เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 11, 2025, 12:58:50 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เซฟทีคัท  (อ่าน 19558 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
pira
Jr. Member
**

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 39


« เมื่อ: มีนาคม 15, 2009, 11:18:06 PM »

เซฟทีคัท

พอดีได้อ่านกระทู้ของสมาชิก เรื่องให้ระวังอุปกรณ์ไฟฟ้าชอร์ต
จึงอยากติดตั้ง  เซฟทีคัท  เพื่อแก้ไขป้องกันในเรื่องไฟฟ้าชอร์ต
ไม่ทราบว่า  ท่านใดพอมีคำแนะนำเกี่ยวกับอุปกรณ์ดังว่ามานี้หรือไม่ครับ
ตลอดจนถึงกับความคุ้มค่าของอุปกรณ์ กับเงินที่จ่ายไปในยุคที่ต้องระวังการใช้จ่าย
ขอบคุณกับคำตอบล่วงหน้าครับ   Smiley
บันทึกการเข้า
charoen
Jr. Member
**

คะแนน 3
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 36


« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 12:52:35 PM »

  การติดตั้งเซฟทีคัท  จะตัดเวลาไฟช๊อตในระบบไฟฟ้าหรือไฟดูดตัวเรา แต่ไม่ได้เป็นเครื่องป้องกันนะครับ
 การที่จะให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ระบบไฟฟ้าต้องป็นแบบ 3 สาย  คือมีสายไฟ (PHASE),
  สาย นิวตรอนและสายดิน (GROUND) แต่ทั้งนี้การเดินสายไฟฟ้าต้องได้มาตราฐาน ไม่เช่นนั้นถ้ามีจุดไหนรั่ว
  ลงดินเครื่องจะตัด หรือเปิดได้สักพักก็จะตัดโดยเฉพาะจุดที่ติดตั้งในที่มีความชื้น หรือโดนฝน เช่นไฟรั้ว.ไฟสนาม
  ซึ่งการตรวจสอบจะทำได้ลำบาก จึงต้องป้องกันตั้งแต่เริ่มเดินสายไฟฟ้าครับ
บันทึกการเข้า
thitipun-รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 108
ออฟไลน์

กระทู้: 846


c.a.s.c. "changaut alumni shooting club"


« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 01:13:23 PM »

  การติดตั้งเซฟทีคัท  จะตัดเวลาไฟช๊อตในระบบไฟฟ้าหรือไฟดูดตัวเรา แต่ไม่ได้เป็นเครื่องป้องกันนะครับ
 การที่จะให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ระบบไฟฟ้าต้องป็นแบบ 3 สาย  คือมีสายไฟ (PHASE),
  สาย นิวตรอนและสายดิน (GROUND) แต่ทั้งนี้การเดินสายไฟฟ้าต้องได้มาตราฐาน ไม่เช่นนั้นถ้ามีจุดไหนรั่ว
  ลงดินเครื่องจะตัด หรือเปิดได้สักพักก็จะตัดโดยเฉพาะจุดที่ติดตั้งในที่มีความชื้น หรือโดนฝน เช่นไฟรั้ว.ไฟสนาม
  ซึ่งการตรวจสอบจะทำได้ลำบาก จึงต้องป้องกันตั้งแต่เริ่มเดินสายไฟฟ้าครับ

ใช่ครับ ถ้าเป็นบ้านเก่าจะมีปัญหามาก กรณีมีปัญหาส่วนมากจะปรับมาที่ direct ทำให้ไม่มีผลต่อการป้องกัน จะให้ดีติดตั้งสายกราวด์เฉพาะจุดที่ตัวอุปกรณ์ดีกว่าครับ
บันทึกการเข้า

หัวใจหนุ่มในร่างที่แก่ ดีกว่า หัวใจท้อแท้ในร่างที่หนุ่ม
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 01:25:29 PM »

แนะนำ แบบ เซอร์กิต เป็นจุด ๆ ไป จะดีกว่า รวมทั้งระบบครับ

บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
ต่อครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 216
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4088


(** ^0^ **)


« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 02:48:06 PM »

ถ้ารวมทั้งระบบ แนะนำให้ทำตั้งแต่แรกครับ

ตู้เย็น แอร์ เครื่องปั๊มน้ำ ไฟสนาม ปลั๊กต่างๆ เดินไฟให้ดีๆ ใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพครับ

ไม่งั้นจะประสบปัญหาไฟตัดบ่อยๆอย่างที่หลายๆท่านบอกครับ
บันทึกการเข้า

________________________________________

เพื่อชาติ<>ราชบัลลังค์.....ร่วมปกป้องสถาบัน.....
birdwhistle...รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 218
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1293


« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 07:50:04 PM »

ไม่น่าเรียกว่า เซฟทีคัตนะครับ....เหมือนเราเรียกผงซักฟอกว่า "แฟ้บ"

หรือเรียกการถ่ายเอกสารว่า "ซีร็อกซ์"

เซฟทีคัต เป็นชื่อยี่ห้อหนึ่งเท่านั้น

ไอ้เจ้าตัวนี้มันมีชื่อเต็มว่า Ground Fault Interrupter Switch หรือเรียกสั้น ๆ ว่า F.I. Switch หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Earth Leakage Switch  หมายถึง สวิตช์ที่ตัดวงจรออกเมื่อมีการรั่วลงดิน  เพื่อป้องกันอันตรายอันเกิดจากกระแสไฟฟ้ารั่วลงดิน

มันจะตัดเมื่อมีกระแส "รั่วลงดิน" เท่านั้นนะครับ

ถ้าท่าน เท้าแห้ง มือแห้ง ยืนบนยางรถยนต์แห้ง ๆ ที่เป็นฉนวน อย่างดี แต่ "ดันทะลึ่ง" ดันเอามือ 2 ข้าง ไปจับสายไฟ 220 โวลต์ ข้างละเส้น กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านตัวท่านจนท่าน "สอบชิงทุนไปนอกโลก" โดยที่เจ้า F.I. Switch ไม่ว่าจะยี่ห้อใด ก็ตาม จะไม่ตัดวงจรเลย

มันจะตัดวงจรเมื่อกระแสไหลผ่านตัวท่านลงดินจนมีค่ามากพอที่มันจะทำงานเท่านั้น เราเรียกค่านั้นว่า ค่ากระแสรั่ว  ซึ่งมักมีค่าระหว่าง 5-30 mA 

บางยี่ห้อนำเซอร์กิตเบรคเกอร์ชนิดมีปุ่มหรือกระเดื่อง "Test" อยู่ด้านล่าง มาเป็นตัวตัดวงจรเมื่อกระแสรั่ว มันจึงทำหน้าที่ได้ 2 อย่างคือ ตัดเมื่อไฟรั่วลงดิน กับ ตัดเมื่อใช้กระแสเกินพิกัด ซึ่งยี่ห้อ "เซฟทีคัต"ก็เป็นยี่ห้อหนึ่งในหลาย ๆ ๆ  ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้





 






 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 16, 2009, 08:12:41 PM โดย birdwhistle » บันทึกการเข้า

เมื่อมั่งมี มิตรมากมาย มาหมายมอง  
เมื่อมัวหมอง มิตรมอง เหมือนหมูหมา
ไม่มั่งมี มิตรมากมาย ไม่มีมา
แม้มอดม้วย มิตรหมูหมา ไม่มามอง
birdwhistle...รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 218
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1293


« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 08:06:39 PM »

ข้อเสียของการใช้ F.I. Switch แบบตัวเดียวตัดทั้งบ้าน โดยเฉพาะแบบที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มความไวในการตัดของค่ากระแสรั่ว เช่นที่ 5 mA นั้น คือ เมื่ออากาศชื้นตามสภาพอากาศของประเทศสยามเรา  จะมีการรั่วของกระแสไฟฟ้าผ่านฉนวนของสายไฟฟ้าไปทั่วบ้านในปริมาณต่ำมาก ๆ ๆ ๆ ๆ  ซึ่งเป็นปกติ แต่บางครั้งความไวของมันทำให้ F.I. Switch ทำงาน ตัดไฟ ทั้งบ้าน ทั้ง ๆ ที่ระบบของเราปกติ  พอตัดวงจรออกหมดแล้วสับ F.I. Switchg-มันก็ต่อวงจร แต่พอเราค่อย ๆ ต่อวงจรย่อยในบ้านเราทีละวงจร พอโยกต่อเบรคเกอร์วงจรย่อยหลาย ๆ วงจรเข้ามันก็จะตัดอีก ต้องปรับค่ากระแสรั่วให้สูงขึ้นมันจึงไม่ตัด

ข้อแนะนำ
ควรติดตั้งระบบสายดินที่สมบูรณ์แบบในระบบไฟฟ้าเพื่อการป้องกันที่ดีที่สุด แต่หากจะใช้ F.I. Switch ควรใช้เฉพาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นอย่าง ๆ ไปเท่านั้นเช่น เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น แล้วเลือกซื้อแบบที่ตัดวงจรที่กระแสรั่ว 15 mA ซึ่งจะราคาตัวละประมาณ 500กว่าบาทเท่านั้นทั้งนี้ต้องใช้ร่วมกับระบบสายดินด้วย

มาตรฐานการป้องกันไฟดูดเมื่อกระแสรั่วลงดินที่ดีที่สุดคือติดตั้งระบบสายดินที่ถูกต้อง ส่วน F.I.Switch ควรเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมระบบสายดินเป็นจุด ๆ เท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องทำน้ำอุ่นทุกเครื่องจะเขียนว่า ให้ติดตั้งสายดินเพราะหากไม่ติดตั้งสายดินและเกิดไฟรั่วขณะอาบน้ำ "ได้สอบชิงทุนไปนอกโลก" แน่นอน

โปรดสังเกตุว่า การไฟฟ้าบังคับให้ต้องมีระบบบสายดินในบ้านที่ขอไฟใหม่ แต่ไม่บังคับให้ติด F.I.Switch


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 16, 2009, 08:10:42 PM โดย birdwhistle » บันทึกการเข้า

เมื่อมั่งมี มิตรมากมาย มาหมายมอง  
เมื่อมัวหมอง มิตรมอง เหมือนหมูหมา
ไม่มั่งมี มิตรมากมาย ไม่มีมา
แม้มอดม้วย มิตรหมูหมา ไม่มามอง
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 08:31:56 PM »

ไม่น่าเรียกว่า เซฟทีคัตนะครับ....เหมือนเราเรียกผงซักฟอกว่า "แฟ้บ"

หรือเรียกการถ่ายเอกสารว่า "ซีร็อกซ์"

เซฟทีคัต เป็นชื่อยี่ห้อหนึ่งเท่านั้น

ไอ้เจ้าตัวนี้มันมีชื่อเต็มว่า Ground Fault Interrupter Switch หรือเรียกสั้น ๆ ว่า F.I. Switch หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Earth Leakage Switch  หมายถึง สวิตช์ที่ตัดวงจรออกเมื่อมีการรั่วลงดิน  เพื่อป้องกันอันตรายอันเกิดจากกระแสไฟฟ้ารั่วลงดิน

มันจะตัดเมื่อมีกระแส "รั่วลงดิน" เท่านั้นนะครับ

ถ้าท่าน เท้าแห้ง มือแห้ง ยืนบนยางรถยนต์แห้ง ๆ ที่เป็นฉนวน อย่างดี แต่ "ดันทะลึ่ง" ดันเอามือ 2 ข้าง ไปจับสายไฟ 220 โวลต์ ข้างละเส้น กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านตัวท่านจนท่าน "สอบชิงทุนไปนอกโลก" โดยที่เจ้า F.I. Switch ไม่ว่าจะยี่ห้อใด ก็ตาม จะไม่ตัดวงจรเลย

มันจะตัดวงจรเมื่อกระแสไหลผ่านตัวท่านลงดินจนมีค่ามากพอที่มันจะทำงานเท่านั้น เราเรียกค่านั้นว่า ค่ากระแสรั่ว  ซึ่งมักมีค่าระหว่าง 5-30 mA 

บางยี่ห้อนำเซอร์กิตเบรคเกอร์ชนิดมีปุ่มหรือกระเดื่อง "Test" อยู่ด้านล่าง มาเป็นตัวตัดวงจรเมื่อกระแสรั่ว มันจึงทำหน้าที่ได้ 2 อย่างคือ ตัดเมื่อไฟรั่วลงดิน กับ ตัดเมื่อใช้กระแสเกินพิกัด ซึ่งยี่ห้อ "เซฟทีคัต"ก็เป็นยี่ห้อหนึ่งในหลาย ๆ ๆ  ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้








ใช่เลยครับ ที่บ้านใช้ไฟ ๓ Phase ติดตั้ง ยี่ห้อ เซฟทีคัท ระดับ ๕,๑๕, ๒๕ mA  และ่ต่อตรง โดยมีเบรคเกอร์ แยก
อุปกรณ์ อีก ๒๔ จุด ไว้ใช้สำหรับตัดไฟแยกเป็นจุด ๆ กรณี ต้องยุ่งเกี่ยวกับไฟ  แต่เมื่อเกิดไฟลัดวงจร
ไฟรั่ว ไฟดูด เครื่องจะตัดไฟดับทั้งบ้าน  จะต้องไป ผลัก F.I. Switch..

ผมเคยถูกไฟจากเครื่องทำน้ำร้อนดูด ขณะเผลอฉีดน้ำเพื่อทำความสะอาด
แรงดูด รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยโดน ตัวกระตุกชา และ เซฟทีคัท ตัดทันทีช่วยเอาไว้ ตอนนั้นตั้งไว้ที่ ๑๕ mA

เวลาหน้าฝน อากาศชื้น ถ้าเผลอตั้งไว้ที่ ๕ mA  เซฟทีคัท จะตัดประจำ.  Grin
บันทึกการเข้า

J
Sr. Member
****

คะแนน 185
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 834



« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 10:17:57 PM »

ขออนุญาตจขกท.ถามเพิ่มเติมด้วยครับ
1.breaker ทำงานอย่างไรครับ 
2.แล้วกรณีเราถูกไฟดูด เบรกเกอร์จะทำงานไหมครับ
3.ไฟไหม้ทีเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรนี่เบรกเกอร์จะช่วยป้องกันได้ไหมครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 10:58:47 PM »


circuit breaker หมายถึง อุปกรณ์ที่ทำงาน เปิดและปิดวงจรไฟฟ้า แบบไม่อัตโนมัติ แต่สามารถเปิดวงจรได้อัตโนมัติ ถ้ามีกระแสไหลผ่าน เกินกว่าค่าที่กำหนด โดยไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น




ฟิวส์กับเบรคเกอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เหมือนกัน คือ ตัดตอนระบบไฟฟ้าออกจากโหลด เมื่อโหลดมีค่ากระแสเกินพิกัด ของอุปกรณ์ที่กำหนดไว้ที่ฟิวส์และเบรคเกอร์

ฟิวส์และเบรคเกอร์ ใช้หลักการตรวจจับที่เหมือนกัน คือ การตรวจจับเฉพาะกระแส ( ไม่พูดถึงอุปกรณ์ตัวพ่วงต่างๆที่อยู่ที่เบรคเกอร์
under Voltage , Shunt trip )


ฟิวส์แตกต่างจากเบรคเกอร์ตรงที่ ฟิวส์เมื่อทำการตัดวงจรออกแล้ว ต้องทำการเปลี่ยนใหม่ ต่างจากเบรคเกอร์ ตรงที่สามารถ รีเซ็ท ค่าแล้วสามารถใช้งานได้ต่อไปอีก
ข้อดีของฟิวส์ คือ การให้ความเสถียรภาพ ในการตัดวงจรได้ดีกว่า เบรคเกอร์ ฉะนั้นในการออกแบบระบบที่ต้องการเสถียรภาพในการตัดวงจร ค่อนข้างสูง จึงต้องมีการนำเอาฟิวส์มาต่อร่วมกับเบรคเกอร์ โดยมีการ Co-ordinate กัน ให้เบรคเกอร์ทำการตัดวงจรก่อน แต่ ถ้า เบรคเกอร์ไม่ตัด ฟิวส์จะทำหน้าที่ตัดวงจรเอง


ไฟดูด ถ้ากระแสเกิน ก็ตัดครับ  แต่ ตัวเรา รับกระแส ไปก่อนแล้ว
ไฟไหม้ ที่เกิดจากการลัดวงจร   เบรกเกอร์ตัดครับ
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
indojeen@รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 364
ออฟไลน์

กระทู้: 2702



« ตอบ #10 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 11:16:31 PM »

แต่ละท่านอธิบายมาพอสมควร

ไอ้ตัวที่เจ้าของกระทู้  ผมว่าไม่สมราคาที่จ่ายครับ

เอาแค่ตัวนี้  เหลือเฟือครับ

http://www.pu14.com/Home/square-d
บันทึกการเข้า
pira
Jr. Member
**

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 39


« ตอบ #11 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 11:32:16 PM »

ขอขอบคุณทุกท่านกับคำตอบ และข้อเสนอแนะ
ขออนุญาตเรียนถามต่อครับว่า
ถ้าสายไฟฟ้าของการไฟฟ้า  ที่วางสายผ่านหน้าบ้านเป็นแบบ 2 เส้น
จึงเดาว่า เป็น 2 เฟส  ดังนี้ ถ้าเดินสายไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นแบบ 3 เส้น
จะสอดคล้องกันกับ 2 เฟสของการไฟฟ้าหรือไม่ครับ   Smiley
บันทึกการเข้า
indojeen@รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 364
ออฟไลน์

กระทู้: 2702



« ตอบ #12 เมื่อ: มีนาคม 17, 2009, 12:12:27 AM »

ขอขอบคุณทุกท่านกับคำตอบ และข้อเสนอแนะ
ขออนุญาตเรียนถามต่อครับว่า
ถ้าสายไฟฟ้าของการไฟฟ้า  ที่วางสายผ่านหน้าบ้านเป็นแบบ 2 เส้น
จึงเดาว่า เป็น 2 เฟส  ดังนี้ ถ้าเดินสายไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นแบบ 3 เส้น
จะสอดคล้องกันกับ 2 เฟสของการไฟฟ้าหรือไม่ครับ   Smiley

ภายในบ้านถ้าเป็นแบบสองเพสก็ไม่มีปัญหาครับ
เพราะเดินสามเส้น  อีกเส้นต่อลงดินซะ  เดี่ยวนี้ขออนุญาติ
สร้างบ้าน หรือขอไฟใหม่  เค้าบังคับให้มีกราวน์ดดินแล้วครับ
บันทึกการเข้า
birdwhistle...รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 218
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1293


« ตอบ #13 เมื่อ: มีนาคม 17, 2009, 11:14:53 AM »

บ้านอยู่อาศัยทั่วไปหรือกิจการขนาดเล็กเช่นร้านก๋วยเตี๋ยว หรือร้านสะดวกซื้อจะเป็นระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟส 2 สาย 220 โวลต์ ครับ

ระบบไฟฟ้าแรงต่ำในบ้านเราจะมีเพียง 2 ระบบเท่านั้นคือ

1. ระบบ 1 เฟส 2 สาย 220 โวลต์ ประกอบด้วยสายนิวตรอล (Neutral)หรือ N  และ Line หรือ L โดยสาย N จะใช้สายสีขาวหรือเทาเสมอ (ยกเว้นช่างชาวบ้านมักเข้าใจผิดมานานนับศตวรรษ "ทะลึ่ง" ใช้สีดำเป็นสาย N )  ส่วนสาย L เป็นสายที่มีไฟ จะใช้สี "ดำ" เสมอ อันนี้ก็ยกเว้นช่างชาวบ้านหลายคนด้วยที่ใช้สีเทาแล้วยังดื้อเถียงคอเป็นเอ็นอีก 

2. ระบบ 3 เฟส 4 สาย  380/220 โวลต์ ประกอบด้วย สายนิวตรอล  สาย L1 สาย L2 และสาย L3 หากวัดแรงเคลื่อนไฟฟ้าระหว่าง สาย L เส้นใดเส้นหนึ่งกับสาย N จะได้ 220 โวลต์ แต่ถ้าวัดแรงเคลื่อนระหว่าง L ด้วยกันจะวัดได้ 380 โวลต์

ทั้งนี้สาย N นั้นการไฟฟ้าจะต่อลงดินไว้ที่ตรงหม้อแปลงไว้แล้ว มันจึงไม่มี่ไฟ "จับได้ กอดได้  จูบได้ อมได้ ไฟไม่ดูด"  ส่วนสาย L นั้นมีไฟ 220 โวลต์เมื่อเทียบกับสาย N หรือเทียบกับ "ดิน"

ถ้าเรามีระบบสายดินที่สมบูรณ์ของเราเอง จะทำให้ระบบไฟ 1 เฟสของเรามี 3 สาย คือ L, N และ E  หรือในระบบไฟ 3 เฟส จะมี 5 สายคือ L1, L2, L3, N และ E

การมีระบบสายดินที่สมบูรณ์ทั้งระบบ  ก็เพียงพอที่จะป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่วผ่านตัวเราลงดินแล้วครับ

   
   
     




 
บันทึกการเข้า

เมื่อมั่งมี มิตรมากมาย มาหมายมอง  
เมื่อมัวหมอง มิตรมอง เหมือนหมูหมา
ไม่มั่งมี มิตรมากมาย ไม่มีมา
แม้มอดม้วย มิตรหมูหมา ไม่มามอง
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #14 เมื่อ: มีนาคม 17, 2009, 07:00:31 PM »

เพื่อนๆตอบได้ละเอียดดีครับ ผมเพิ่มเติมให้อีกนิดๆหน่อยๆนะครับ

เราอาจจะจัดลักษณะการตัด ( Trip ) ได้จาก 3 สาเหตุหลักๆที่ใกล้ตัวการใช้งานแบบบ้านอยู่อาศัยได้ดังนี้

1) ตัดเมือกระแสเกิน  เนื่องจากอุปกรณ์กินกระแสมากผิดปรกติ ซึ่งทางวิศวกรรมเรียก Over-load
2) ตัดเมื่อกระแสเกิน  เนื่องจากการลัดวงจร  ทางวิศวกรรมเรียก Short Circuit
3) ตัดเมื่อเกิดไฟรั่ว ( Earth Leak หรือ Ground Fault )

Over-load กับ Short Circuit ดูเหมือนจะคล้ายกัน เพราะตัดเมื่อกระแสเกิน  แต่ก็ต่างกัน กล่าวคือ 

Overload จะเกินไม่มาก เช่น CB ( Circuit Breaker ) 10 A. หากกระแสเกินเป็น 15 A จะใช้เวลาประมาณ 1 นาทีจึงจะตัด หากเกินสูงขึ้นไปถึง 20 A. ก็จะตัดในเวลาที่เร้วขึ้นคือประมาณ 10 วินาที  ลักษณะ Overload นี้มักจะเกิดขึ้นในกรณี อุปกรณ์ไฟฟ้ามีความผิดปรกติจนกินกระแสเกินสเปคของอุปรณ์นั้นๆ  ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆเช่น เลื่อยไฟฟ้า  หากเราป้อนชิ้นงานเข้าไปมากๆ จะทำให้เลื่อยเกิดอาการ Overload ทำให้ดึงกระแสเกินจากปรกติ เป็นอันตรายทั้งกับอุปกรณ์และสายไฟ  หรือกรณีเปิดปั้มน้ำแล้วเกิดท่อดูดน้ำดูดโดนก้อนกรวดเข้าไปติดในใบพัด เป็นต้น   การที่ Overload ไม่ตัดเร็วเพราะ กระแสไม่ได้สูงขึ้นมากจนต้องรีบตัด อีกทั้งอาการ Overload อาจจะเกิดขึ้นชั่วคราวแล้วหายไป เค้าจึงออกแบบให้การทำงานเป็นเช่นนี้ครับ  ผิดกับ ...

Short Circuit  กรณีนี้กระแสจะพุ่งขึ้นเร็วมาก เกิดจากการที่ขั้ว Line และ N มาลัดวงจรเจอกันโดยไม่ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆเลย ตามบ้านอาจสูงถึง 6,000 - 10,000 A. ในเสี้ยววินาที  ตามโรงงานอาจถึง 35,000 - 65,000 A.   จึงต้องรีบตัดให้เร็ว  หากกระแสเกินขึ้นไปถึง 5 เท่า ของพิกัด CB ตัวนั้น เช่น CB 10 A. หากพบกระแสเกินไปจนถึง 50 A. CB จะตัดภายในเวลาเพียง 0.01 วินาทีเท่านั้นครับ  หากหลายเท่ากว่านี้ก็จะสั้นลงเหลือ 0.005 วินาที  เพราะหากช้า สายไฟไหม้ ตามมาด้วยบ้านไฟไหม้ครับ

อุปกรณ์ใน CB ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนนึงทำหน้าที่ตัด Overload ( มักใช้ Bi-Metal เป็นตัวสั่งให้ตัด )  อีกส่วนทำหน้าที่ตัด Short Circuit ( ตัวเล็กๆใช้อุปกรณ์คล้าย Soleniod และตัวใหญ่ใช้ Solid state หรือ Electronic สั่งตัด)

* การกำหนดขนาด Ampere ของ CB ซึ่งเรียกกันว่า Amp trip นั้น ต้อง ... ต้อง  ไม่มี Amp trip สูงกว่าค่าที่สายไฟฟ้าในวงจรนั้นทนได้  มิฉะนั้น  สายไฟจะไหม้ก่อนที่ CB จะตัด

ส่วนการตัดเมื่อไฟรั่วนั้น  ปัจจุบัน ใครที่ยังไม่ตายเพราะถูกไฟดูดต้องถือว่ามีโอกาสป้องกันตัวเองได้ง่ายขึ้น เพราะอุปกรณ์มีให้หาใช้ได้แพร่หลาย หาง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก  การไฟฟ้าฯเองก็ได้ออกกฎให้บ้านที่ปลูกสร้างใหม่ต้องมีสายดินแล้ว  ซึ่งจริงๆแล้วทั้งสองเรื่องที่ว่ามา ในประเทศที่พัฒนาแล้วเค้าตื่นตัวและบังคับใช้มาเป็นหลายสิบปีก่อนนี้แล้วครับ

ผมเคยไปสัมนาในต่างประเทศเมื่อสัก 10 กว่าปีก่อน  มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายประเทศ  ถึงตอนที่เค้าเสวนากันเรื่องระบบ Grounding หรือสายดินของแต่ละประเทศ  ทุกประเทศก็เล่าให้ฟังว่าของตนเป็นระบบไหน  พอถึงตาผม  ...  รู้ว่าตอบไปก็อายเค้า แต่ก็เลี่ยงไม่ได้  จำต้องบอกไปว่า  ไม่มีสายดิน  โห แต่ละคนตาลุกด้วยความแปลกใจ เพื่อนชาวสิงคโปร์บอก อือ ค่าของชีวิตคนในประเทศคุณช่างน้อยจริงๆนะ น่าเสียดาย  ฮ่าๆๆ

อย่างที่เพื่อนๆกล่าวมาถูกต้องแล้วครับ  ให้ดีต้องมีทั้งสายดิน และ อุปกรณ์ตัดไฟดูด  ( Earth Leak Circuit Breaker )  เสริมอีกนิดว่า แท่งกราวน์ ( Ground Rod ) ควรยาวไม่น้อยกว่า 8 ฟุตนะครับ  เชื่อว่าเกือบทุกบ้านยาวไม่ถึง  บ้านผมเองก็จำไม่ได้ว่าตอนนั้นช่างใส่ขนาดไหนให้ แต่ก็เชื่อว่าไม่ถึง เร็วๆนี้จะหา 8 ฟุตมาซ้ำลงไปอีกต้นครับ

เดี๋ยวมาต่อเรื่องตัวตัดไฟดูดอีกนิดนึงครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 21 คำสั่ง