ปาฏิหาริย์ข้ามโลก(จากหนังสือหัวเตียง ของ วิลาศ มณวัด หน้า 28-33)
เมื่อเดือนก่อนมีนักเขียนชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งแวะมาหาผมที่สำนักงาน สตูดิโอ เท็น ถนนอรรถการประสิทธิ์ ตอนนั้นสิบโมงเช้าแล้ว ผมกำลังดูเพื่อนฝูงเขาตัดต่อภาพยนตร์สารคดีท่องเที่ยวชุด ชีพจรลงเท้า อยู่
นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้นั้นยังหนุ่มอยู๋ หน้าตาหล่อเหลาเล่นหนังได้สบาย พอเขายื่นนามบัตรผมก็นึกออกว่าเป็นใคร เพราะหลานผมที่กำลังเรียนอยู่ที่ปารีสได้มีจดหมายฝากฝังมาก่อนแล้วว่าถ้าเจ้าหนุ่มคนนี้โต๋เต๋มาถึงบางกอกละก็ ขอให้ผมช่วยรับรองหน่อยเพราะเขามีบุญคุณเคยช่วยเหลืออุปการะหลานผมมากในปารีส
นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้นี้กำลังเขียนประวัติชาลส์ เดอโกลล์ ผู้นำคนสำคัญของฝรั่งเศส วิธีเขียนหนังสือของฝรั่งเศสนั้นเขาใช้เวลาค้นคง้ามาก อ่านหนังสือกันเป็นตั้งๆเท่านั้นยังไม่พอ ต้องออกเที่ยวสัมภาษณ์ใครต่อใครให้ยุ่งไปหมด แล้วเอาเรื่องราวมาประติดประต่อกันเข้า ภายหลังจากที่ได้สอบถามแล้วว่าเรื่องเล่าเหล่านั้นเชื่อถือได้
เขาบอกว่าจากการสัมภาษณืนายพลคนสนิทเดอโกลล์ เขาได้ทราบว่า เมืองไทยมีพระดีอยู่องค์หนึ่ง และตอนที่เดอโกลล์ถูกยิงด้วยปืนกลกระสุนปืนกลถูกรถพรุนไปทั้งคัน แต่เดอโกลล์ก็รอดตายมาได้อย่างมหัศจรรย์
ภริยาของเดอโกลล์เชื่อว่า เดอโกลล์รอดตายครั้งนั้นเพราะพระผู้มีอภินิหารยิ่งใหญ่ในเมืองไทยได้เสด็จไปช่วยชีวิตไว้ เขาบอก
นักเขียนฝรั่งเศสคนนี้เชาเล่าต่อไปว่า เขาเองไม่เชื่อในเรื่องอภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีใจกว้างยินดีที่จะรับฟัง เขาจึงได้ไปที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในปารีส สอบถามคนไทยที่นั้นว่าเคยได้ยินเรื่องพระไทยสำแดงอิทธิฤทธิ์ไปช่วยชีวิตประธานาธิบดีเดอโกลล์หรือเปล่า
ไปถามทีแรกไม่มีใครรู้เรื่อง
เขาจึงไปอีกหนหนึ่ง คราวนี้พบผู้หญิงไทย เธอคงจะเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงบอกกับเขาว่า พระที่มีอภินิหารองค์นี้ชื่อหลวงพ่อเทิด อยู่ทางส่วนใต้ของประเทศไทย นี่เป็นคำเล่าของนักเขียนฝรั่งเศส
ผมฟังแล้วรู้ทันทีว่าเขาจำชื่อผิด ที่ถูกควรเป็นหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ปัตตานี ผมเป็นลูกปักษ์ใต้จึงทราบดี
นักเขียนคนนี้อุตสาบินมาเมืองไทย ก็เพื่อจะถ่ายภาพหลวงพ่อทวดเอาไปลงประกอบในหนังสือประวัติเดอโกลล์ที่เขาเขียนจวนจะเสร็จแล้ว
ผมบอกว่าหลวงพ่อทวดมรณภาพไปนานแล้ว เวลานี้มีแต่พระเครื่อง ถ้าจะถ่ายรูปก็ต้องถ่ายพะเครื่อง ซึ่งคนไทยถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก เคยช่วยชีวิตคนมามากแล้ว
แต่บอกตรงๆๆผมก็สงสัยเหมือนกันว่าหลวงพ่อทวดรู้จักนายพลเดอโกลล์ได้อย่างไร
คุยกันอยู่ครู่ใหญ่ๆหมดน้ำชาไปกาหนึ่ง รักเขียนฝรั่งเศสบอกว่าไหนๆก็มาแล้วจะขอเดินทางไปปัตตานีไปถ่ายภาพวัดช้างไห้และจะสัมภาษณ์พระในวัดหรือชาวบ้านบางคนด้วย
มันเป็นเรื่องน่าสนใจ เขาว่า คนฝรั่งเศสเองก็เชื่อในเรื่องของอภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย
ก็เลยผมต้องไปปัตตานี
ไปเจอะเอาเพื่อนจุฬาฯ รุ่นก่อนผมปีหนึ่งเขาเคราพนับถือสมเด็จหลวงพ่อทวดมาก เขาจึงให้หนังสือเล่มเล็กๆผมมาเล่มหนึ่งชื่ออภินิหารสมเด็จหลวงพ่อทวด ผมจึงแปลเป็นเลาๆให้นักเขียนฝรั่งเศสฟังว่า
ในราว พ.ศ.2504หรือ2505 นี้แหละ ได้มีการปลุกเสกหลวงพ่อทวดฯ ทางวัดได้ส่งพระเครื่องจำนวนหนึ่งมาให้จอมพลสฤษฎ์ ธระรัชต์ เพื่อแจกจ่ายให้แก่นายทหารคนใกล้ชิดบางคน
ในจำนวนนายทหารไม่กี่คนที่ได้รับแจกพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดฯนี้มีพลโทอำนวย ชัยโรจน์ ทูตทหารบกประจำฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง พลโทอำนวย ชัยโรจน์ได้รับแจกไปสององค์ก็เลยได้นำติดตัวไปฝรั่งเศสด้วย
ระหว่างอยู่ที่ปารีสทูตทหารบกประจำฝรั่งเศสผุ้นี้ได้เข้าพบประธานาธิบดีเดอโกลล์ และเนื่องจากมีความนิยมในตัวของเดอโกลล์อยู่แล้ว จึงได้มอบพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดฯให้แก่ประธานาธบิดีฝรั่งเศสไปองค์หนึ่งพร้อมกับอธิบายให้เดอโกลล์ฟังถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวดว่า ถ้าอาราธนานึกถึงด้วยความเคารพละก็ อาจสามารถเสด็จไปช่วยเวลามีภัยมาถึงตัว ถึงอยู่ฝรั่งเศสก็เสด็จไปถึงได้ เพราะในโลกแห่งคามศักดิ์สิทธิ์นั้น ลัดนิ้วมือเดียวกะพริบตาทีเดียวก็ไปฝฝรั่งเศสแล้ว
เมื่อได้พระสมเด็จหลวงพ่อทวดฯไปแล้วประธานาธิบดีเดอโกลล์ก็พกติดตัวไปด้วยทุกหนทุกแห่ง
ผมปะติดปะต่อเรื่องเอาเองได้ความว่า ต่อจากนั้นไม่กี่เดือนก็เกิดเหตุการณืรทึกใจ กล่าวคือ
เดอโกลล์ผู้เข้มแข็งได้ถูกพวกใต้ดินคณะหนึ่งระดมยิงด้วยปืนกลในระหว่างที่อยู่ในรถยนต์กับภริยาในกรุงปารีส เป็นที่น่าหวาดเสียวอย่างยิ่ง กระสุนปืนกลถูกรถพรุนไปทั้งคัน การยิงก็อยู่ในระยะประชิดมากแต่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
เดอโกลล์เงียบไม่ได้วิจารณ์
แต่ภริยาของท่าน บอกกับเลขานุการว่า เธอเชื่อเหลือเกินว่าสามีรอดตายเพราะสมเด็จหลวงพ่อทวดฯได้เสด็จไปช่วยชีวิตไว้เพราะเธอเป็นคนอธิษฐาน พอได้ยินเสียงรัวปืนกลเธอก็นึกขอให้พระเสด็จมาช่วย
นักเขียนฝรั่งเศสได้สัมภาษณ์พระที่วัดช้างไห้และสัมภาษณ์ชาวบ้านอีกสองสามคน
ผมส่งเขาขึ้นเครื่องบินกลับปารีสไปแล้ว
ปลายปีนี้หังสือประวัติ์เดอโกลล์ของเขาก็คงจะออกวางจำหน่าย เขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะตองส่งมาให้ผมหนึ่งเล่ม
เรื่องอภินิหารแบบนี้ ท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะไม่เชื่อ
ผมเองเมื่อหนุ่มๆก็ไม่ค่อยจะเชื่อหรอก แต่พอหนุ่มน้อยลงก้อเริ่มเชื่เข้าบ้างแล้ว
เมื่อเชื่อแล้วกไม่อยากทำบาปเห็นใครทำบาปก็นึกสงสาร
ใครด่าทีสองที เริ่มจะไม่โกรธ มีแต่สงสารและเมตตา
ที่มา : คุณ NAMO >>
http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg243