ชัดเชนครับ มาตรา 63 บอกแค่ว่าเรามีสิทธิ อุทธรณ์ภายในกำหนดสามสิบวัน และไม่ได้บอกครับว่า ต้องนานเพียงใดจึงจะ ล่าช้า
เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ พอมีเรื่องหรือ กรณีขึ้น เป็นหน้าที่ของผู้พิพากษาหรือถ้าเป็นศาลปกครอง ตุลาการ ครับ
ที่จะต้องหาข้อกฎหมายที่มีกำหนดในกรณีที่ใกล้เคลียงกัน มาเพื่อเทียบเคียงหรือปรับคดี
ในกรณีคือ คำว่า ล่าช้า เมื่อ พ.ร.บ. อาวุธปืน ไม่บอกว่าล่าช้าคือเมื่อใด ก็ต้องมีการตีความ คันหาถึงเจตนารมณ์ ของกฎหมายนั้นๆ และ ไทย มักจะใข้หลักเรื่องการนำ คำพิพากษาฎีกา หรือ กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง มาปรับคดี
ดังนั้นจึง ต้องหาคำพิพากษาที่มีบอกว่า ล่าช้า คือเมื่อใด หรือ กฎหมายที่มีบัญญัติว่า ล่าช้า คือ เมื่อใดมาใช้เทียบครับ
เพิ่มเติมอีกนึดนึงครับ ในการปรับคดี นั้น อาจใช้ จารีตประเพณีท้องถิ่งนั้นมาใช้ก็ได้ครับ
และ มีอีกข้อครับเพื่อเพิ่มความเข้าใจ คือในการ สู้คดีกันในชั้นศาล หากฝ่ายใด อ้างคำพิพากษาฎีกา ฝ่ายนั้น ชนะเกือบทุกครั้ง อาจมีบางกรณีที่มีการพิพากษา หักล้างคำพิพากษาฎีกาเดิม
เข้ารก เข้าพงไปแล้ว
ก็บอกแล้วว่าต้องอ่านกฎหมายให้ครบ ไม่ต้องไปถึงจารีต ประเพณีหรอก
เกณฑ์ล่าช้าอยู่ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๕ คือหกสิบวัน บวกกับระยะเวลาที่คำอุทธรณ์ไปจากนายทะเบียนถึงรัฐมนตรี
แต่เมื่อพ้น วิ ปกครองมาตรา ๔๕ แล้ว ก็ยังฟ้องไม่ได้ เพราะศาลปกครองมีกฎหมายของตัวเอง ซ่อนอยู่ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๙ นั่นแหละ คือ ๙๐ วันหลังจากยื่นอุทธรณ์
มาตรา ๔๕ ให้เจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง พิจารณาคำอุทธรณ์และ
แจ้งผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ ในกรณีที่เห็นด้วย
กับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก็ให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองตาม
ความเห็นของตนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวด้วย
ถ้าเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมด
หรือบางส่วนก็ให้เร่งรายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์ภายใน
กำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบ
วันนับแต่วันที่ตนได้รับรายงาน ถ้ามีเหตุจำเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา
ดังกล่าว ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบก่อนครบกำหนดเวลา
ดังกล่าวในการนี้ ให้ขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณ์ออกไปได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ครบ
กำหนดเวลาดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ผู้ใดจะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคสองให้เป็นไปตาม
ที่กำหนดในกฎกระทรวง
บทบัญญัติมาตรานี้ไม่ใช้กับกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น30วันครับ กฎหมายบอกว่าต้องเสร็จใน 30วันครับ แต่ถ้าไม่ทันก็ ขยายเวลาได้ 30วัน แต่
ก่อนที่จะขยายเวลานั้นจะต้อง ทำหนังสือให้ผู้ขอรับอุทธรณ์ก่อนครับ แล้วจึง ขยาดเวลาได้
มาตรา ๔๙ วรรค2 การเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มีลักษณะเป็นการให้ประโยชน์ต้องกระทำ
ภายในเก้าสิบวันนับแต่ได้รู้ถึงเหตุที่จะให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองนั้น เว้นแต่คำสั่งทาง
ปกครองจะได้ทำขึ้นเพราะการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอก
ให้แจ้งหรือการข่มขู่หรือการชักจูงใจโดยการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่มิชอบด้วย
กฎหมายภายในเวลาเก้าสิบวัน หรือ ภายหลังเวลาเก้าสิบวัน ครับ
พระราชบัญญัติ
จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๔๙
การฟ้องคดีปกครองจะต้องยื่นฟ้องภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่รู้ หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีหรือ
นับแต่วันที่พ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอต่อหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดและไม่ได้รับหนังสือชี้แจงจากหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือได้รับแต่เป็นคำชี้แจงที่ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าไม่มีเหตุผล แล้วแต่กรณี เว้นแต่จะมีบทกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
พระราชบัญญัติ
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
ส่วนที่ ๕
การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง
มาตรา ๔๔ ภายใต้บังคับมาตรา ๔๘ ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองใดไม่ได้ออกโดยรัฐมนตรี และไม่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครองไว้เป็นการเฉพาะ ให้คู่กรณีอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองนั้นโดยยื่นต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครองภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ตนได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว
คำอุทธรณ์ต้องทำเป็นหนังสือโดยระบุข้อโต้แย้งและข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่อ้างอิงประกอบด้วย
การอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง เว้นแต่จะมีการสั่งให้ทุเลาการบังคับตามมาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง
มาตรา ๔๕ ให้เจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง พิจารณาคำอุทธรณ์และแจ้งผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ ในกรณีที่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก็ให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองตามความเห็นของตนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวด้วย
ถ้าเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก็ให้เร่งรายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ตนได้รับรายงาน ถ้ามีเหตุจำเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบก่อนครบกำหนดเวลาดังกล่าว ในการนี้ ให้ขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณ์ออกไปได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ครบกำหนดเวลาดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ผู้ใดจะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคสองให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
บทบัญญัติมาตรานี้ไม่ใช้กับกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
อันนี้ผมจะสรุป ให้ฟัง ง่ายๆนะครับ การฟ้อง ศาลปกครอง ฟ้องได้2 แบบ ตาม พ.ร.บ จัดตั้งฯ ม.49
1.สามรถฟ้อง ได้เลย โดยไม่ต้อง อุธร คือ กฎ , สัญญาทางปกครอง, การกระทำอื่นใดฯ,และการปฎิบัติการทางปกครอง และพ.ร.บ จัดตั้งฯ
ให้ฟ้องภายใน90วัน ม.49 ตัวหนังสือ สีแดง
2.ต้องอุธรก่อนฟ้อง(คำสั่งทางปกครอง)
ถ้าอุธรณ์ไปแล้วพ้นกำหนด90วันไม่ได้รับคำชี้แจง หรือ ได้รับคำชี้แจงแต่ผู้ฟ้อง คดีเห้นว่าเป้นคำชี้แจงที่ไม่มีเหตุผลตามพ.ร.บ จัดตั้งฯ ม.49 แล้วไม่ได้รับคำตอบ ตามที่ผมทำแถบสีฟ้าให้ดู จึงจะสามารถฟ้องศาลปกครองได้
คำสั่งทางปกครอง ที่มีข้อ ยกเว้น ให้สามารถ ฟ้องได้เลยโดยไม่ต้องอุธรณ์ นั้น คือ คำสั่งทางปกครอง ที่ออกโดย รัฐมนตรี และ คณะกรรมการ ครับ
แหลางข้อมูลอ้างอิงทางกฎหมาย
http://www.krisdika.go.th/home.jsp