบเปรยเป็นอาหารนะคะ จะได้เห็นภาพ
- การวิจารณ์หนังจะวิจารณ์แบบในกรอบเท่าที่หนังนั้นทำมาก็น่าจะได้เมื่อหนังนั้นสมบูรณ์แบบหรือสร้างมาได้ดีมากแล้ว ชนิดที่ว่าไม่มีอะไรขาดไป เช่น หากเป็นต้มยำ มีข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว น้ำปลา เนื้อสัตว์ที่เข้ากัน ก็ถือว่าผ่านแล้ว ไม่ต้องไปติอะไรเขาอีก แต่หากมีอะไรขาดไป จนรสชาติไม่ใช่ก็ต้องวิจารณ์ใช่ไหมคะ เช่น ขาดมะนาว ก็ไม่ควรอ้างว่าเป็นต้มยำ คนรู้จริงเขาจะไม่รับเอา
ภาพยนตร์ก็เหมือนกัน แต่ละชนิดของหนังก็มีสูตรของเขาอยู่ จะทำโรแมนติกคอเมดี้ ก็อย่าง จะทำหนังสยองขวัญก็อย่าง หนังตลกก็อย่าง จะปนกันได้ไหมก็คงได้ จะเปลี่ยนได้ไหมก็ลองดูได้ไม่มีใครว่า แต่ไม่เก่งจริงก็คงทำไปก็ไม่ได้ผล เพราะมันไม่ประทับใจ หนังประวัติศาสตร์ก็เหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์ ก็ต้องทำการบ้าน ทำให้สมกับประวัติศาสตร์ที่อ้างมา ไม่งั้นก็จงอ้างเป็น fantasy ไป เหมือนหนัง outlander หรือเป็นหนังจิตวิทยา เช่น สลับไปมาภาพ valkyrie กับชีวิตทหารเมกันในอิรัก เป็นต้น ไรทำนองนี้ยังพอน่าสนใจ
Valkyrie ขายตัวเองว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์(โฆษณาบนโปสเตอร์ด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งดันเลือกทำเป็นหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คนตายเป็นเบือ และเยอรมันนีทั้งประเทศตกอยู่ในสภาพฝันร้าย สำหรับทั้งคนโดนล้างสมอง และไม่โดนล้างสมองด้วยระบบเผด็จการของฮิตเล่อร์ ไหนจะอดหยากปางตาย ไหนจะกลัวรัสเซียบุก กลัวตำรวจลับ กลัวสารพัดกลัว แต่หนังเรื่องนี้ดันมีฉากแค่หยุมหยิมแสดงความเสียหายแค่เพียงบ้านสั่นสะเทือน ลูกเมียกลัว ถือว่าน้อยมากค่ะ มุขทำฉากในบ้านเนี่ย ทำละครเวทีดีกว่าค่ะ เปลืองน้อยกว่าด้วย แถมคนเล่นก็ดูได้ชัดว่าไม่สามารถสื่อถึงความเครียดที่รู้สึกชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายได้สักคน หากดิฉันอธิบายไม่เห็นภาพ ขอแนะนำให้ไปดูหนังสงครามอื่นๆ เทียบเอาค่ะ โดยเฉพาะหนังสงครามโลกที่ประเทศยุโรปสร้างเองจะเข้าใจความเครียดความกลัวที่ควรจะต้องมี โดยเฉพาะหนังที่พระเอกเหมือนต่อสู้อยู่กับมารร้าย (ฮิตเล่อร์+ระบอบของแก) เช่นนี้
ถ้าจะอ้างว่า ตัดหลายอย่างออกเพื่อให้หนังกระชับ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ก็ต้องถามอีกแหละค่ะ ว่าแล้วคนดูเข้าใจหรือคะ คนดูทั่วไปที่ไม่ได้รู้เรื่องมาก่อนจะเข้าใจไหม ถ้าหนังไม่แสดงปูพื้น ให้คนดูเข้าใจว่า ระบบที่ฮิตเล่อร์สร้างม้นใหญ่โต ครอบงำขนาดใหน และผลของการกระทำของพระเอกเสี่ยงแค่ไหน ความประทับใจที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนคิดต่อต้านระบบเผด็จการ ยอมเอาครอบครัวเป็นเดิมพัน ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อโอกาสเดียวเนี่ย มันถึงไม่เกิด ดูแล้วก็เฉยๆ ซึ่งน่าเสียดาย เพราะทำได้ไม่ยาก ยอมลงทุนหน่อย ก็ได้แล้ว แค่ 1-2 ฉากก็พอ ปูพื้นไปนิด แล้วพระเอกจะดูฮีโร่ขึ้นอีก ซึ่งแค่ปูพื้นยังขี้เกียจ แล้วมาอ้างว่าเป็นเหตุผลแบบติสท์เนี่ยไม่ได้หรอกค่ะ ชุ่ยมากกว่า
- การจะปรับแก้งานศิลปะ ให้ดีขึ้น โดยอ้างว่าเป็นเพื่อการสร้างสรรค์ให้มันชัดเจนขึ้นทำได้ค่ะ แต่ต้องเคารพหัวใจของงานศิลปะนั้น เช่น จะทำต้มยำกุ้ง ไม่ตำน้ำพริกเผา ใช้คนอร์ก็ทำได้ แต่การปรับแก้เอาซ๊อสมะเขือเทศใส่ แล้วอ้างเป็นต้มยำนั้น ไม่ได้หรอกค่ะคุณ คนชิมที่เขารู้ เขาไม่รับหรอกค่ะ
หนัง Valkyrie ก็เหมือนกัน จะไปตัดทอน ลดอะไรออก หาอะไรมาแทน ก็ต้องเคารพ เรื่องที่เอามาทำ ซึ่งอีกเช่นกัน อ้างไว้ว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์ก็ต้องเคารพประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวที่เอามาสร้าง โดยควรจะต้องให้อ้างอิงให้ถูกต้องที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้น ก็อย่าขายตัวเองว่ามาจากเรื่องจริงให้กลุ้มดีกว่า เช่น ไปเลือก Tom Cruise หน้าตาไม่เหมือนตัวจริง แถมยังหน้าตาดูอิตาเลี่ยนสุดๆ เดินไปมาในฉากหนังเยอรมันนีให้คนดูเชื่อว่าเป็นเยอรมันนีไม่ได้หรอกค่ะ แถมแกยังสื่อไม่ได้ทั้งความเป็นเยอรมัน ความเป็นทหาร หรือความเป็นคนเยอรมัน ที่เป็นทหาร ในยุคนั้น แล้วมันจะเหลืออะไรให้คาดหวังอีกละคะ แถมเพื่อนนักแสดงทหารแกพูดอังกฤษสำเนียงหลากหลายจัดตั้งแต่ออกสารพัดสำเนียง ซึ่งแค่ผู้กำกัลจะทำให้สมจริง จ้าง voice trainer มายังไม่ได้เนี่ย มันไม่แสดงความติสท์หรอกค่ะ มันแสดงความชุ่ย
- งานภาพยนตร์คุณภาพเนี่ยมันต้องดูทุกอย่างคะ ว่า สอดคล้องกันไหม เข้ากันไหม ไม่ใช่ว่า แค่วน plot หลัก plot รองแล้วพอ อันนั้น มันโฆษณาทีวีมากกว่าค่ะ ลองดูในพวกแผ่นดีวีดีที่เป็นของจริงสิคะ ที่เขาแถมเสียงวิจารณ์ของคนทำมานะค่ะ แล้วจะเห็นว่าการสร้างหนังเป็นเรื่องละเอียด ต้องคิดทุกอย่าง คนดูไม่โง่นะคะ อาจมีถูกหลอก แต่ไม่โง่หรอกค่ะ
ดิฉันรักการดูหนังค่ะ ผิดหวังเหมือนกันกับหนังเรื่องนี้ แต่ก็ทำไงได้ หนังลงโรงเดี๋ยวนี้ คนทำก็ชุ่ยขึ้นๆ ขาดความตั้งใจ ขาดความเป็นศิลปิน ซึ่งจะว่าทุนน้อยหรือ ก็ไม่เกี่ยวค่ะ ความชุ่ย นั้น ทุนเยอะก็ชุ่ยได้เหมือนกัน ทุนน้อยสร้างสรรค์ตั้งใจทำ ก็ไม่ชุ่ย นอกจากนี้ ดิฉันเห็นว่า หากคนทำหนังเขาตั้งใจทำหนังอย่างปราณีตให้เราดู เราก็ควรจะหัดดูหนังอย่างปราณีตด้วย ไม่งั้น ที่หนังบางเรื่องเขาลงทุนย้อมผ้าแบบธรรมชาติ ก็เพื่ออะไรละคะ ถ้าไม่ใช่เพื่อให้คนดูได้เห็นภาพที่ชัดเจนที่สุด หนังเป็นศิลปะแขนงเคลื่อนไหวจะทำออกมาก็ควรให้ดึงดูดอารมณ์คนดูให้เชื่อได้มากที่สุด หนังที่คนทำไม่คิด ไม่สนใจในอารมณ์คนดู นั้น เขาเรียกหนังสนองอีโก้คนทำและไม่ถือเป็นงานศิลปะ เพราะไม่ให้อะไรกับใคร ไม่ทำให้คนดูได้คิด ได้มุมมองใหม่ หรือเกิดความรื่นรมย์จริงๆ (ใหนๆ คุณก็ใช้ศัพท์เทคนิคหลายอัน:ก็ catharsis ไงคะ ) และใช้เหตุผลศิลปะแบบที่คนยกมาไปวิจารณ์จึงไม่ได้
โอเคนะค้า?
ขออนุญาตคุณ wilhelm Tell ไม่ quote ข้อความนะครับ เพราะมันจะทำให้กระทู้ยาวเกินจำเป็น
เข้าเรื่องนะครับ
เรื่องปันส่วน ผมไม่มีข้อโต้แย้งครับ อันนี้เป็นข้อเท็จจริง
ประเด็นของผมอยู่ที่ประเด็นของหนัง และวิธีในการประเมินคุณค่าของหนังครับ
ว่ากันเฉพาะใน Valkyrie ล้วนๆ เนื้อหนังเขาก็ทำจำกัดวง
พล็อตหลักอยู่ที่ตัวเอกที่หาญทำรัฐประหาร หนังชี้แรงบันดาลใจให้พระเอกยอมเสี่ยงชีวิตหลายตอน
แรกสุดก็คือฉากเปิดเรื่อง ที่พระเอกต้องการรักษาชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชา กล้าปฏิเสธคำสั่งที่ได้รับ
ประเด็นต่อมาคือฉากที่พระเอกต้องไปแจกเหรียญให้กับทหารที่รักษาตัวในโรงพยาบาล
และอีกประเด็นสำคัญคือฉากที่ลูกเมียกลัวระเบิดจนตัวสั่นตอนหลบในห้องใต้ดินที่บ้าน
ส่วนพล็อตรองคือการทำรัฐประหาร
เรื่องราวทั้งหมดมันก็วนอยู่แต่ตรงนี้ ซึ่งผมว่าพอแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปพูดเรื่องอื่น
ในความคิดของผม การวิจารณ์ก็ควรจะตีกรอบจำกัดวงครับ
ว่ากันเฉพาะสิ่งที่คนทำหนังต้องการนำเสนอ และกลเม็ดในการนำเสนอ
จะเอาทุกเรื่องอย่างเช่นข้อเท็จจริงมาบวกเข้าไปไม่ได้ครับ
เพราะหนังเขาพูดเฉพาะประเด็นหนึ่งประเด็นใด อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น
สำหรับข้อเท็จจริงที่คุณนำเสนอ ถือเป็นความรู้ต่อยอด เป็นของแถมสำหรับการดูหนัง (เรื่องนี้) ครับ
ความรู้สึกส่วนตัว ไม่ควรเอามาเป็นประเด็นชี้ข้อดีข้อเสียของหนัง
อีกนิดครับ ขออนุญาตถามหน่อยครับ
คุณ Wilhelm Tell ทำงานวิจารณ์หนังที่ไหนครับ
ไม่ทราบว่าบอกได้หรือไม่
แจ้งทาง pm ก็ได้ครับ