ยังพอจำได้อยู่ครับ
พ่อถูกฆ่าลูกล้างแค้นดวลดับ2โจรใต้!กัดฟันสู้ซัดลูกซองชนะเอ็ม16เผย2แนวร่วมค่าหัวรวม8แสนค้น"บ้านบือราแง"รวบ11ตัวป่วน ลูกชาย ผช.ผู้ใหญ่บ้าน บือมัง จ.ยะลา ใจเด็ด กัดฟันสู้ยิงปะทะโจรเดือด หลังบิดาตกเป็นเหยื่อดับอนาถ ขณะที่ สองโจรใต้ค่าหัวเกือบล้าน ไปไม่รอดถูกซัลโวดับตาม พบมีประวัติโชกโชนเป็นถึงหัวโจกชุดคอมมาโด เคลื่อนไหวในพื้นที่ ส่วน ผช. ผญบ. ปัตตานี และ สาวหม้าย เซ่นไฟใต้อีก จนท. กว่า 200 นายสนธิกำลัง ปิดล้อมหมู่บ้านบือราแง เมืองนราฯ ค้น 110 หลังคาเรือน บุกรวบ 11 แนวร่วมป่วนใต้ “บิ๊กบัง” ล่องใต้ดึงองค์กรอิสลาม 14 จว. ถกปัญหาแก้ไฟใต้ ส่วน คนสงขลาตักบาตรพระ 266 วัด อุทิศส่วนกุศลให้เหยื่อไฟใต้
ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นับวันจะยืดเยื้อยาวนานขึ้นทุกวัน เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 8 ก.ย. พ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผกก.สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส พ.ต.ต.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง ผบ.ร้อย นปพ.ภ.จว. นราธิวาส ที่ 2 สนธิกำลังตำรวจ ทหาร กว่า 200 นาย นำหมายพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านบือราแงหมู่ 3 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส จำนวน 15 จุด 110 หลังคาเรือน ซึ่งเป็นบ้านผู้ต้องสงสัยคดีก่อเหตุความไม่สงบป่วนใต้
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งมีหมายจับ พ.ร.ก.จำนวน 11 ราย คือนายอาดือมัน อาแวหนุ, นายฮายรี ยูโซ๊ะ, นายอุสมาน ฮารีแปเราะ, นายมูหามัดสกรี ฮารีแปเราะ, นายไฟซอล อายิ, นายสัมซี ยูโซ๊ะ, นายมะยากี เถาะ, นายเจ๊ะบอราเฮง เจ๊ะสาแม, นายเฮรี อูมา, นายซาฮาลูเด็ง ยูหนุ๊ และนายฮันดี เจ๊ะเต๊ะ พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนลูกซองยาวพร้อมกระสุน ปุ๋ยยูเรียน้ำหนัก 1 กก. ในขณะเข้าทำการตรวจค้นได้มีผู้ต้องสงสัย 1 ราย วิ่งหลบหนีลงจากบ้านเลขที่ 7 หมู่ 3 บ้านบือราแง ทราบชื่อนายรอมลี เจ๊ะแว อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับและเป็นผู้ต้องหาที่เคยก่อเหตุป่วนใต้บุคคล สำคัญ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างปิดล้อมไล่ล่าตัวแต่ยังไม่พบตัว ภายหลังทางเจ้าหน้าที่ได้นำของกลางพร้อมควบคุมผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไปสอบสวน ขยายผลหาแนวร่วมและผู้ให้การสนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังในการก่อเหตุป่วนใต้ ต่อไป
ต่อมาที่ จ.ยะลา พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.อ.บันนังสตา รับแจ้งเหตุยิงกันตาย ที่บ้านเลขที่ 16 ริมถนนสายทางลัดเงาะกาโปร์-เขื่อนบางลาง บ้านเงาะกาโปร์ หมู่ 8 ต.บันนังสตา พร้อมกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพ นางวันลิตา มาชัย อายุ 31 ปี นอนเสียชีวิตอยู่หลังบ้าน สภาพศพถูกยิงที่กลางหลัง และศีรษะ รวม 3 นัด ห่างกันพบปลอกกระสุนปืน 11 มม. จำนวน 3 ปลอกตกอยู่ สอบสวนทราบว่าผู้ตายมีอาชีพกรีดยางพารา และเป็นแม่ม่าย ที่เพิ่งหย่าร้างกับสามีเก่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายกำลังเดินทางเข้าบ้าน ได้มีคนร้ายเป็นวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถ จยย.มาจอดหน้าบ้าน แล้วชักปืนยิงใส่ ก่อนที่ผู้ตายพยายามจะวิ่งหนีไปหลังบ้าน คนร้ายยังตามไปจ่อยิงศีรษะซ้ำจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจจะสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป
ขณะที่ จ.สงขลา พ.ต.ต.เสวี วุ่นหนู สวส.สภ.ต.ห้วยปลิง อ.เทพา รับแจ้งเหตุยิงกันตายในป่าสวนยางพื้นที่หมู่ 8 ต.วังใหญ่ อ.เทพา จ.สงขลา จึงไปตรวจสอบพบศพ นายบาเฮง เจะเต๊ะ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/1 หมู่ 2 ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.ท่าน้ำ ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 เข้าที่ลำตัว 7 นัด เสียชีวิตอยู่ในป่าสวนยาง ในที่เกิดเหตุพบ ปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุคนตายได้ออกไปช่วยภรรยากรีดยางและถูกคนร้ายใช้ปืนเอ็ม 16 ซุ่มยิงจนเสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ ซึ่งก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์
ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 ส่วนหน้า ได้สรุปยอดผู้ถูกเชิญตัวในคดีความมั่นคง ณ ปัจจุบันนี้มีดังนี้ ศูนย์เสริมสร้างสมานฉันท์ ณ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนอง จิก จ.ปัตตานี มีจำนวน 121 คน เป็นชาย 118 คน หญิง 3 คน และที่ศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า ยะลา จำนวน 21 คน รวมสรุปยอดผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมดในขณะนี้ 142 คน ด้าน พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผอ.กอ.รมน. กล่าวว่า ในระยะนี้เป็นช่วงที่กลุ่มคนร้ายมีการเคลื่อนไหว และกระจายลงในพื้นที่เพื่อก่อเหตุร้ายโดยมุ่งโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน ผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการสนธิกำลังและตั้งจุดตรวจจุดสกัดในเส้นทางที่ คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี พร้อมทั้งจัดชุดกำลังไล่ล่า หน่วยเคลื่อนที่เร็วออกปฏิบัติการโดยรอบของพื้นที่ต่อไปแล้ว
ที่โรงแรมวีแอล หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. เดินทางไปเป็นประธานในการประชุมสัมมนา เรื่องบทบาทองค์กรอิสลามกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีคณะกรรมการอิสลามทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ รวมกว่า 100 คน เข้าประชุมโดยมี พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.สำเร็จ ศรีร่าย ผบ.พตท. เข้าร่วมด้วย อย่างไรก็ตามในการประชุมสัมมนาครั้งนี้ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด ท่ามกลางมาตรการการรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุมของเจ้าหน้าที่ ทั้งบริเวณโรงแรมและหน้าห้องประชุม
พล.อ.สนธิ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาหลักที่คนใน 3 จังหวัดแก้เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ต่อไปนี้จะให้ทั้ง 14 จังหวัดเข้ามาให้ความร่วมมือและช่วยกันแก้ ทั้งในภาคองค์กรศาสนาโดยเฉพาะคณะกรรมการอิสลามทั้ง 14 จังหวัด และในภาคของประชาชน ซึ่งปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หากมีจังหวัดข้างเคียงเข้ามาช่วยจะเป็นขวัญกำลังใจและทำ ให้การแก้ปัญหาง่ายขึ้น ทั้งนี้การพบปะกับผู้นำศาสนาทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ในครั้งนี้ ตนได้อธิบายแนวทางการแก้ปัญหาในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุม นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ปัตตานี ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกให้กับ พล.อ.สนธิ พร้อมกับเปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นให้กับ พล.อ.สนธิ คือ ต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญในเรื่องของการศึกษาของเยาวชน และควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับผิดชอบในเรื่องของกระบวนการจัดการศึกษา ทั้งระบบ และเรื่องของทุนการศึกษา เพราะการศึกษาจะเป็นส่วนสำคัญต่ออนาคตของเยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะจะสามารถพัฒนาศักยภาพของคนในพื้นที่และไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ ไม่หวังดี ซึ่งทาง พล.อ.สนธิ รับที่จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้
ด้าน นายประยงค์ รัตนพันธ์ รอง ผวจ.สงขลา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ 109 รูป ที่บริเวณสนามฟุตบอล รร.มหาวชิราวุธสงขลา เขตเทศบาลนครสงขลา โดยจะนำข้าวสารอาหารแห้งที่ได้รับจากการทำบุญตักบาตร ไปถวายให้กับพระสงฆ์ 266 วัด ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับการจัดพิธีทำบุญตักบาตรในครั้งนี้จะร่วมถวายสังฆทานเพื่อนำภัตตาหาร ถวายแด่พระสงฆ์ 266 วัด และอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาด ไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีข้อเสนอให้ยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วง ระยะเวลาถือศีลอดในเดือนรอมฎอนนั้น ตนได้เสนอเรื่องไปแล้วแต่ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้พิจารณา เนื่องจากติดภารกิจ และหากยกเลิก ได้ก็จะเป็นประโยชน์ เพราะช่วงเวลาการทำละหมาดจะเพิ่มขึ้นเกินเวลา 21.00 น. ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. กล่าวถึงสถานการณ์ในภาคใต้ ว่า ได้เน้นย้ำดูแลข้าราชการครูเป็นพิเศษ พร้อมขอความร่วมมือกับประชาชนให้ช่วยสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ ด้วย
เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.ต.พงษ์พันธุ์ คำวุ้น สภ.ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันบนเทือกเขาบ้านดุซงตาวา หมู่ 3 ต.มือมัง อ.รามัน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพนายอาลียะ แมะแซ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/2 หมู่ 3 บ้านดุซงตาวา ซึ่งเป็น ผช.ผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ สภาพศพถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 เข้าตามลำตัวหลายนัด ห่างออกไปพบศพนายบือราเฮง ลีเกียะ อายุ 28 ปี และนาย ซาการียา มะซุเป๊ะ อายุ 29 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้กัน สภาพศพถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่ลำตัวและศีรษะ
จากการสอบสวนนายอันบาฮา แมะแซ อายุ 20 ปี ลูกชายนายอาลียะ ให้การว่า ขณะที่ตนและบิดากำลังกลับบ้านพัก ได้มีคนร้ายซึ่งทราบชื่อภายหลัง คือนายบือราเฮง และนายซาการียา ใช้ปืนยิงใส่พวกตน จนบิดาเสียชีวิต ขณะที่ตน ซึ่งเป็น ชรบ.ของหมู่บ้าน ใช้ปืนลูกซองยาวยิงตอบโต้กับคนร้าย จนทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิต สำหรับนายซาการียา มะซุเป๊ะ เป็นคนร้ายที่ทางราชการเพิ่งตั้งรางวัลนำจับ 5 แสนบาท รวมถึงนายบือราเฮง ลีเกียะ ก็เช่นกันมีรางวัลนำจับ 3 แสนบาท ในคดีความมั่นคงหลายคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งสองเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบระดับ หัวหน้าปฏิบัติการชุดคอมมานโด ที่ก่อเหตุในพื้นที่เขต อ.รามัน จ.ยะลา
ถัดมาเมื่อเวลา 19.00 น. พ.ต.อ. กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ได้นำกำลังตำรวจ ทหาร กว่า 30 นาย เข้าปิดล้อมบริเวณบ้านฮอแตกูแล หมู่ 3 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี หลังจากสายข่าวรายงานว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับเข้ามาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ กระทั่งสามารถจับกุม นายยาการียา มะ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ จ.56/2550 ลงวันที่ 5 ก.พ. 50 ในคดีฆ่าและเผา นายนนท์ ไชยสุวรรณ ผอ.โรงเรียนชุมชนบางเก่า อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 49 ทั้งนี้ จากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ในการจับกุมครั้งนี้ถือว่าสามารถตัดเขี้ยวเล็บของกลุ่มขบวนการในพื้นที่ได้ เนื่องจากข้อมูลในทางลับพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นถึงระดับแกนนำในพื้นที่ และเคยก่อเหตุอุกฉกรรจ์มาแล้วหลายครั้ง.--จบ--
--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 9 ก.ย. 2550--