เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
สิงหาคม 26, 2025, 09:42:24 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟ้องครับ ขอ.38 ออโต้  (อ่าน 11713 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นาจา™รักในหลวง
คุณธรรม...นำสู่ยุติธรรม
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 268
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11147



เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2009, 11:40:53 PM »

ชัดเชนครับ มาตรา 63 บอกแค่ว่าเรามีสิทธิ อุทธรณ์ภายในกำหนดสามสิบวัน และไม่ได้บอกครับว่า ต้องนานเพียงใดจึงจะ ล่าช้า

เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ พอมีเรื่องหรือ กรณีขึ้น เป็นหน้าที่ของผู้พิพากษาหรือถ้าเป็นศาลปกครอง ตุลาการ ครับ

ที่จะต้องหาข้อกฎหมายที่มีกำหนดในกรณีที่ใกล้เคลียงกัน มาเพื่อเทียบเคียงหรือปรับคดี

ในกรณีคือ คำว่า ล่าช้า เมื่อ พ.ร.บ. อาวุธปืน ไม่บอกว่าล่าช้าคือเมื่อใด ก็ต้องมีการตีความ คันหาถึงเจตนารมณ์ ของกฎหมายนั้นๆ และ ไทย มักจะใข้หลักเรื่องการนำ คำพิพากษาฎีกา หรือ กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง มาปรับคดี

ดังนั้นจึง ต้องหาคำพิพากษาที่มีบอกว่า ล่าช้า คือเมื่อใด หรือ กฎหมายที่มีบัญญัติว่า ล่าช้า คือ เมื่อใดมาใช้เทียบครับ

เพิ่มเติมอีกนึดนึงครับ ในการปรับคดี นั้น อาจใช้ จารีตประเพณีท้องถิ่งนั้นมาใช้ก็ได้ครับ
และ มีอีกข้อครับเพื่อเพิ่มความเข้าใจ คือในการ สู้คดีกันในชั้นศาล หากฝ่ายใด อ้างคำพิพากษาฎีกา ฝ่ายนั้น ชนะเกือบทุกครั้ง อาจมีบางกรณีที่มีการพิพากษา หักล้างคำพิพากษาฎีกาเดิม


ก่อนที่จะถกข้อกฎหมายกันต่อไป...
ต้องประทานโทษนะครับ คุณFerocious ศึกษากฎหมายในชั้นเรียนใดอยู่ครับ
บันทึกการเข้า

อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
Ferocious
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 266


« ตอบ #31 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2009, 11:43:26 PM »

ก็พอรู้บางครับ อ่านอยู่ผมสมควร ผมเรียนนิติศาสตร์ ปี1 ครับ และกำลังเรียน นิติปรัชญา


ผมไม่ได้บอกว่าผมถูกนะครับ แต่ว่าผมก็ยังไม่เคยเห็น คำพิพากษาฎีกาที่บอกล่าช้า ครับ หรือท่านใดมี ช่วยกรุณานำมา เผยแพร่ เป็นความรู้เพิ่มเติมให้ผมด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 19, 2009, 11:45:53 PM โดย Ferocious » บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #32 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2009, 11:50:07 PM »

ชัดเชนครับ มาตรา 63 บอกแค่ว่าเรามีสิทธิ อุทธรณ์ภายในกำหนดสามสิบวัน และไม่ได้บอกครับว่า ต้องนานเพียงใดจึงจะ ล่าช้า

เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ พอมีเรื่องหรือ กรณีขึ้น เป็นหน้าที่ของผู้พิพากษาหรือถ้าเป็นศาลปกครอง ตุลาการ ครับ

ที่จะต้องหาข้อกฎหมายที่มีกำหนดในกรณีที่ใกล้เคลียงกัน มาเพื่อเทียบเคียงหรือปรับคดี

ในกรณีคือ คำว่า ล่าช้า เมื่อ พ.ร.บ. อาวุธปืน ไม่บอกว่าล่าช้าคือเมื่อใด ก็ต้องมีการตีความ คันหาถึงเจตนารมณ์ ของกฎหมายนั้นๆ และ ไทย มักจะใข้หลักเรื่องการนำ คำพิพากษาฎีกา หรือ กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง มาปรับคดี

ดังนั้นจึง ต้องหาคำพิพากษาที่มีบอกว่า ล่าช้า คือเมื่อใด หรือ กฎหมายที่มีบัญญัติว่า ล่าช้า คือ เมื่อใดมาใช้เทียบครับ

เพิ่มเติมอีกนึดนึงครับ ในการปรับคดี นั้น อาจใช้ จารีตประเพณีท้องถิ่งนั้นมาใช้ก็ได้ครับ
และ มีอีกข้อครับเพื่อเพิ่มความเข้าใจ คือในการ สู้คดีกันในชั้นศาล หากฝ่ายใด อ้างคำพิพากษาฎีกา ฝ่ายนั้น ชนะเกือบทุกครั้ง อาจมีบางกรณีที่มีการพิพากษา หักล้างคำพิพากษาฎีกาเดิม


เข้ารก เข้าพงไปแล้ว
ก็บอกแล้วว่าต้องอ่านกฎหมายให้ครบ   ไม่ต้องไปถึงจารีต ประเพณีหรอก
เกณฑ์ล่าช้าอยู่ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๕  คือหกสิบวัน บวกกับระยะเวลาที่คำอุทธรณ์ไปจากนายทะเบียนถึงรัฐมนตรี

แต่เมื่อพ้น วิ ปกครองมาตรา ๔๕ แล้ว ก็ยังฟ้องไม่ได้  เพราะศาลปกครองมีกฎหมายของตัวเอง  ซ่อนอยู่ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ.  ๒๕๔๒  มาตรา ๔๙ นั่นแหละ   คือ ๙๐ วันหลังจากยื่นอุทธรณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 19, 2009, 11:51:41 PM โดย สุพินท์ » บันทึกการเข้า
Ferocious
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 266


« ตอบ #33 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 12:06:47 AM »

ชัดเชนครับ มาตรา 63 บอกแค่ว่าเรามีสิทธิ อุทธรณ์ภายในกำหนดสามสิบวัน และไม่ได้บอกครับว่า ต้องนานเพียงใดจึงจะ ล่าช้า

เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ พอมีเรื่องหรือ กรณีขึ้น เป็นหน้าที่ของผู้พิพากษาหรือถ้าเป็นศาลปกครอง ตุลาการ ครับ

ที่จะต้องหาข้อกฎหมายที่มีกำหนดในกรณีที่ใกล้เคลียงกัน มาเพื่อเทียบเคียงหรือปรับคดี

ในกรณีคือ คำว่า ล่าช้า เมื่อ พ.ร.บ. อาวุธปืน ไม่บอกว่าล่าช้าคือเมื่อใด ก็ต้องมีการตีความ คันหาถึงเจตนารมณ์ ของกฎหมายนั้นๆ และ ไทย มักจะใข้หลักเรื่องการนำ คำพิพากษาฎีกา หรือ กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง มาปรับคดี

ดังนั้นจึง ต้องหาคำพิพากษาที่มีบอกว่า ล่าช้า คือเมื่อใด หรือ กฎหมายที่มีบัญญัติว่า ล่าช้า คือ เมื่อใดมาใช้เทียบครับ



เพิ่มเติมอีกนึดนึงครับ ในการปรับคดี นั้น อาจใช้ จารีตประเพณีท้องถิ่งนั้นมาใช้ก็ได้ครับ
และ มีอีกข้อครับเพื่อเพิ่มความเข้าใจ คือในการ สู้คดีกันในชั้นศาล หากฝ่ายใด อ้างคำพิพากษาฎีกา ฝ่ายนั้น ชนะเกือบทุกครั้ง อาจมีบางกรณีที่มีการพิพากษา หักล้างคำพิพากษาฎีกาเดิม


เข้ารก เข้าพงไปแล้ว
ก็บอกแล้วว่าต้องอ่านกฎหมายให้ครบ   ไม่ต้องไปถึงจารีต ประเพณีหรอก
เกณฑ์ล่าช้าอยู่ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๕  คือหกสิบวัน บวกกับระยะเวลาที่คำอุทธรณ์ไปจากนายทะเบียนถึงรัฐมนตรี

แต่เมื่อพ้น วิ ปกครองมาตรา ๔๕ แล้ว ก็ยังฟ้องไม่ได้  เพราะศาลปกครองมีกฎหมายของตัวเอง  ซ่อนอยู่ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ.  ๒๕๔๒  มาตรา ๔๙ นั่นแหละ   คือ ๙๐ วันหลังจากยื่นอุทธรณ์




  มาตรา ๔๕  ให้เจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง พิจารณาคำอุทธรณ์และ

แจ้งผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ ในกรณีที่เห็นด้วย

กับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก็ให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองตาม

ความเห็นของตนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวด้วย

                        ถ้าเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมด

หรือบางส่วนก็ให้เร่งรายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์ภายใน

กำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบ

วันนับแต่วันที่ตนได้รับรายงาน ถ้ามีเหตุจำเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา

ดังกล่าว ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบก่อนครบกำหนดเวลา

ดังกล่าวในการนี้ ให้ขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณ์ออกไปได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ครบ

กำหนดเวลาดังกล่าว

                        เจ้าหน้าที่ผู้ใดจะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคสองให้เป็นไปตาม

ที่กำหนดในกฎกระทรวง

                        บทบัญญัติมาตรานี้ไม่ใช้กับกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น


30วันครับ กฎหมายบอกว่าต้องเสร็จใน 30วันครับ แต่ถ้าไม่ทันก็ ขยายเวลาได้ 30วัน แต่

ก่อนที่จะขยายเวลานั้นจะต้อง ทำหนังสือให้ผู้ขอรับอุทธรณ์ก่อนครับ แล้วจึง ขยาดเวลาได้


มาตรา ๔๙ วรรค2 การเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มีลักษณะเป็นการให้ประโยชน์ต้องกระทำ

ภายในเก้าสิบวันนับแต่ได้รู้ถึงเหตุที่จะให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองนั้น เว้นแต่คำสั่งทาง

ปกครองจะได้ทำขึ้นเพราะการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอก

ให้แจ้งหรือการข่มขู่หรือการชักจูงใจโดยการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่มิชอบด้วย

กฎหมาย

ภายในเวลาเก้าสิบวัน หรือ ภายหลังเวลาเก้าสิบวัน ครับ
บันทึกการเข้า
Prathet
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 56
ออฟไลน์

กระทู้: 596


« ตอบ #34 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 12:09:18 AM »

ก็พอรู้บางครับ อ่านอยู่ผมสมควร ผมเรียนนิติศาสตร์ ปี1 ครับ และกำลังเรียน นิติปรัชญา


ผมไม่ได้บอกว่าผมถูกนะครับ แต่ว่าผมก็ยังไม่เคยเห็น คำพิพากษาฎีกาที่บอกล่าช้า ครับ หรือท่านใดมี ช่วยกรุณานำมา เผยแพร่ เป็นความรู้เพิ่มเติมให้ผมด้วยครับ
น้องครับ ใจเย็นๆ ครับ  ลองฟังท่านผู้รู้แต่ละท่านอธิบายครับ

กฎหมายมีหลายประเภทครับ
การตีความกฎหมายอาญา   กฎหมายแพ่ง  และกฎหมายมหาชน มีความแตกต่างกันครับ

จะเอาหลักในเรื่องการตีความตามกฎหมายแพ่งไปอธิบายกฎหมายที่มีลักษณะเป็นกฎหมายมหาชน จะเข้ารกเข้าพงครับ เศร้า

เรียนไปเรื่อยๆ จะรู้เองครับ   อธิบายตอนนี้ จะงงครับ

ขอบพระคุณครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

A well regulated Militia, being necessary to the security of a free State, the right of the people to keep and bear Arms, shall not be infringed.(Second Amendment to the United States Constitution Article 2)
Ferocious
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 266


« ตอบ #35 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 12:16:53 AM »

ok ครับ 90 วัน


ผมผิดผมผิดยอมรับครับ

คือเมื่อเรายืน อุทธรณ์ เรามีสิทธิ ได้รับ การแจ้งเตือนในขั้นแรกภายใน 30วัน

และหลังจากเรา ร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาผู้ออกคำสั่งผู้ออกคำสั่ง จะออกคำสั่ง

และผู้ออกคำสั่งมีสิทธิ 90วัน



กราบขออภัย ท่านสุพิน ครับ


เจตนาณ์ผมคือว่า ถ้าเราร้องโดยตรงที่ผู้ออกคำสั่งและผู้ออกคำสั่งไม่มีคำตอบ ภายใน30วัน เราสามารถร้องเรียนผู้ออกคำสั่งได้ครับ
และพอร้องเรียนไป ก็จะเข้าตามหลักต่อๆมา คือ ผู้บังคำบัญชาผู้ออกคำสั่ง สั่งผู้ออกคำสั่ง และผู้ออกคำสั่งมีสิทธิ อีก 90วัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 12:24:01 AM โดย Ferocious » บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #36 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 12:36:11 AM »

ก่อนออกความเห็น  ให้หาความรู้มาก ๆ ครับ
เกณฑ์ล่าช้า  ยังปรากฏอยู่ในกฎหมายอีกหลายฉบับ  เช่นตาม พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๓๘  ซึ่งอยู่ที่ ๑๕ วัน หรือสั้นกว่านั้น   ถ้าขยัน รู้จักติดตามข้อกำหนดตามมาตรา ๓๗
บันทึกการเข้า
at75
Hero Member
*****

คะแนน 99
ออฟไลน์

กระทู้: 3511



« ตอบ #37 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 12:36:30 AM »

 ผมว่า Ferocious ควรศึกษากฎหมายให้ แตกฉาน ก่อน นะครับ การโต้แย้ง เรื่องหลักการเหตุ ผล นั้นเป้นเรื่องดี แต่ต้องยึดในหลัก วิชา อ่ะไรที่ยังไม่รุ้แจ้ง ควรซักถาม ขอความรู้ พ.ร.บ วิปฎิบัติ ฯ นั้น มีมาตรา ที่ให้ ทำการแก้ไขความเดือดร้อน ก่อน ทำการฟ้อง ศาลปกครอง ผม ตีกรอบ แคบๆให้ ดุง่ายๆนะครับ การฟ้อง ศาลปกครอง ได้ มี  กฎ , คำสั่งทางปกครอง , สัญญาทางปกครอง, การกระทำอื่นใด, และการปฎิบัติการทางปกครอง  การจะฟ้องที่ต้องแก้ไขความเดือดร้อน โดยการอุธรณ์ นั้น มีเพียงเรื่องเดียวคือ การ ออกคำสั่ง
 การอุธร ตามมาตรา 44-45 ที่คุณยกมานั้น เรียกง่ายๆ ว่าการอุธร สองชั้น  คือ ถ้า คำสั่งทางปกครอง ออกมาต้องยื่นอุธรณ์ภาย ใน15วัน เจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่ง ต้องพิจารณา ให้เสร้จ ใน30วัน ถ้าเห้นด้วยในคำอุธรทั้งหมดหรือ บางส่วน ให้แก้ไข คำสั่งนั้น แล้วแจ้งต่อผุ้อุธรณ์ แต่ถ้าไม่เห้นด้วยก็ให้แจ้งผู้บังคับบัญชา ของเจ้าหน้าที่ ของผุ้ออกคำสั่งโดยโดยอัตโนมัติ ผู้บังคับบัญชาของผุ้ออกคำสั่ง มีเวลาพิจารณา30วันถ้าไม่เสร้จ ให้ต่อ ได้อีก 30วัน รวม ระยะเวลาการ พิจารณาอุธรณ์ คือ 90วัน  แล้ว จึงนำไปพิจารณาประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งฯ มาตรา49-51 ในอายุความการฟ้อง คดี

หมายเหตุ การแก้ไขความเดือดร้อน การ อุธรณ์ นั้น ขั้นตอนหรือ วิธีการอุธรณ์ จะมีข้อยกเว้น ไม่ใช้ ขั้นตอน ตาม .พ.ร.บ วิธีปฎิบัติราชการทางปกครองฯ  ให้ดูตาม มาตร3 ซึ่งวางหลักไว้ ว่า ให้ยกเว้น ถ้าหาก หน่วยงานทางปกครอง ใดได้กำหนดวิธีปฎิบัติราชการทางปกครองในเรื่อง ใดไว้โดยเฉพาะ หรือ มีหลักเกณฑ์ที่ประกันความเป้นธรรมหรือมี มีมาตรฐานในการปฎิบัติราชการที่ไม่ต่ำกว่า ใน มาตรา นี้ ให้ใช้วิธีปฎิบัติราชการ ทางปกครอง ตามที่หน่วยงานของ ตนได้กำหนดไว้


ในการที่เรียนเกี่ยวกับกฎหมายแกครองนั้น จะใช้  3พ.ร.บหลัก ๆในการเรียนและพิจารณา คือ
1.พ.ร.บ จัดตั้งศาลปกครองฯ (เกี่ยวกับ ขอบเขตุ และ อำนาจของศาลปกครอง)
2.พ.ร.บ วิธีปฎิบัติราชการทางปกครองฯ (เกี่ยวกับขั้นตอนในการ ดำเนิการทางปกครอง)
3.พ.ร.บ การทำละเมิดฯ (เกี่ยวกับการกระทำละมิด ที่อยุ่ ในอำนาจของศาล ปกครองหรือ ยุติธรรมและการใช้มาตรกรบังคับที่เกียวกับ พ.ร.บ วิปฎิบัติฯ)
  
การเรียกฎหมายนั้นมิใช่เพียงแต่ เลือกเอาเฉพาะบาง มาตรามาใช้เท่านั้น แต่ต้องใช้ มาตรา และ พ.ร.บ ทีเกี่ยวข้องกันประกอบในการพิจารณาด้วย จึงจะสมบูรณ์ และก่อน จะเอา กฎหมาย หมาย อื่น มาปรับใช้ หรือเที่ยบ เคียง นั้น ก็ต้องรุ้ให้ ถ่องแท้เสียก่อนว่า พ.ร.บ ต่างๆที่เกี่ยวข้อง นั้น ได้กำหนด มาตรา ต่างๆ ไว้สำหรับเรื่องนั้นด้วยหรือปล่าว ก่อน จะไปนำ กฎหมายอื่น มาปรับใช้ เพราะมันจะผิด การนำ เอา ครูบาอารณ์ มาอ้าง โดยที่ตน อาจเรียน หรือ ฟังมาโดยไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆ อย่างถ่องแท้ ก้ทำให้ครู บาอาจารณ์ ของเรา เสียหายไปด้วย นะครับ อย่างไร ลองอ่านที่ผม ยก ตัวบทต่างๆมาให้ดุอาจทำให้เข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 12:46:53 AM โดย at75 » บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #38 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 12:57:01 AM »

ผมว่า Ferocious ควรศึกษากฎหมายให้ แตกฉาน ก่อน นะครับ การโต้แย้ง เรื่องหลักการเหตุ ผล นั้นเป้นเรื่องดี แต่ต้องยึดในหลัก วิชา อ่ะไรที่ยังไม่รุ้แจ้ง ควรซักถาม ขอความรู้ พ.ร.บ วิปฎิบัติ ฯ นั้น มีมาตรา ที่ให้ ทำการแก้ไขความเดือดร้อน ก่อน ทำการฟ้อง ศาลปกครอง ผม ตีกรอบ แคบๆให้ ดุง่ายๆนะครับ การฟ้อง ศาลปกครอง ได้ มี  กฎ , คำสั่งทางปกครอง , สัญญาทางปกครอง, การกระทำอื่นใด, และการปฎิบัติการทางปกครอง  การจะฟ้องที่ต้องแก้ไขความเดือดร้อน โดยการอุธรณ์ นั้น มีเพียงเรื่องเดียวคือ การ ออกคำสั่ง
 การอุธร ตามมาตรา 44-45 ที่คุณยกมานั้น เรียกง่ายๆ ว่าการอุธร สองชั้น  คือ ถ้า คำสั่งทางปกครอง ออกมาต้องยื่นอุธรณ์ภาย ใน15วัน เจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่ง ต้องพิจารณา ให้เสร้จ ใน30วัน ถ้าเห้นด้วยในคำอุธรทั้งหมดหรือ บางส่วน ให้แก้ไข คำสั่งนั้น แล้วแจ้งต่อผุ้อุธรณ์ แต่ถ้าไม่เห้นด้วยก็ให้แจ้งผู้บังคับบัญชา ของเจ้าหน้าที่ ของผุ้ออกคำสั่งโดยโดยอัตโนมัติ ผู้บังคับบัญชาของผุ้ออกคำสั่ง มีเวลาพิจารณา30วันถ้าไม่เสร้จ ให้ต่อ ได้อีก 30วัน รวม ระยะเวลาการ พิจารณาอุธรณ์ คือ 90วัน  แล้ว จึงนำไปพิจารณาประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งฯ มาตรา49-51 ในอายุความการฟ้อง คดี

หมายเหตุ การแก้ไขความเดือดร้อน การ อุธรณ์ นั้น ขั้นตอนหรือ วิธีการอุธรณ์ จะมีข้อยกเว้น ไม่ใช้ ขั้นตอน ตาม .พ.ร.บ วิธีปฎิบัติราชการทางปกครองฯ  ให้ดูตาม มาตร3 ซึ่งวางหลักไว้ ว่า ให้ยกเว้น ถ้าหาก หน่วยงานทางปกครอง ใดได้กำหนดวิธีปฎิบัติราชการทางปกครองในเรื่อง ใดไว้โดยเฉพาะ หรือ มีหลักเกณฑ์ที่ประกันความเป้นธรรมหรือมี มีมาตรฐานในการปฎิบัติราชการที่ไม่ต่ำกว่า ใน มาตรา นี้ ให้ใช้วิธีปฎิบัติราชการ ทางปกครอง ตามที่หน่วยงานของ ตนได้กำหนดไว้


ในการที่เรียนเกี่ยวกับกฎหมายแกครองนั้น จะใช้  3พ.ร.บหลัก ๆในการเรียนและพิจารณา คือ
1.พ.ร.บ จัดตั้งศาลปกครองฯ (เกี่ยวกับ ขอบเขตุ และ อำนาจของศาลปกครอง)
2.พ.ร.บ วิธีปฎิบัติราชการทางปกครองฯ (เกี่ยวกับขั้นตอนในการ ดำเนิการทางปกครอง)
3.พ.ร.บ การทำละเมิดฯ (เกี่ยวกับการกระทำละมิด ที่อยุ่ ในอำนาจของศาล ปกครองหรือ ยุติธรรมและการใช้มาตรกรบังคับที่เกียวกับ พ.ร.บ วิปฎิบัติฯ)
  
การเรียกฎหมายนั้นมิใช่เพียงแต่ เลือกเอาเฉพาะบาง มาตรามาใช้เท่านั้น แต่ต้องใช้ มาตรา และ พ.ร.บ ทีเกี่ยวข้องกันประกอบในการพิจารณาด้วย จึงจะสมบูรณ์ และก่อน จะเอา กฎหมาย หมาย อื่น มาปรับใช้ หรือเที่ยบ เคียง นั้น ก็ต้องรุ้ให้ ถ่องแท้เสียก่อนว่า พ.ร.บ ต่างๆที่เกี่ยวข้อง นั้น ได้กำหนด มาตรา ต่างๆ ไว้สำหรับเรื่องนั้นด้วยหรือปล่าว ก่อน จะไปนำ กฎหมายอื่น มาปรับใช้ เพราะมันจะผิด การนำ เอา ครูบาอารณ์ มาอ้าง โดยที่ตน อาจเรียน หรือ ฟังมาโดยไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆ อย่างถ่องแท้ ก้ทำให้ครู บาอาจารณ์ ของเรา เสียหายไปด้วย นะครับ อย่างไร ลองอ่านที่ผม ยก ตัวบทต่างๆมาให้ดุอาจทำให้เข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น

เชื่อไหมครับว่า เดิมทีเดียว วิ ปกครอง กับ การทำละเมิด  เป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน
เมื่อยี่สิบปีก่อน  ตอนที่ผมยังทำงานเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายอยู่  เป็นผู้แทนหน่วยงาน  ไปร่วมพิจารณาร่างกฎหมายเรื่องนี้ในสมัยท่านนายกอานันท์
คุณอานันท์  เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย  ที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่าจะปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  และท่านก็ทำจริง ๆ
ต่อมา ในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา   อาจารย์มีชัย  เป็นคนแยกกฎหมายนี้ออกมาเป็น ๒ ฉบับ
บันทึกการเข้า
นายกระจอก
Full Member
***

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 152



« ตอบ #39 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 01:14:30 AM »

ขอบคุณทุกท่าน ในบอร์ดนี้นะครับ  ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะ  จะได้นำไปใช้เป็นแนวทางมั่ง 
บันทึกการเข้า




อย่าหวังพึ่งคนอื่น  ถ้าไม่หัดพึ่งตนเองก่อน
at75
Hero Member
*****

คะแนน 99
ออฟไลน์

กระทู้: 3511



« ตอบ #40 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 03:22:52 AM »

ผมว่า Ferocious ควรศึกษากฎหมายให้ แตกฉาน ก่อน นะครับ การโต้แย้ง เรื่องหลักการเหตุ ผล นั้นเป้นเรื่องดี แต่ต้องยึดในหลัก วิชา อ่ะไรที่ยังไม่รุ้แจ้ง ควรซักถาม ขอความรู้ พ.ร.บ วิปฎิบัติ ฯ นั้น มีมาตรา ที่ให้ ทำการแก้ไขความเดือดร้อน ก่อน ทำการฟ้อง ศาลปกครอง ผม ตีกรอบ แคบๆให้ ดุง่ายๆนะครับ การฟ้อง ศาลปกครอง ได้ มี  กฎ , คำสั่งทางปกครอง , สัญญาทางปกครอง, การกระทำอื่นใด, และการปฎิบัติการทางปกครอง  การจะฟ้องที่ต้องแก้ไขความเดือดร้อน โดยการอุธรณ์ นั้น มีเพียงเรื่องเดียวคือ การ ออกคำสั่ง
 การอุธร ตามมาตรา 44-45 ที่คุณยกมานั้น เรียกง่ายๆ ว่าการอุธร สองชั้น  คือ ถ้า คำสั่งทางปกครอง ออกมาต้องยื่นอุธรณ์ภาย ใน15วัน เจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่ง ต้องพิจารณา ให้เสร้จ ใน30วัน ถ้าเห้นด้วยในคำอุธรทั้งหมดหรือ บางส่วน ให้แก้ไข คำสั่งนั้น แล้วแจ้งต่อผุ้อุธรณ์ แต่ถ้าไม่เห้นด้วยก็ให้แจ้งผู้บังคับบัญชา ของเจ้าหน้าที่ ของผุ้ออกคำสั่งโดยโดยอัตโนมัติ ผู้บังคับบัญชาของผุ้ออกคำสั่ง มีเวลาพิจารณา30วันถ้าไม่เสร้จ ให้ต่อ ได้อีก 30วัน รวม ระยะเวลาการ พิจารณาอุธรณ์ คือ 90วัน  แล้ว จึงนำไปพิจารณาประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งฯ มาตรา49-51 ในอายุความการฟ้อง คดี

หมายเหตุ การแก้ไขความเดือดร้อน การ อุธรณ์ นั้น ขั้นตอนหรือ วิธีการอุธรณ์ จะมีข้อยกเว้น ไม่ใช้ ขั้นตอน ตาม .พ.ร.บ วิธีปฎิบัติราชการทางปกครองฯ  ให้ดูตาม มาตร3 ซึ่งวางหลักไว้ ว่า ให้ยกเว้น ถ้าหาก หน่วยงานทางปกครอง ใดได้กำหนดวิธีปฎิบัติราชการทางปกครองในเรื่อง ใดไว้โดยเฉพาะ หรือ มีหลักเกณฑ์ที่ประกันความเป้นธรรมหรือมี มีมาตรฐานในการปฎิบัติราชการที่ไม่ต่ำกว่า ใน มาตรา นี้ ให้ใช้วิธีปฎิบัติราชการ ทางปกครอง ตามที่หน่วยงานของ ตนได้กำหนดไว้


ในการที่เรียนเกี่ยวกับกฎหมายแกครองนั้น จะใช้  3พ.ร.บหลัก ๆในการเรียนและพิจารณา คือ
1.พ.ร.บ จัดตั้งศาลปกครองฯ (เกี่ยวกับ ขอบเขตุ และ อำนาจของศาลปกครอง)
2.พ.ร.บ วิธีปฎิบัติราชการทางปกครองฯ (เกี่ยวกับขั้นตอนในการ ดำเนิการทางปกครอง)
3.พ.ร.บ การทำละเมิดฯ (เกี่ยวกับการกระทำละมิด ที่อยุ่ ในอำนาจของศาล ปกครองหรือ ยุติธรรมและการใช้มาตรกรบังคับที่เกียวกับ พ.ร.บ วิปฎิบัติฯ)
  
การเรียกฎหมายนั้นมิใช่เพียงแต่ เลือกเอาเฉพาะบาง มาตรามาใช้เท่านั้น แต่ต้องใช้ มาตรา และ พ.ร.บ ทีเกี่ยวข้องกันประกอบในการพิจารณาด้วย จึงจะสมบูรณ์ และก่อน จะเอา กฎหมาย หมาย อื่น มาปรับใช้ หรือเที่ยบ เคียง นั้น ก็ต้องรุ้ให้ ถ่องแท้เสียก่อนว่า พ.ร.บ ต่างๆที่เกี่ยวข้อง นั้น ได้กำหนด มาตรา ต่างๆ ไว้สำหรับเรื่องนั้นด้วยหรือปล่าว ก่อน จะไปนำ กฎหมายอื่น มาปรับใช้ เพราะมันจะผิด การนำ เอา ครูบาอารณ์ มาอ้าง โดยที่ตน อาจเรียน หรือ ฟังมาโดยไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆ อย่างถ่องแท้ ก้ทำให้ครู บาอาจารณ์ ของเรา เสียหายไปด้วย นะครับ อย่างไร ลองอ่านที่ผม ยก ตัวบทต่างๆมาให้ดุอาจทำให้เข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น

เชื่อไหมครับว่า เดิมทีเดียว วิ ปกครอง กับ การทำละเมิด  เป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน
เมื่อยี่สิบปีก่อน  ตอนที่ผมยังทำงานเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายอยู่  เป็นผู้แทนหน่วยงาน  ไปร่วมพิจารณาร่างกฎหมายเรื่องนี้ในสมัยท่านนายกอานันท์
คุณอานันท์  เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย  ที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่าจะปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  และท่านก็ทำจริง ๆ
ต่อมา ในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา   อาจารย์มีชัย  เป็นคนแยกกฎหมายนี้ออกมาเป็น ๒ ฉบับ

ขอบพระคุณ ท่านผู้การ ครับ กระผมได้เกร้ด ความรุ้ เพิ่มอีกแล้ว ครับ ไหว้ พอจำได้เล็กน้อยว่าตอนร่าง พ.ร.บ ต่างๆเกี่ยวกับการจัดตั้งศาลปกครองนั้น ก็มีตัวแทนของศาลทหาร ร่วม ร่าง และพิจารณา พ.ร.บ. เหล่านี้ด้วยครับ   ผมต้องเรียนรุ้ อีก มาก ขอบพระคุณ ท่านผู้การอย่างสุงครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
at75
Hero Member
*****

คะแนน 99
ออฟไลน์

กระทู้: 3511



« ตอบ #41 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 04:14:54 AM »

ชัดเชนครับ มาตรา 63 บอกแค่ว่าเรามีสิทธิ อุทธรณ์ภายในกำหนดสามสิบวัน และไม่ได้บอกครับว่า ต้องนานเพียงใดจึงจะ ล่าช้า

เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ พอมีเรื่องหรือ กรณีขึ้น เป็นหน้าที่ของผู้พิพากษาหรือถ้าเป็นศาลปกครอง ตุลาการ ครับ

ที่จะต้องหาข้อกฎหมายที่มีกำหนดในกรณีที่ใกล้เคลียงกัน มาเพื่อเทียบเคียงหรือปรับคดี

ในกรณีคือ คำว่า ล่าช้า เมื่อ พ.ร.บ. อาวุธปืน ไม่บอกว่าล่าช้าคือเมื่อใด ก็ต้องมีการตีความ คันหาถึงเจตนารมณ์ ของกฎหมายนั้นๆ และ ไทย มักจะใข้หลักเรื่องการนำ คำพิพากษาฎีกา หรือ กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง มาปรับคดี

ดังนั้นจึง ต้องหาคำพิพากษาที่มีบอกว่า ล่าช้า คือเมื่อใด หรือ กฎหมายที่มีบัญญัติว่า ล่าช้า คือ เมื่อใดมาใช้เทียบครับ



เพิ่มเติมอีกนึดนึงครับ ในการปรับคดี นั้น อาจใช้ จารีตประเพณีท้องถิ่งนั้นมาใช้ก็ได้ครับ
และ มีอีกข้อครับเพื่อเพิ่มความเข้าใจ คือในการ สู้คดีกันในชั้นศาล หากฝ่ายใด อ้างคำพิพากษาฎีกา ฝ่ายนั้น ชนะเกือบทุกครั้ง อาจมีบางกรณีที่มีการพิพากษา หักล้างคำพิพากษาฎีกาเดิม


เข้ารก เข้าพงไปแล้ว
ก็บอกแล้วว่าต้องอ่านกฎหมายให้ครบ   ไม่ต้องไปถึงจารีต ประเพณีหรอก
เกณฑ์ล่าช้าอยู่ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๕  คือหกสิบวัน บวกกับระยะเวลาที่คำอุทธรณ์ไปจากนายทะเบียนถึงรัฐมนตรี

แต่เมื่อพ้น วิ ปกครองมาตรา ๔๕ แล้ว ก็ยังฟ้องไม่ได้  เพราะศาลปกครองมีกฎหมายของตัวเอง  ซ่อนอยู่ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ.  ๒๕๔๒  มาตรา ๔๙ นั่นแหละ   คือ ๙๐ วันหลังจากยื่นอุทธรณ์




  มาตรา ๔๕  ให้เจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง พิจารณาคำอุทธรณ์และ

แจ้งผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ ในกรณีที่เห็นด้วย

กับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก็ให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองตาม

ความเห็นของตนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวด้วย

                        ถ้าเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมด

หรือบางส่วนก็ให้เร่งรายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์ภายใน

กำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบ

วันนับแต่วันที่ตนได้รับรายงาน ถ้ามีเหตุจำเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา

ดังกล่าว ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบก่อนครบกำหนดเวลา

ดังกล่าวในการนี้ ให้ขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณ์ออกไปได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ครบ

กำหนดเวลาดังกล่าว

                        เจ้าหน้าที่ผู้ใดจะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคสองให้เป็นไปตาม

ที่กำหนดในกฎกระทรวง

                        บทบัญญัติมาตรานี้ไม่ใช้กับกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น


30วันครับ กฎหมายบอกว่าต้องเสร็จใน 30วันครับ แต่ถ้าไม่ทันก็ ขยายเวลาได้ 30วัน แต่

ก่อนที่จะขยายเวลานั้นจะต้อง ทำหนังสือให้ผู้ขอรับอุทธรณ์ก่อนครับ แล้วจึง ขยาดเวลาได้


มาตรา ๔๙ วรรค2 การเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มีลักษณะเป็นการให้ประโยชน์ต้องกระทำ

ภายในเก้าสิบวันนับแต่ได้รู้ถึงเหตุที่จะให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองนั้น เว้นแต่คำสั่งทาง

ปกครองจะได้ทำขึ้นเพราะการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอก

ให้แจ้งหรือการข่มขู่หรือการชักจูงใจโดยการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่มิชอบด้วย

กฎหมาย

ภายในเวลาเก้าสิบวัน หรือ ภายหลังเวลาเก้าสิบวัน ครับ

                                                                                   พระราชบัญญัติ

                                                           จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

                                                                                    พ.ศ. ๒๕๔๒

มาตรา ๔๙  การฟ้องคดีปกครองจะต้องยื่นฟ้องภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่รู้ หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีหรือ นับแต่วันที่พ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอต่อหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดและไม่ได้รับหนังสือชี้แจงจากหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือได้รับแต่เป็นคำชี้แจงที่ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าไม่มีเหตุผล แล้วแต่กรณี เว้นแต่จะมีบทกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

                                                                                  พระราชบัญญัติ

                                                                      วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

                                                                                    พ.ศ. ๒๕๓๙


                                                                                      ส่วนที่ ๕

                                                                      การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง

                   

 

มาตรา ๔๔  ภายใต้บังคับมาตรา ๔๘ ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองใดไม่ได้ออกโดยรัฐมนตรี และไม่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครองไว้เป็นการเฉพาะ ให้คู่กรณีอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองนั้นโดยยื่นต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครองภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ตนได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว

คำอุทธรณ์ต้องทำเป็นหนังสือโดยระบุข้อโต้แย้งและข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่อ้างอิงประกอบด้วย

การอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง เว้นแต่จะมีการสั่งให้ทุเลาการบังคับตามมาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง

 

มาตรา ๔๕  ให้เจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง พิจารณาคำอุทธรณ์และแจ้งผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ ในกรณีที่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก็ให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองตามความเห็นของตนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวด้วย

ถ้าเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก็ให้เร่งรายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ตนได้รับรายงาน ถ้ามีเหตุจำเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบก่อนครบกำหนดเวลาดังกล่าว ในการนี้ ให้ขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณ์ออกไปได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ครบกำหนดเวลาดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ผู้ใดจะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคสองให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

บทบัญญัติมาตรานี้ไม่ใช้กับกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น




อันนี้ผมจะสรุป ให้ฟัง ง่ายๆนะครับ การฟ้อง ศาลปกครอง ฟ้องได้2 แบบ ตาม พ.ร.บ จัดตั้งฯ ม.49
1.สามรถฟ้อง ได้เลย โดยไม่ต้อง อุธร คือ  กฎ , สัญญาทางปกครอง, การกระทำอื่นใดฯ,และการปฎิบัติการทางปกครอง และพ.ร.บ จัดตั้งฯ ให้ฟ้องภายใน90วัน ม.49 ตัวหนังสือ สีแดง
2.ต้องอุธรก่อนฟ้อง(คำสั่งทางปกครอง) ถ้าอุธรณ์ไปแล้วพ้นกำหนด90วันไม่ได้รับคำชี้แจง หรือ ได้รับคำชี้แจงแต่ผู้ฟ้อง คดีเห้นว่าเป้นคำชี้แจงที่ไม่มีเหตุผลตามพ.ร.บ จัดตั้งฯ  ม.49 แล้วไม่ได้รับคำตอบ ตามที่ผมทำแถบสีฟ้าให้ดู จึงจะสามารถฟ้องศาลปกครองได้

คำสั่งทางปกครอง ที่มีข้อ ยกเว้น ให้สามารถ ฟ้องได้เลยโดยไม่ต้องอุธรณ์ นั้น คือ คำสั่งทางปกครอง ที่ออกโดย รัฐมนตรี และ คณะกรรมการ ครับ

แหลางข้อมูลอ้างอิงทางกฎหมาย http://www.krisdika.go.th/home.jsp
บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #42 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 06:23:24 AM »

แล้วท่านผู้การให้ผมผิด หรือ ท่านนาจาผิดครับ ผมอ่านแล้ว งง เศร้า

ขำอะไรกันครับ....
ไม่มีใครผิดหรอกครับ หากเราไม่รู้ และไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง รวมทั้งผมด้วย
ลองศึกษาเพิ่มอีกนิดครับ สำหรับ ม.๖๓ พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ ว่าไว้แบบนี้ครับ

มาตรา ๖๓ ถ้านายทะเบียนท้องที่ปฏิเสธการออกใบอนุญาตตามพระราช บัญญัตินี้ ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตอาจอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับแจ้งการปฏิเสธเป็นหนังสือ
คำอุทธรณ์ให้ยื่นต่อนายทะเบียนท้องที่ และให้นายทะเบียน เสนอคำอุทธรณ์นั้นต่อรัฐมนตรีโดยมิชักช้า คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้แจ้งเป็นหนังสือไปยัง ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาต
          ในกรณีที่มีการอุทธรณ์ ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้เพื่อการ ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนท้องที่ให้ส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรซึ่งอาวุธปืนหรือ เครื่องกระสุนปืนตามมาตรา ๑๗ หรือให้จัดการจำหน่ายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือ วัตถุระเบิดตามมาตรา ๖๔ ให้นับแต่วันที่ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยของ รัฐมนตรีและเมื่อได้ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีแล้ว การปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนท้องที่นั้น ให้พักไว้จนถึงวันที่ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี
          คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด


ด้วยความเคารพท่านนาจา ไหว้  ผมขำที่คุณFerocious บอกให้ท่านไปอ่านข้อกฎหมายให้ละเอียด
ทำให้ผมนึกถึงภาษิต สอนสังฆราชให้ว่ายน้ำ  คิก คิก

และก็ต้องขอบคุณคุณFerociousที่เปิดประเด็น ทำให้ท่านผู้รู้ออกมาบรรยายความ ผมจึงได้ความรู้ด้วยครับ  Grin

บันทึกการเข้า
นายขม รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 99
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1377


ที่ว่างปลายปากกระบอกปืน


« ตอบ #43 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 07:20:44 AM »

แล้วท่านผู้การให้ผมผิด หรือ ท่านนาจาผิดครับ ผมอ่านแล้ว งง เศร้า

ขำอะไรกันครับ....
ไม่มีใครผิดหรอกครับ หากเราไม่รู้ และไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง รวมทั้งผมด้วย
ลองศึกษาเพิ่มอีกนิดครับ สำหรับ ม.๖๓ พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ ว่าไว้แบบนี้ครับ

มาตรา ๖๓ ถ้านายทะเบียนท้องที่ปฏิเสธการออกใบอนุญาตตามพระราช บัญญัตินี้ ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตอาจอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับแจ้งการปฏิเสธเป็นหนังสือ
คำอุทธรณ์ให้ยื่นต่อนายทะเบียนท้องที่ และให้นายทะเบียน เสนอคำอุทธรณ์นั้นต่อรัฐมนตรีโดยมิชักช้า คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้แจ้งเป็นหนังสือไปยัง ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาต
          ในกรณีที่มีการอุทธรณ์ ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้เพื่อการ ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนท้องที่ให้ส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรซึ่งอาวุธปืนหรือ เครื่องกระสุนปืนตามมาตรา ๑๗ หรือให้จัดการจำหน่ายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือ วัตถุระเบิดตามมาตรา ๖๔ ให้นับแต่วันที่ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยของ รัฐมนตรีและเมื่อได้ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีแล้ว การปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนท้องที่นั้น ให้พักไว้จนถึงวันที่ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี
          คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด


ด้วยความเคารพท่านนาจา ไหว้  ผมขำที่คุณFerocious บอกให้ท่านไปอ่านข้อกฎหมายให้ละเอียด
ทำให้ผมนึกถึงภาษิต สอนสังฆราชให้ว่ายน้ำ  คิก คิก

และก็ต้องขอบคุณคุณFerociousที่เปิดประเด็น ทำให้ท่านผู้รู้ออกมาบรรยายความ ผมจึงได้ความรู้ด้วยครับ  Grin




  ไหว้ ขออนุญาติขำพี่ธำรงครับ  คิก คิก คิก คิก

ผมว่าสุภาษิตเขามีแต่  สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ  กับอีกอัน  สอนหนังสือสังฆราช 

เอ หรือว่า พี่ธำรง ขำข้ามไปอีกชอร์ต Shocked  ผมตามไม่ทัน   คิก คิก  คิก คิก
บันทึกการเข้า

ผมจ่ายภาษีให้มาดูแลรักษาบ้านเมือง ไม่ใช่ให้มายืนดูคนเผาบ้านเผาเมือง
นาจา™รักในหลวง
คุณธรรม...นำสู่ยุติธรรม
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 268
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11147



เว็บไซต์
« ตอบ #44 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2009, 07:21:47 AM »

แล้วท่านผู้การให้ผมผิด หรือ ท่านนาจาผิดครับ ผมอ่านแล้ว งง เศร้า

ขำอะไรกันครับ....
ไม่มีใครผิดหรอกครับ หากเราไม่รู้ และไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง รวมทั้งผมด้วย
ลองศึกษาเพิ่มอีกนิดครับ สำหรับ ม.๖๓ พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ ว่าไว้แบบนี้ครับ

มาตรา ๖๓ ถ้านายทะเบียนท้องที่ปฏิเสธการออกใบอนุญาตตามพระราช บัญญัตินี้ ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตอาจอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับแจ้งการปฏิเสธเป็นหนังสือ
คำอุทธรณ์ให้ยื่นต่อนายทะเบียนท้องที่ และให้นายทะเบียน เสนอคำอุทธรณ์นั้นต่อรัฐมนตรีโดยมิชักช้า คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้แจ้งเป็นหนังสือไปยัง ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาต
          ในกรณีที่มีการอุทธรณ์ ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้เพื่อการ ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนท้องที่ให้ส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรซึ่งอาวุธปืนหรือ เครื่องกระสุนปืนตามมาตรา ๑๗ หรือให้จัดการจำหน่ายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือ วัตถุระเบิดตามมาตรา ๖๔ ให้นับแต่วันที่ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยของ รัฐมนตรีและเมื่อได้ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีแล้ว การปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนท้องที่นั้น ให้พักไว้จนถึงวันที่ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี
          คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด


ด้วยความเคารพท่านนาจา ไหว้  ผมขำที่คุณFerocious บอกให้ท่านไปอ่านข้อกฎหมายให้ละเอียด
ทำให้ผมนึกถึงภาษิต สอนสังฆราชให้ว่ายน้ำ  คิก คิก

และก็ต้องขอบคุณคุณFerociousที่เปิดประเด็น ทำให้ท่านผู้รู้ออกมาบรรยายความ ผมจึงได้ความรู้ด้วยครับ  Grin



ขอบคุณครับผู้การ และพี่ธำรงครับ ไหว้
ไม่ขนาดนั้นครับ ถ้าถกเกี่ยวกับเรื่องนี้พี่ธำรงและผู้การล่ะเชี่ยวชาญเลยครับ Cheesy

บันทึกการเข้า

อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.13 วินาที กับ 21 คำสั่ง