
ทุ่งนาหน้าฝนมันมีมนต์ขลัง มนต์ของความชุ่มเขียวขจี
นึกๆก็แปลก...
ทุ่งนาแหล่งผลิตข้าวเลี้ยงคนทั้งชาติ แต่ชาวนากลับจนแสนจน

+เขาไม่สามารถกำหนดราคาผลผลิตของเขาเองได้
+คนกำหนดราคา กลับไม่ใช่ผู้ผลิต แต่เวลาเราไปซื้อเสื้อผ้า
เรากลับต้องซื้อตามราคาที่ร้านกำหนดไว้ แปลก...+
+
+
ผมคิดเรื่อยเปื่อยขณะเดินตาม แกะรอยเป็ดตัวที่หายไป
มืดเข้าทุกทีฝนก็ตกๆหยุดๆ นี่จะเข้า 2 ทุ่มแล้ว
มือกำไฟฉายและปืนจนชื้นเหงื่อ ปืนยาวอยู่ในรถไม่กล้าเอามา ใช้สไตเออร์ครับงานนี้
+.....ถ้ามีลูกซองสักกระบอกคงจะดี แต่ป่วยการคิด เมียฮิตเลอร์คงไม่ยอม

+จ๋อมๆๆๆ จ๋อมๆๆๆๆ
เอ๊ะเสียงอะไร

ผมเล็งปืนไปที่เสียง ก่อนที่จะฉายไฟตาม...แว้บ
เป็ดครับ....กำลังย่ำนาข้าว เละหมดแล้วนาตู
ผมเซฟปืนแล้วไล่ต้อนเป็ด
ต้อนซ้าย มันไปขวา ต้อนขวา มันไปซ้าย
บางนียืนเฉยกลางแปลงนา ต้องลงลุย
จะจับตัว มันก็ตีปีกวิ่ง แล้วบินเรี่ยยอดกล้า
ข้าวหักเป็นทาง
ไม่ไหวครับ...จั่งสี้มันต้องยิง

ผมเดืนกลับไปเอา 452 มาจัดการกับเป็ดพะโล้ตัวนี้โดยเฉพาะ
ปล่อยไว้เสียหายหมดแน่
+ เล็ง ระยะ 15 มตรเองครับ แบบเผาขนเลยล่ะ
ปังงงงง
ผมขึ้นมาต้มน้ำทิ้งไว้ก่อนกลับไปบ้าน ไปเอาเครื่องแกง
และซื้อเหล้าขาว 1 ขวดใหญ่ เสือ 11 ตัวอีกซอง
กินเบียร์มันอืดมากไปครับ กินเหล้าสีก็เปลืองโซดา
บักสองซาวนี่แหละ ง่ายดี

+
+
กว่าจะได้กิน อบเป็ดใต้น้ำ ก็ย่างเข้า 5 ทุ่ม ก็ทำคนเดียวเนาะ

+
กลิ่นหอมเครื่องปรุงโชยไปไกล ไกลจน.....
+
โฮ่งๆ โฮ้งงงงงง....
แว่วเสียงลอยมาไม่ไกล คล้ายๆจะพูดว่า...
+ กินนำแหน่ กินด้วยเด้อ อิอิ

+ เอาไงดี ผม จะยิงหรือจะเฉย.........
