เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มิถุนายน 09, 2025, 07:10:20 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รวมเรื่องราวอภินิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  (อ่าน 16441 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:12:35 PM »



รอดพ้นภัยโจร

 เหตุเกิดที่บ้านหนองกรก อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ในคืนวันที่22เมษายน 2497 เวลา21.00 น.นายแดงและภรรยากลับจากทำงานมากินข้าวแล้วเตรียมเข้าห้องนอน พอใกล้จะหลับได้ยินเสียงกริ่งๆอยู่ในขวดโหลบนหิ้งพระ ซึ่งมีพระเครื่องของหลวงพ่อทวดฯขอมาจากวัดช้างไห้ใหม่ๆและได้เก็บไว้บนขวดโหลใบนั้นเขาคิดว่าหนูได้กลิ่นน้ำมันจึงลงไปคาบพระแล้วกระทบกับขวดจึงเกิดเสียงดังขึ้น
   นายแดงจึงลุกขึ้นจุดตะเกียงส่องดูก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ จึงล้มตัวลงนอนต่อไปจนถึงเวลา 22.00 น. เขากับภรรยาก็ตกใจตื่นขึ้นทันทีเพราะเสียงปืนดังขึ้นที่ชานเรือน 3 นัด นายแดงจึงนึกขึ้นได้ทันทีว่าตนถูกผู้ร้ายปล้นบ้าน จึงตื่นขึ้นจับมีดตัดฟากพื้นเรือนขนาดเป็นช่องแล้วรอดหนีไปทางช่องใต้ถุนเรือน
   ฝ่ายภรรยากำลังตกตลึงไม่ได้สติ จึงลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พวกโจร ขณะที่พวกโจรกำลังกระแทกบานประตูอยู่พอเขายื่นมือจับกลอนประตู ก็มีมือประหลาดมาผลักหน้าอกเขาก้นกระแทกพื้น เขานึกถึงหลวงพ่อทวดทันที จึงลุกขึ้นไปหน้าหิ้งพระพนมมืออ้อนวอนขอให้หลวงพ่อทวดช่วยคุ้มครองรักษา ฝ่ายพวกโจรก็ออกกำลังพังประตูห้องอยู่โครมครามสั่นสะเทือน เขากลัวจนไม่สามารถทนอยู่ได้จึงพนมมือกล่าวขอให้หลวงพ่อทวดฯช่วยคุ้มครองบ้านให้ลูกหลานด้วยเถิด กล่าวจบแล้วลอดหนีทางช่องตามสามีไป ปรากฏว่าพวกโจรใช้ปืนยิงติดตามหลังแต่ไม่ถูก พวกโจรเมื่อโถมพังประตูไม่ออกจึงพากันหนีเข้าป่าไป

                                 นายชาติ สิมศิริ
                        กำนันตำบลนาประดู่ เล่าเรื่อง

วันหนึ่งข้าพเจ้าพบกับพนักงานสอบสวนอำเภอโคกโพทธิ์ เขาว่าผมได้ไปสอบสวนพร้มกับนายอำเภอได้ไปตรวจดูความแข็งแรงของบานประตูห้องนอนของนายแดงแล้วปรากฏว่าเก่าแก่และเบาบางมากใช้แรงผลักดันคนเดียวก็พังเพราะประตูมีบานเดียวและสอบถามคนแก่ที่อยู๋นอกห้องได้ความว่าพวกโจร6คนโถมพังประตูอยู๋นานประมาณ25นาที เจ้าพนักงานสอบสวนคนนั้นบอกข้าพเจ้าว่ามันเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่ง

               นายอนันต์ คณานุรักษ์  บันทึก
 


ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg2432
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:51:43 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:15:14 PM »



รอดเพราะสร้อยพระขาด

พ.ต.อ. วิวัฒน์ วรรธนะวิบูลย์ อดีตรอง ผบก.อก.บช.ภ.1 (ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณ) สมัยอยู่นครบาล มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลงานคววามเคลื่อนไหวเกี่ยวกับผู้ชึมนุมร้องเรียนหรือม๊อบมานานหลายยุคหลายรัฐบาล คอยหาข่าวความเคลื่อนไหวรายงานผู้บังคับบัญชาเป็นที่วางใจทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ชุมนุมและหน่วยงานของรัฐ จนได้ฉายาว่าเป็น “นายตำรวจมือประสานม๊อบ”คนแรกของนครบาล
   พ.ต.อ.วิวัฒน์ เป็นความเลื่อมใสศรัทธาในพระเครื่องวัตถุมงคลเป็นอย่างมาก นิยมอาราธนาขึ้นคอทุกวัน มีหลวงพ่อทวดเนื้อโลหะ ที่เช่าจากมือพระอาจารย์ทิม อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างไห้ ซึ่งได้ทำบุญถวายวัดเช่าจากมือท่านในราคา 20 บาท
   “สมัยนั้นยังเด็กอยู่ตามพี่ชายไปที่วัดช้างไห้ หลวงปู่ทิมบอกญาติโยมว่าใครต้องการรับพระให้มารับกับกู พี่ชายได้เบียดเข้าไปรวมเงินทุกคนในกลุ่มเข้าไปเช่าออกมา ได้ประมาณ 20 องค์ มีเนื้อโลหะสีดำองค์ละ40บาทผมได้หลวงพ่อทวดองค์นี้เป็นเนื้อทองเหลืองเช่าบูชาองค์ละ20บาทก็อาราธนาขึ้นคอตลอด”
   จากประสบการณ์ที่ประสบพบเจอที่ถือว่าสุดยอดในชีวิต เป็นเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุหลายครั้งด้วยกัน ครั้งแกรตอนทำงานอยู่สันติบาลปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกบัตรให้กับคนเวียดนามที่อพยพอ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กำลังจะขึ้นรถเดินทางกลับ สร้อยเงินที่ส่วมใส่สร้อยหลุดจาดข้อต่อ ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาขอใส่ข้อต่อสร้อยคอก่อน  ท่านอนุญาต ทำให้รถสองแถวที่มีคนนั่งเต็มคันแล้ว จึงออกรถผ่านไป เมื่อตนเสร็จพากันขึ้นรถคันถัดไปทั้งคณะ รถวิ่งไปได้ประมาณ10กิโลเมตร ไปทันคันหน้าคันที่เราไม่ได้ขึ้น
   ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้ชนประสานกับรถบรรทุกทรายที่วิ่งสวนมา มีคนตายคาที่4ศพ ไปตายโรงพยาบาลอีก2ศพ ไปดูที่นั่งคนขับพบชวดเหล้าแม่โขง1แบน วางอยู่จึงรู้ว่าคนขับดื่มเหล้าแล้วขับไปด้วย ทุกคนบอกโชคดีที่สร้อยของตนหลุด เสียเวลาต่อสร้อยแคล้วคลาดเพราะสร้อยคอหลุดแท้ๆ
   อีกครั้งหนึ่ง ตอนที่รอง ผบก.น.1ปรากฏว่ามีอาการปวดหัวมากจนสลบ ต้องเข้าโรงพยาบาล เอกซเรย์พบก้อนเลือดในสมองจึงกำหนดผ่าตัดวันรุ่งขึ้น พอดีมีอาจารย์โสภณรัตน์ สิงหจารุ ท่านมาเห็นฟิมล์เอกซเรย์เข้า บอกว่าผ่านตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะทันหรือปล่าวเลยให้ไปตามหมอเจ้าของไข้มาถาม ท่านบอกว่าจผ่าตัดให้เอง
   ก่อนลงมือทำกรผ่าตัดในวันนั้นเลย ตอนเช้า เราฟื้นทางมาดูอาการ1-2วัน ก่อนจะบอกเราว่ารอดตายแล้วนะไม่เป็นไรแล้ว ท่านบอกว่าคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นอัมพฤต หรือ อัมพาตบ้าง เพราะเลือดเราออกในสมองจำนวนมาก ดูดเอาออกเกือบ400 ซี.ซี.
   ท่านบอกคนอื่นแค่เลือดคั่งในสมองเพียงแค่หยดนิ้วมือยังทำให้อัมพฤกษ์ได้เลย โชคดีที่เราแขวนหลวงพ่อทวดไปโรงพยาบาลด้วยทำให้เชื่อว่าเพราะบารมีของท่านคุ้มครองอย่างแน่นอน

                        จากข่าวสด


ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg2432
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:45:48 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:18:00 PM »



ปาฏิหาริย์ข้ามโลก

(จากหนังสือหัวเตียง ของ วิลาศ มณวัด หน้า 28-33)
   เมื่อเดือนก่อนมีนักเขียนชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งแวะมาหาผมที่สำนักงาน “สตูดิโอ เท็น” ถนนอรรถการประสิทธิ์ ตอนนั้นสิบโมงเช้าแล้ว ผมกำลังดูเพื่อนฝูงเขาตัดต่อภาพยนตร์สารคดีท่องเที่ยวชุด “ชีพจรลงเท้า” อยู่
   นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้นั้นยังหนุ่มอยู๋ หน้าตาหล่อเหลาเล่นหนังได้สบาย พอเขายื่นนามบัตรผมก็นึกออกว่าเป็นใคร เพราะหลานผมที่กำลังเรียนอยู่ที่ปารีสได้มีจดหมายฝากฝังมาก่อนแล้วว่าถ้าเจ้าหนุ่มคนนี้โต๋เต๋มาถึงบางกอกละก็ ขอให้ผมช่วยรับรองหน่อยเพราะเขามีบุญคุณเคยช่วยเหลืออุปการะหลานผมมากในปารีส

   นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้นี้กำลังเขียนประวัติชาลส์ เดอโกลล์ ผู้นำคนสำคัญของฝรั่งเศส วิธีเขียนหนังสือของฝรั่งเศสนั้นเขาใช้เวลาค้นคง้ามาก อ่านหนังสือกันเป็นตั้งๆเท่านั้นยังไม่พอ ต้องออกเที่ยวสัมภาษณ์ใครต่อใครให้ยุ่งไปหมด แล้วเอาเรื่องราวมาประติดประต่อกันเข้า ภายหลังจากที่ได้สอบถามแล้วว่าเรื่องเล่าเหล่านั้นเชื่อถือได้
   เขาบอกว่าจากการสัมภาษณืนายพลคนสนิทเดอโกลล์ เขาได้ทราบว่า เมืองไทยมีพระดีอยู่องค์หนึ่ง และตอนที่เดอโกลล์ถูกยิงด้วยปืนกลกระสุนปืนกลถูกรถพรุนไปทั้งคัน แต่เดอโกลล์ก็รอดตายมาได้อย่างมหัศจรรย์
“ภริยาของเดอโกลล์เชื่อว่า เดอโกลล์รอดตายครั้งนั้นเพราะพระผู้มีอภินิหารยิ่งใหญ่ในเมืองไทยได้เสด็จไปช่วยชีวิตไว้” เขาบอก
นักเขียนฝรั่งเศสคนนี้เชาเล่าต่อไปว่า เขาเองไม่เชื่อในเรื่องอภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีใจกว้างยินดีที่จะรับฟัง เขาจึงได้ไปที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในปารีส สอบถามคนไทยที่นั้นว่าเคยได้ยินเรื่องพระไทยสำแดงอิทธิฤทธิ์ไปช่วยชีวิตประธานาธิบดีเดอโกลล์หรือเปล่า
ไปถามทีแรกไม่มีใครรู้เรื่อง

เขาจึงไปอีกหนหนึ่ง คราวนี้พบผู้หญิงไทย เธอคงจะเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงบอกกับเขาว่า “พระที่มีอภินิหารองค์นี้ชื่อหลวงพ่อเทิด อยู่ทางส่วนใต้ของประเทศไทย” นี่เป็นคำเล่าของนักเขียนฝรั่งเศส
ผมฟังแล้วรู้ทันทีว่าเขาจำชื่อผิด ที่ถูกควรเป็นหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ปัตตานี ผมเป็นลูกปักษ์ใต้จึงทราบดี
นักเขียนคนนี้อุตสาบินมาเมืองไทย ก็เพื่อจะถ่ายภาพหลวงพ่อทวดเอาไปลงประกอบในหนังสือประวัติเดอโกลล์ที่เขาเขียนจวนจะเสร็จแล้ว
ผมบอกว่าหลวงพ่อทวดมรณภาพไปนานแล้ว เวลานี้มีแต่พระเครื่อง ถ้าจะถ่ายรูปก็ต้องถ่ายพะเครื่อง ซึ่งคนไทยถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก เคยช่วยชีวิตคนมามากแล้ว

แต่บอกตรงๆๆผมก็สงสัยเหมือนกันว่าหลวงพ่อทวดรู้จักนายพลเดอโกลล์ได้อย่างไร
คุยกันอยู่ครู่ใหญ่ๆหมดน้ำชาไปกาหนึ่ง รักเขียนฝรั่งเศสบอกว่าไหนๆก็มาแล้วจะขอเดินทางไปปัตตานีไปถ่ายภาพวัดช้างไห้และจะสัมภาษณ์พระในวัดหรือชาวบ้านบางคนด้วย
“มันเป็นเรื่องน่าสนใจ” เขาว่า “คนฝรั่งเศสเองก็เชื่อในเรื่องของอภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย”
ก็เลยผมต้องไปปัตตานี
ไปเจอะเอาเพื่อนจุฬาฯ รุ่นก่อนผมปีหนึ่งเขาเคราพนับถือสมเด็จหลวงพ่อทวดมาก เขาจึงให้หนังสือเล่มเล็กๆผมมาเล่มหนึ่งชื่อ”อภินิหารสมเด็จหลวงพ่อทวด” ผมจึงแปลเป็นเลาๆให้นักเขียนฝรั่งเศสฟังว่า
ในราว พ.ศ.2504หรือ2505 นี้แหละ ได้มีการปลุกเสกหลวงพ่อทวดฯ ทางวัดได้ส่งพระเครื่องจำนวนหนึ่งมาให้จอมพลสฤษฎ์ ธระรัชต์ เพื่อแจกจ่ายให้แก่นายทหารคนใกล้ชิดบางคน

ในจำนวนนายทหารไม่กี่คนที่ได้รับแจกพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดฯนี้มีพลโทอำนวย ชัยโรจน์ ทูตทหารบกประจำฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง พลโทอำนวย ชัยโรจน์ได้รับแจกไปสององค์ก็เลยได้นำติดตัวไปฝรั่งเศสด้วย
ระหว่างอยู่ที่ปารีสทูตทหารบกประจำฝรั่งเศสผุ้นี้ได้เข้าพบประธานาธิบดีเดอโกลล์ และเนื่องจากมีความนิยมในตัวของเดอโกลล์อยู่แล้ว จึงได้มอบพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดฯให้แก่ประธานาธบิดีฝรั่งเศสไปองค์หนึ่งพร้อมกับอธิบายให้เดอโกลล์ฟังถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวดว่า ถ้าอาราธนานึกถึงด้วยความเคารพละก็ อาจสามารถเสด็จไปช่วยเวลามีภัยมาถึงตัว ถึงอยู่ฝรั่งเศสก็เสด็จไปถึงได้ เพราะในโลกแห่งคามศักดิ์สิทธิ์นั้น ลัดนิ้วมือเดียวกะพริบตาทีเดียวก็ไปฝฝรั่งเศสแล้ว
เมื่อได้พระสมเด็จหลวงพ่อทวดฯไปแล้วประธานาธิบดีเดอโกลล์ก็พกติดตัวไปด้วยทุกหนทุกแห่ง
ผมปะติดปะต่อเรื่องเอาเองได้ความว่า ต่อจากนั้นไม่กี่เดือนก็เกิดเหตุการณืรทึกใจ กล่าวคือ
เดอโกลล์ผู้เข้มแข็งได้ถูกพวกใต้ดินคณะหนึ่งระดมยิงด้วยปืนกลในระหว่างที่อยู่ในรถยนต์กับภริยาในกรุงปารีส เป็นที่น่าหวาดเสียวอย่างยิ่ง กระสุนปืนกลถูกรถพรุนไปทั้งคัน การยิงก็อยู่ในระยะประชิดมากแต่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
เดอโกลล์เงียบไม่ได้วิจารณ์

แต่ภริยาของท่าน บอกกับเลขานุการว่า เธอเชื่อเหลือเกินว่าสามีรอดตายเพราะสมเด็จหลวงพ่อทวดฯได้เสด็จไปช่วยชีวิตไว้เพราะเธอเป็นคนอธิษฐาน พอได้ยินเสียงรัวปืนกลเธอก็นึกขอให้พระเสด็จมาช่วย
นักเขียนฝรั่งเศสได้สัมภาษณ์พระที่วัดช้างไห้และสัมภาษณ์ชาวบ้านอีกสองสามคน
ผมส่งเขาขึ้นเครื่องบินกลับปารีสไปแล้ว

ปลายปีนี้หังสือประวัติ์เดอโกลล์ของเขาก็คงจะออกวางจำหน่าย เขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะตองส่งมาให้ผมหนึ่งเล่ม
เรื่องอภินิหารแบบนี้ ท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะไม่เชื่อ
ผมเองเมื่อหนุ่มๆก็ไม่ค่อยจะเชื่อหรอก แต่พอหนุ่มน้อยลงก้อเริ่มเชื่เข้าบ้างแล้ว
เมื่อเชื่อแล้วกไม่อยากทำบาปเห็นใครทำบาปก็นึกสงสาร
ใครด่าทีสองที   เริ่มจะไม่โกรธ มีแต่สงสารและเมตตา


ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg243
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:46:33 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:22:27 PM »



ขอเพียงจิตอธิษฐาน

ผมย้ายมาจากจังหวัดนราธิวาส มาอยู่อำเภอสุไหปาดี เมื่อผมได้มาอยู่ใหม่ๆได้ฟังใครๆเขาก็เล่าลือกันว่าหลวงพ่อทวดฯวัดช้างไห้มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เป็นที่นิยมแพร่หลายกันมาก แต่บางคนก็ไม่มีโอกาสไปขอจากวัด แต่ก่อนผมเคยไปรับราชการอยู่ที่อำเภอโคกโพธิ์ซึ่งนับว่าได้อยู่ใกล้วัดช้างไห้ ทั้งผมก็เป็นศิษย์หลวงพ่อทวดอยู่ด้วย

   อยู่มาวันหนึ่งในเดือนตุลาคม 2502 คุณสมศรีภรรยาของปลัดเปลื่อง เลิศแก้ว ซึ่งเป็นปลัดอำเออยู่ที่อำเภอสุไหงปาดี เกิดมีความเลือมใส่อยากได้พระเครื่องหลวงพ่อทวดฯแบบบูชาอยู๋แล้ว แต่อยากได้พระเครื่องอีก แกจึงขอให้ผมนำไปขอจากวัดช้างไห้ แต่ผมยังไม่มีเวลาว่าง จึงผัดวันประกันพรุ่งเรื่อยมา ต่อมาจนถึงเดือนธันวาคมในปีเดียวกัน วันหนึ่งแกได้วิ่งเอะอะมาจากบ้านและในมือกำของอย่างหนึ่งไว้
   เมื่อพบผมแล้วแกก็บอกว่า “ไม่ต้องไปวัดช้างไห้แล้ว” พลางแบมือให้ผมดูก็เห็นพระเครื่องหลวงปู่ทวดฯวางอยู่ในมือ แกเล่าให้ผมฟังว่าพระเครื่ององค์นี้ไม่ทราบมาจากไหน ได้ตั้งอยู๋บนหิ้งพระภายในบ้านของแก ผมสังเกตเห็นแกดีใจมาก ใครๆซึ่งอยู่ในที่นั้นลงความเห็นกันว่าคงจะเป็นอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯ ปาฏิหาริย์มาให้แกไว้บูชาแน่ เพราะแกมีเจตนาอันแรงกล้า ปรารถนาจะรับท่านไว้บูชา

   ต่อจากนั้นเมื่อเดือนเมษายน 2503 เด็กชายตี๋ บุตรคนเล็กของคุณสมศรี อายุ7ขวบ ได้รับทานอาหารเช้าบังเอิญกระดูกไก่ติดคอหุบปากไม่ได้ กลืนน้ำลายก็ไม่ได้ บิดาจึงพาไปหานายแพทย์เพื่อจะให้จัดการคีบเอาออก แต่นายแพทย์ไม่สามารถคีบให้ได้เพราะ กระดูกไก่ติดอยู่ลึกมากมองไม่เห็น จึงต้องนำลูกกลับบ้าน เมื่อผมทราบได้ไปเยี่ยมที่บ้านและแนะนำให้แกจัดการบูชาขอน้ำมนต์ของหลวงพ่อทวดฯ แกก็ได้กระทำตามแล้วเอาน้ำมนต์นั้นให้ลูกชายดื่มทีละหยดๆเพราะดื่มมากไม่ได้พร้อมกับการรดศีรษะให้ด้วย
   ปรากฏว่าอีก1ชม.ต่อมาเด็กนั้นก็หุบปากและกลืน้ำลายได้ปกติ ผมเห็นว่าเรืองจากอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯประสิทธิ์และขลังเป็นที่ประจัก์เช่นนี้ จึงเล่ามาให้คุณทราบ


ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg243
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:46:58 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:25:46 PM »


อภินิหารกลางทะเล

ผมขอเล่าเรื่องอัสจรรย์เกี่ยวกับอภินิหารหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาให้อาจารย์ทราบคือ
   ผมต่อเรือยนต์ให้พลเรือตรี หม่อมเจ้ารังษิยากร ใช้ในสัตหีบ1ลำต่อมาท่านให้นักบินกับช่างเครืองนำเรือลำนี้เข้ากรุงเทพโดยมีเรือยนต์ของตำรวจเป็นพี่เลี้ยงคุ้มกันระหว่างทางเพราะเป็นเรือใหญ่ส่วนเรือที่ผมต่อยาว 18ฟุตเท่านั้น
   การนำเรือจากสัตหีบเข้ากรุงเทพนั้น จะต้องแล่นฝ่าคลื่นลมกลางทะเลราวๆ14ชั่วโมง จึงจะถึงกรุงเทพก่อนนำเรือเล็กเดินทางผมเป็นห่วงเกรงว่าจะเกิดอันตรายเสียกลางทะเล ผมจึงอาราธนาหลวงพ่อทวดฯและขอน้ำมนต์พรมเรือ ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย
   ต่อมาหลายวันนักบินและช่างเครื่องมาถึงสัตหีบ ได้เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อเรือทั้ง2ลำแล่นไปถึงเกาะสีชังท้องทะเลเกิดพายุฝนตกหนักละลอกคลื่นใหญ่โตมาก

   นักบินและช่างเครื่องเห็นภัยจะเกิดขึ้นเช่นนั้นก็เตรียมตัวถอเสื้อและกางเกงนอกออกเหลือแต่กางเกงใน นั่งถือชูชีพมั่นอยู่เรือทั้ง2ลำได้โต้คลื่นและพายุมากลางทะเลอย่างแรงเป็นเวลานานถึง2-3ชั่วโมงจึงสงบ
 ปรากฏว่าระลอกคลื่นสาดขึ้นท่วมเรือ แต่น้ำไม่ได้เข้าไปในลำเรือจึงปลอดภัย ส่วนเรือตำรวจซึ่งเป็นเรือพี่เลี้ยงคุ้มครองเรือเล็กต้องเสียหายคือเพลาใบพัดหัก หางเสือบิดไม่สามารถแล่นต่อไปได้เรือเล็กจึงกลับต้องเป็นเรือพี่เลี้ยงเรือลำใหญ่ลากจูงเข้าสู่กรุงเทพ
   พิจารณาดูเอาเองเถอะครับว่าอภินิหารของพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯมีอภินิหารอย่างไร

                           ด้วยความเคารพอย่างสูง
                               บุญเกิด  กู้เกียรติ

ปราบเด็กดื้อ

ในงานพิธีแจกพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดวันแรก มีเด็กชายกับเด็กหญิงหมนสองพี่น้อง ได้รับแจกพระทั้งสองคน เด็กหญิงหมนเมื่อได้รับพระแล้วก็เอาพระนั้นห่อซายพกกลับบ้านซึ่งอยู่บ้านป่าไร่ ต.ป่าไร่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
   ครั้นถึงบ้านแก้ห่อผ้าจากพกให้แม่ดูปรากฏว่า พระเครื่องนั้นได้กลายเป็นถ่านไฟไปเสียแล้ว ส่วนเด็กชายขณะที่เดินกลับบ้านได้เอาพระเครื่องโยนขึ้นแล้วใช้มือรับเช่นเดียวกับโยนก้อนหินเล่นตามประสาของเด็ก แต่รับไม่ทันพระจึงตกลงบนพื้นเขาจึงก้มลงเก็พระด้วยมือ
   ทันทีที่เด็กชายผู้นั้นก็ยืนแกว่งมือตกใจร้องไห้ขึ้น พ่อเขาจึงลงมาดูเห็นลูกยืนแกว่งมือร้องไห้อยู่ จึงเข้าไปจับดูแกะมือออกดูปรากฏมีพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯอยู๋ในมือ

   พ่อและแม่เด็กทั้งสองเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯบันดาลให้เกิดเขาทั้งสองจึงนำลูกทั้งสองคนมาพบท่านอาจารย์เจ้าอาวาสวัดช้างไห้ประมาณเวลา21.00แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านทราบ
   ท่านอาจารย์จึงนำให้เขาพาเด็กทั้งสองไปกราบไหว้สถูปของหลวงพ่อทวดฯและกล่าวขอโทษเสียคืนนั้นข้าพเจ้ากลับบ้านเวลา20.30 จึงมิได้ประสพด้วยตนเองแต่ได้รับคำบอกเล่าจากท่านอาจารย์
                           
               นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก




ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg243
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:52:13 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:30:53 PM »


ปรากฏให้กราบไหว้

นายเผด็จ ฯ นคร ทำงานแผนกช่างเทศบาลเมืองปัตตานี ได้เล่าว่า
   เมื่อปลายเดือนเมายน 2497 ในค่ำวันหนึ่งเวลาประมาณ 19.00น.ได้ออกจากบ้านเพื่อไปซื้อของบางอย่างที่หน้าโรงภาพยนตร์ปัตตานี ก่อนออกจากบ้านได้พนมมือที่หน้าหิ้งพระระลึกถึงหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด อธิษฐานในใจว่า ขอให้หลวงพ่อทวดคุ้มครองบ้านและบุตรด้วย และก็ออกจากบ้านไปเวลาประมาณ 22.00น. จึงกลับบ้าน
   ขณะที่เดินกลับเข้าบ้านนั้น ได้มองไปที่ประตูชั้นล่างอาศัยแสงสว่างข้างแรมสลัวๆเห็นรูปคนดำทะมึนยืนอยู่ ณ ที่นั้น นายเผด็จสะดุ้งตกใจนึกว่าคนร้าย จึเหลียวกลับหลังเอาดุ้นฟืนมาถือไว้ แล้วร้องถามไปว่าเป็นใครแต่เงาดำรูปคนยืนโยกตัวโงนเงนไปมา ณ ที่เดิม ในขณะอึดใจนั้นได้ระลึกขึ้นว่า อ้อหลวงพ่อทวดนี่เอง เขาจึงโยนดุ้งฟืนทิ้งแล้วยกมือขึ้นพนมไหว้แล้วเดินเข้าไปหาเงาดำรูปนั้น เมื่อเดินเข้าไปในระยะใกล้ เงานั้นก็สลายตัวจากรูปคน คล้ายๆกับควันบุหรี่ ค่อยๆจางหายไปทีละน้อยจนหมด นี่คืออภินิหารของหลวงพ่อทวด

ฤทธิ์น้ำมนต์จากพระเครื่อง

เมื่อปลายเดือนเมษายน 2497 นางมาลีภรรยาของนายล้วนสมประสงค์ กรรมกรรถไฟ โรงกุลีนาประดู่ เจ็บท้องจะคลอดบุตรมา 2 วันแล้ว แต่คลอดไม่ออกผู้เจ็บมีอาการหนักมาก
   เนื่องจากความยากจนจึงไม่สามารถจะนำไปทำการคลอดที่โรงพยาบาลได้ เพราะไม่มีเงินว่าจ้างเหมารถ จึงต้องนอนรอวาระสุดท้ายอยู่ บังเอิญเพื่อนร่วมงานของนายล้วนรู้เรื่องนี้
   เขาจึงบอกให้นายล้วนนำเอาพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯมาวางลงในขันน้ำ แล้วจุดธูปเทียนบูชาขอเป็นน้ำมานต์สะเดาะแล้วเอาน้ำมานต์ให้นางมาลีดื่มและพรมศีรษะ
   ต่อมาชั่วครู่ นางมาลีผู้เจ็บคลอดก็เกิดมีกำลังและลมแบ่งคลอดลูกออกมาได้แต่ปรากฏว่าเด็กนั้นได้ตายเสียนานเแล้ว

               นายชาติ สิมศิริ กำนัน ต.นาประดู่ ผู้เล่าเรื่อง

ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg243
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:48:17 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:38:48 PM »


ดับเครื่องยนต์

เป็นจ.ม.ของท่านขุนโลหะภูมิพิทยานุการ ถึงข้าพเจ้าฉบับที่2 ความว่า
   เรื่องเกี่ยวกับพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ สำหรับผมได้รับความคุ้มครองจากท่ายอย่างดี ผมนำท่านติดตัวไปเสมอ ปรากฏว่าได้มีอภินิหารที่ท่านได้ช่วยคุ้มครองภรรยาของผม คือเวลาภรรยาของผมจะไปไหนได้นำพระเครื่องติดตัวไปด้วยเสมอ
   วันหนึ่งนั่งรถยนต์ที่บ้านจะไปธุระ พอถึงถนนสี่แยกรถเกิดเครื่องดับทันที สตาร์ทไม่ติด ทันทีนั้นก็มีรถยนต์อีกคันหนึ่งวิ่งตัดหน้าผ่านไป และเกิดชนกับรถยนต์อีกคันหนึ่งที่วิ่งสวนมา ทำให้รถยนต์คันนั้นแฉลบขึ้นทางเท้าเกิดเสียหายมาก เมื่อรถเขาชนกันแล้วรถของภรรยาผมก็สตาร์ทติดวิ่งได้ต่อไปปกติ
   ผมคิดว่าหลวงพ่อทวดฯท่านคงแสดงอภินิหารคุ้มครองไว้รถผมจึงปลอดภัยจากการถูกชน และก็มีบ่อยๆที่ผมขับรถไปมักจะแคล้วคลาดจากอันตรายนานาประการเสมอ ส่วนโชคลาภนั้นพอประมาณ

                              รักและนับถือ
                        ขุนโลหภูมิพิทยานุการ

ญาณสัมผัส

กองบังคับการตำรสจภูธรภาค8นครศรีธรรมราช
เรียนคุณ อนันต์ ที่เคารพ
   ความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารของพระเครื่องหลวงพ่อทวดนั้นผมมั่นใจเหลือเกินว่าต้องเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆทั้งหลาย ทุกครั้งที่ผมมีกิจธุระได้อาราธนาท่าน
   ผมรู้สึกขนรุกทั้งตัวและได้กลินน้ำมันจันทน์(ในองค์พระเครื่องไม่มีน้ำมันจันทร์ผสม)ผมถือว่าท่านรับคำอาราธนาของผม
   จึงอยู่เย็นเป็นสุขและปลอดภัยด้วยประการทั้งปวงผมเคารพบูชาองค์ท่านด้วยใจมั่นคงและความบริสุทธิ์ใจจริงๆ

                      ด้วยความรักและเคารพ
                     ร.ต.ท.เลื่อน อินทรสุวรรณ

ไม่ลบหลู่

โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
7 พฤศจิกายน 2498
เรียน อาจารย์ ที่เคารพยิ่ง
   คณะของผมชื่นชมยินดีที่ได้รับพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯจากอาจารย์อย่างยิ่งได้มีเรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นเรื่องหนึ่ง อยากจะเรียนถามอาจารย่าเป็นเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
   กล่าวคือในตอนบ่ายหลังจากคณะของผมรับพระจากอาจารย์ที่บ้านปัตตานีแล้วออกเดินทางโดยรถยนต์ถึงที่พักแรม ณ โรงเรียนสตรี จ.ยะลา
   พลตรีหม่อมหลวงคำรณ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้บังคับการโรงเรียนเสนาธกาทหารบก ได้มอบพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ ที่เหลือจากแจกในคณะให้กับพันโทยศขณะนั้นสิทธิ์ จิรโรจน์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยของคณะ ก่อนจะเข้านอนท่านได้เก็บพระไว้ในกระเป๋าเดินทาง แล้วตั้งไว้ใต้เตียงบนหัวนอน และพากันนอนเวลา4ทุ่ม เวลาตี2ท่านรู้สึกหนาวจึงลืมตาขึ้น
   ปราฏกว่าได้นอนอยู่บนกระเบื้องกันสาด ซึ่งไม่ทราบว่าออกไปได้อย่างไร ท่านออกไปนอนอยู่ด้านนอกสุดของกนสาด หากพลิกตัวนิดเดียวก็จะพลัดตกลงพื้นดินแน่และอาจได้รับบาดเจ็บ
   ท่านรู้สึกตกใจมาก ปลุกคนโน้นคนน้ยุ่งไปหมด เล่าเรื่องให้นายทหารฟังเสียงสั่นละล่ำละลักพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องเพราะความตื่นตกใจมากเกินไปนายทหารทุกคนพากันวิจารณ์ต่างๆนานา
   สรุปแล้วทุกคนเชื่อแน่ว่า ต้องเกี่ยวกับพระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเป็นแน่ แต่ไม่ทราบว่าท่านจะลงโทษในเรื่องใดหรือแสดงว่าแม้แต่เวลานอนหลับก็ให้ความคุ้มครองปลอดภัยจากการตกกันสาด
   ผมจึงตัดสินใจถามว่า ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้ผลดีมากทำให้พวกผมๆทุกคนเกิดความเลื่อมใส่ในหลวงพ่อทวดฯขึ้นอย่างประหลาดจึงเรียนมาให้ทราบ

                    ด้วยความเคารพนับถือ
                  พันโท ประสิทธิ์ เวชสวรรค์


ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg243
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:49:12 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:43:19 PM »


เปิดเมฆฝนจนเห็นดาว

โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
7 พฤษภาคม 2499
เรียน อาจารย์ ที่เคารพยิ่ง
   เมื่อผมกลับจากทัศนาจรภาคใต้พร้อมกับคณะ ก็ได้หยุดพักผ่อนชั่วคราว โอกาสนั้นผมได้ไปเยี่ยมบ้านที่จังหวัดพิจิตร และในการเดินทางไปเยี่ยมบบ้านของผมคราวนี้ ได้ประสบอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯอย่างหนึ่ง กล่าวคือผมได้พาครอบครัวไปหมด ลงจากรถไฟประมาณ5โมงเย็นเศษ แต่โชคร้ายเหลือเกินเพราะเมื่อวานนี้ฝนตกหนักถนนรถยนต์เดินไปมาไม่ได้ ผมจำเป็นต้องเดินเท้ากลับจากสถานีป็นระยะทางถึง4ชั่วโมง ซึ่งถนนเป็นทางเกวียนและผ่านทุ่งนา
   ในเวลาค่ำคืนฝนตั้งเค้าทำท่าจะตกหนักอีก ผมเริ่มเป็นทุกข์ใจเพราะถ้าฝนตกฃูกๆของผมก็จะต้องเปียกฝน อาจจะเจ็บป่วยกันเป็นแน่เพราะเครื่องกันฝนก็ไม่มีพอ หมดปัญญาเสียแล้วก็นึกถึงหลวงพ่อทวดฯได้เลยขออาราธนาท่านให้ช่วยปัดเป่าลมฝนได้
   ผมเดินต่อมาสักครู่ ท้องฟ้าอันดำมืดและฟ้าที่กำลังคำรามไม่จาดเสียงนั้น เริ่มแจ่มใสขึ้นจนท้องฟ้าสว่างมองเห็นดวงดาว
   ผมแทบไม่เชื่อเลยว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพราะท้องฟ้าแทบจะถล่มลงมาอยู่แล้วทั้งพายุก็โหมลงมาอย่างแรงคล้ายๆกันว่าแทบจะสุดกลั้นที่จะไม่ให้ฝนตกทั้งมีละอองฝนมาบ้างแล้ว
   ผมเริ่มวิตกมากยิ่งขึ้น แต่ที่สุดฝนก็ไม่ตก ในเวลานี้ส่วนตัวผมมีความเชื่อมั่นในอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯท่านเหลือเกิน


ปลอดภัยแม้ลงเหว

ร.ร. เสนาธิการทหารบก
11 พฤศจิกายน 2500
เรียน อาจารย์ ที่เคารพ
    อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องเกี่ยวกับอภินิหารหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่ผมได้ประสบมา และอยากจะเล่าให้อาจารย์ฟัง
   กล่าวคือเมื่อเดือนตุลาคม 2500 ทางโรงเรียนได้พาคณะอาจารย์ออกเดินทางไปตรวจภูมิประเทศทางภาคอีสานโดยทางรถยนต์พร้อมกับนำนักเรียนนายร้อยชุดปัจจุบันไปทำการฝึกภาค วันที่11 ตุลาคมเป็นวันเดินทางออกจากขอนแก่น จะไปพักแรมที่จังหวัด นครราชสีมา
   เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงสถานีบ้านไผ่ประมาณ8 ก.ม. รถคันที่ผมนั่งมาด้วยเกิดพลิกคว่ำอย่างแรงเพราะรถแล่นมาตามทางลาดต่ำและวิ่งไปด้วยความเร็วสูง รถจะต้องเลี้ยงโค้งเป็นมุมฉากเพื่อตัดข้ามทางรถไฟ เนื่องจากคนขับไม่เคยทาง จึงไม่ทราบลักษณะของโค้ง จึงขับด้วยความเร็ว 50 ถึง6กิโลเมตรต่อ ชั่วโมงเลยพลิกคว่ำลงอย่างไม่เป็นท่าลงตรงนั้นเอง
   รถพลิกคว่ำลงข้างถนนอันเป็นที่ลาดต่ำมากสี่ล้อชี้ฟ้าไปเลยครอบเอาพวกเราไว้ในรถกะบะนั้นเอง ขณะรถยนต์ทำท่าจะพลิกคว่ำนั้นผมตกใจมากร้องตะโกนโดยไม่รู้สึกตัวว่า “หลวงพ่อทวดช่วยด้วย”สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือรถไม่พลิกคว่ำไปต่อ
   น่าอัสจรรย์ที่สุดคือ พวกเราคลานออกมาจากกะบะรถทีละคนๆด้วยความปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลยอย่างมากก็แผลฟกซ้ำดำเขียวเล็กๆน้อยๆ
   พวกขับรถโดยสารมาพบเข้าหยุดถามว่า “ตายกี่คน” จึงบอกเขาว่าไม่เป็นไร เขาบอกว่าเมื่อรถคันใดพลิกตรงนี้จะไม่มีคนตายนั้นไม่มี
   เมื่อพวกเราตรวจดูรถที่คว่ำแล้วก็ปรากฏสิ่งที่น่าแปลกใจอีกว่าที่รถไม่พลิกลงตามลาดอีกต่อไปเป็นเพราะถังน้ำมันเบ็นซินขนาด200ลิตร3ถังที่บรรทุกอยู่ในรถคันน้มีอยู่2ถังตกลงไปรองรับขอบกระบะรถด้านลาดต่ำข้างหน้า1ถังข้างหลัง1ถังอีกถึงหนึ่งกระเด็นกลิ้งไปไกลจากเรามิฉะนั้นคงทับพวกเราบี้แบนไปหมด
   น่าคิดว่ามีอภินิหารอะไรเอาถังน้ำมันไปรองรับขอบกระบะมิให้รถพลิกต่อไปถึง2ถังและตั้งรับไว้ในที่อันเหมาะสมเช่นนี้ทำให้พวกเราปลอดภัย
   นายทหารทุกคนโจทย์กัน่วาในจำนวนพวกเราคงมีของดีแน่ๆและในขณะรถวิ่งเร็วได้แฉลบมาหลายครั้ง
   ผมตกใจอาราธนาหลวงพ่อทวดฯช่วยทุกครั้งและขณะรถพลิกคว่ำผมก็ตกใจจึงร้องตะโกนว่า “หลวงพ่อทวดช่วยด้วย”นี่แหละครับเรื่องที่ผมประสบมา

                               เคารพยิ่ง
                     พันโท ประสิทธิ์ เวชสววรค์


คุ้มครองรั่วของชาติ

พลตำรวจ รวย ดำรักษ์ อายุ 24ปีประจำการค่ายอิงคยุทธบริหารบ่อทอง จ.ปัตตานีทางการตำรวจส่งตัวไปสมทบกับกองตำรวจเพื่อปราบปรามผู้ร้ายในจังหวัดพัทลุง ในคืนของวันที่ 3พฤศจิกายน 2499พลตำรวจรวยได้แยกออกจาพวกออกไปตรวจทางเรือในตำบลดอนพนางตุงใกล้หมู่บ้านทะเลน้อย อ.ควนขนุน มีนายศรี และนายเสริฐสองพี่น้องช่วยเป็นผู้พายเรือร่วมไปด้วย
   เวลาประมาณ20.00น.พบเรือลำหนึ่งส่องสวนทางลงมาตามลำน้ำและส่องไฟฉายมาที่เรือพลฯรวย พลฯรวยจึงตะโกนบอกว่า “เราตำรวจโว้ย” เรือนั้นได้ลอยลำใกล้เข้ามา
   พลฯรวยจึงส่องไฟฉายดูบ้างปรากฏว่าชายฉกรรจ์อยู่ในเรือลำนั้น6คนมีปืนลูกซองอยู่ที่ท้องเรือ 2 กระบอกพลฯรวยเห็นผิดปกติก็ระวังตัว แต่เรือก็ได้ล่องมาเทียบชิด พลฯรวยตัวคนเดียวจึงรู้ว่าเสียเปรียบจึงใช้มือทั้ง2ข้างผลักดันเรือลำนั้นให้ออกห่าง
   แตทันใดนั้น พลฯรวย ดำรักษ์ ก็ถูกยิงจากชายกลุ่มนั้นด้วยปืนสั้น1นัดกระสุนปืนได้ถูกที่คิ้วซ้าย พลฯรวยสลบตกน้ำไปมารู้สึกตัวเมื่อเข้ามานั่งอยู่ริมน้ำแต่กำลังงงอย่างหนักปืนเล็กยาวของพลฯรวยก็หายไปพร้อมๆกับเรือทั้ง2ลำ
   ข้าพเจ้าถามว่าใครเอาตัวพลฯรวยขึ้นมาจากน้ำในเมื่อกำลังสลบอยู่ เขาตอบว่าไม่ทราบ
   ข้าพเจ้าถามว่ามีใครอยู่ใกล้เคียงที่นั้นบ้างเขาตอบว่าไม่มีใคร เขานั่งอยู่คนเดียว
   ข้าพเจ้าถามว่าเขารอดชีวิตจากกระสุนที่สำคัญแต่ไม่เข้าและสลบน้ำอีกทั้งสองครั้งนี้เป็นเพราะอะไรและมีอะไรติดตัวอยู่บ้างเขาตอบว่าผมมีพระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ได้ขอจากท่านพระอาจารย์ทิมฯที่วัดช้างไห้อยู่ในกระเป๋าเสื้อ1องค์
   ผมจึงเชื่อแน่ว่าหลวงพ่อทวดฯได้กรุณาคุ้มครองชีวิตผมไว้จึงรอดตายมาทั้ง2ครั้ง
   หลังจากข้าพเจ้าสอบถามปากคำพลฯรวย ดำรักษ์ ประมาณ15วัน ข้าพเจ้าพบกับ พ.ต.ท.วิชิต รักษนาเวศ ผกก.ต.ช.ด.เขต8,9 เรียนถามเรื่องของพลฯรวยกรุณาตอบว่า เรื่องของพลฯรวยนั้น เปนความจริงในเรื่องถูกผู้ร้ายยิงท่านผู้กำกับซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาพลฯรวยท่านได้รับรายงานไว้แล้ว ปืนพลฯรวยก็เพิ่งได้คืนจากผู้ร้ายเมื่อเร็วๆนี้

               อนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก


ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg243
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:49:47 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #8 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:48:53 PM »

นำทางเครื่องบิน

เพื่อนรักของข้าพเจ้าผู้หนึ่ง (ขอสงวนนาม) ได้มาเยี่ยมข้าพเจ้าที่บ้านท่านผู้นี้ไม่มีความสนใจในเรื่องโชคลาภใดๆแต่ข้าพเจ้ามีความรักและเจตนาดีจึงได้มอบพระเครื่องหลวงพ่อทวดให้ไป1องค์และกำชับว่าแม้ท่านยังไม่สนใจแต่ไปไหนมาไหนให้เอาติดกระเป๋าไว้วันหลังจะทราบผล
   อยู่มาวันหนึ่งท่านได้พบกับข้าพเจ้าและเล่าเรื่องอัศจรรย์ที่ท่านได้ประสบโดยไม่น่าจะเป็นไปได้ คือครั้งหนึ่งท่านกลับมาจากจังหวัดภูเก็ตมาจังหวัดปัตตานีเป็นการด่วนจึงโดยสารเครื่องบินเมลกลับมา
   ขณะเครื่องบินๆมาได้ครึ่งทางก็ประสบกับพายุและฝนตกอย่างแรง นักบินให้สัญญาณไฟแดงแจ้งความไม่ปลอดภัย ลำเครื่องบินถูกพายุแรงโคลงตัวอย่างกับเรือถูกเครื่องใหญ่
   นักบินจะนำเครื่องบินหนีพายุจึงปักหัวขึ้นสูงจะให้พ้นพายุแต่กลับซ้ำร้ายยิ่งกว่าเดิมเพราะประสบพายุแรงขึ้นอากาสมืดดำมองไม่เห็นทิศทางเลย
   ท่านวิตกและนึกถึงหลวงพ่อทวดขึ้นได จึงเอามือตบกระเป๋าเสื้อดูก็พบว่ามีอยู่ ท่านจึงกล่าวในใจว่า ขอให้หลวงพ่อทวดปาฏิหาริย์ปัดเป่าพายุร้ายให้สงบลงเถิด
   ทันทีนั้นอากาศก็สว่างมองเห็นพื้นดินท่านจำได้ว่าเครื่องบินกำลังบินอยู่เหนือ อ.ระโนด จ.สงขลา เอง
   ข้าพเจ้าจึงซักถามว่าขณะที่ท่านขอให้หลวงพ่อทวดปาฏิหาริย์ปัดปเป่าพายุนั้นนานประมาณสูบบุหรี่หมดไปสักครึ่งมวนได้ไหมพายุจึงสงบ(ข้าพเจ้าคิดว่าสูบบุหรีครึ่งมวนนั้นเครื่องบินเร็วๆอาจพ้นพายุได้)แต่ท่านหัวเราะแล้วตอบว่า พายุสงบทันทีนั้นเอง
   และท่านว่าก็เป็นน่าอัศจรรย์ซึ่งน่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ได้เป็นไปแล้วเป็นที่ประจักษ์

         นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก รับรองว่าเป็นเรื่องจริง


สลายพลังไฟซ็อต

 ผู้สงวนนามท่านหนึ่ง เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าเมื่อท่านได้รับพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯไปจากข้าพเจ้าแล้วท่านจะไปไหนก็พกพระไว้ในกระเป๋าเสื้อเสมอ
   ต่อมาจึงได้เลี่ยมห้อยคอเป็นประจำ ต่อมาวันหนึ่งในเดือน พฤศจิกายน 2498 ท่านได้ทำการประชุมอบรมลูกน้อง ขณะนั้นฝนตกหนักฟ้าก็ร้องคำรามกลบเสียงท่าน
   ท่านจึงให้ลูกน้องนำรถจิ๊ปเข้ามาใกล้แล้วเดินเรื่องทำไฟเข้ากับเครื่องขยายเสียง เพื่อจะได้พูดให้ดังขึ้น ขณะที่พูดไปได้สักครู่ฟ้าก็ผ่าลงมาใกล้ๆบริเวณนั้น กระแสไฟฟ้าได้ซ็อตเข้าเครื่องขยายเสียงและขณะนั้นท่านจับไมโครโฟนอยู่ กระแสไฟฟ้าได้ซ็อตเข้าตัวท่าน
   ปรากฏว่าหังใจหยุดเต้นไปประมาณ2นาทีท่านรู้สึกว่ามีอำนาจลึกลับมาปะทะหน้าอกท่านก็พบพระหลวงพ่อทวดที่ห้อยคออยู่รู้สึกขนลุกซ่าไปทั้งตัว และอาการที่ทำให้ท่านใจสั่นและอ่อนระทวยนั้นก็กลับคืนดีเป็นปกติ และได้ทำการอบรมลูกน้องจนจบ หลังจากนั้นท่านก็ทำการรักษาตัวกับนายแพทย์ที่ปัตตานีถึงสามเดือน โรคกระทบกระเทือนของท่านที่ถูกไฟฟ้าซ็อตครั้งนั้นจึงหายเป็นปกติ ข้าพเจ้าไปเยี่ยมถึงบ้านท่านจึงเล่าให้ฟัง
       
    นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก


ช่วยชีวิต ตชด.

วันหนึ่งเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2503 ได้มีชายผู้หนึ่งมาหาข้าพเจ้าที่บ้าน และแนะนำตัวเองว่าชื่อ สมัพันธ์ โสตะจินดา เป็นนักประพันธ์ใช้นามปากกาว่า “ลพบุรี” อยู่โรงพิมพ์นครไทย ถนนศิริอำมาตย์ พระนคร ได้มีกิจธุระที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
   เขาได้ทราบข่าวเกี่ยวกับอภินิหารหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดจากเพื่อนๆว่าตำรวจตระเวนขายแดนจำนวน15คนได้ออกทำการตรวจโจรจีนในป่า โดยแยกกันเป็นหมู่ๆไปเป็นแนวหน้ากระดานขณะเดินไปในป่าเป็นเวลานานพวกที่เดินทางริมสุดได้เดินหลวงทางเฉียงเข้า เข้ามาตัดหน้ากับพวกที่อยู่แนวกลางแล้วได้หาที่กำบังหยุดนั่งพักอยู่ในสุมทุมไม้โดยมีใบไม้กำบังพอลางๆ
   ส่วนพวกที่อยู่แนวกลางเดินมุ่งตรงไปด้านหน้า โดยมองเห็นคนอยู่ในพุ่มไม้นั้นอยู่ลางๆ จึงได้เพ่งมองอย่างตั้งใจ เพื่อที่จะได้รีบทำลายโจรจีนโดยเร็ว จึงได้มองเห็นเพื่อนตำรวจเหล่านั้นเป็นโจรจีนไปและได้ทำการยิงด้วยปืนระดมยิงเร็ว2กระบอกประมาณ15นัด แต่กระสุนปืนทกๆนัดไม่ระเบิด
   ฝ่ายผู้ที่ถูกยิงซึ่งนั่งในพุ่มไม้นั้น เมื่อได้ยินเสียงดังแซะๆครั้งแรกเข้าใจว่าเป็นเสียงของกิ่งไม้ที่ถูกลมพัด แต่เมื่อได้ยินเสียงดังถี่ๆก็ลุกขึ้นชะโงกน้าออกมาดู
   ฝ่ายผู้ยิงเมื่อได้เห็นหน้าชัดว่าเป็นพวกเดียวกัน ก็ตกใจถึงกับเป็นลมล้มเมื่อเป็นที่เข้าใจกันดีแล้วก็ถามเพื่อนว่ามีอะไรดีจึงยิงไม่ระเบิดทั้งๆที่ยิงไป15นัดจึงได้ช่วยกันตรวจค้นปรากฏมีพระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดอยู่ในกระเป๋าเสื้อ 1 องค์
   หลังจากนั้นมาข้าราชการอำเภอเบตงได้มาขออีก3คนได้เล่าเรื่องนี้ให้ข้าพเจ้าทราบและบันทึกไว้ ต่อมาประมาณ10วันข้าราชการชั้นหัวหน้าแผนกประมาณ1คนเป็นผ้ที่รักใคร่ชอบพอกับข้าพเจ้าได้มาเล่าเรื่องนี้ให้ข้าพเจ้าฟังที่บ้าน ท่านว่าเรื่องอภินิหารของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ขณะนี้ชาวอำเภอเบตงเลื่อมใส่กันมากยิ่งขึ้น
               
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก


ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:50:21 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #9 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 05:53:39 PM »


เทพของแม่และบุตร


เมื่อปลาย พ.ศ.2498 มีผู้หญิงไทยอิสลามคนหนึ่งคลอดบุตรเอามือออกมาก่อน  แต่ติดอยู่เพียงนั้น เวลาผ่านมา3วัน2คืนบุตรจึงตายอยู๋ในท้อง คนเจ็บหมดกำลังและลมเบ่ง อาการเข้าเขตอันตราย ญาติคนเจ็บมาตามภรรยาข้าพเจ้าซึ่งเป็นนางผดุงครรภ์แผนปัจจุบัน
   เมื่อภรรยาของข้าพเจ้าได้ไปตรวจดูแล้ว ก็ทราบว่าไม่มีทางใดจะช่วยได้ จึงแนะนำญาติของผู้ป่วยให้นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี แต่เขาไม่ยอมนำไปได้แต่ขอร้องให้ภรรยาของข้าพเจ้าช่วยแต่อย่างเดียว

   เมื่อไม่มีทางใดที่จะใช้วิชาความรู้ช่วยได้แล้ว เขาก็ระลึกถึงพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ ซึ่งเขาเชื่อมั่นเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว เขาจึงอาราธนาให้ท่านช่วยสะเดาะลูกในครั้งนี้ให้ด้วย   
   พอจบคำอธิษฐานในใจ(ผู้เจ็บ) ก็ร้องครวญครางขึ้น ภรรยาของข้าพเจ้าจึงจับมือเด็กนั้นเขย่าเบาๆทันทีนั้นเด็กก็เปลี่ยนเอาก้นออกมาเขาเห็นที่เป็นเช่นนั้นเพราะถูกหลักจึงใช้วิชาความรู้ จัดการเอาเด็ฏออกจากท้องแม่โดยง่ายดาย
   ภรรยาข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าเป็นด้วยคุณอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯท่านดลบันดาลให้แน่เพราะประสบมาแล้วเป็นที่ประจักษ์
   มีอีกรายหนึ่งเมื่อพ.ศ.2499 เวลากลางคืน ผู้หญิงจีนมาที่บ้านข้าพเจ้าและบอกว่าเขาปวดท้องจะคลอด(ผู้หญิงจีนคนนี้ฝากท้องกับภรรยาข้าพเจ้า) ข้าพเจ้าว่าเขายังคลอดไม่ได้ เพราะภรรยาข้าพเจ้าไปทำคลอดที่อื่นยังไม่กลับมาเขาว่าเจ็บเต็มทนจะคลอดอยู่แล้วข้าพเจ้าจนใจจึงรีบเข้าห้องพระ กราบบูชาหลวงพ่อทวดฯ แล้วกล่าวว่าขอให้หญิงจีนนี้อย่าเพิ่งคลอด และขอให้ทางโน้นคลอดง่ายและให้ภรรยาข้าพเจ้ากลับมาเร็วๆเถิด ประมาณ10นาที ภรรยาข้าพเจ้ากกลับมาได้นำหญิงจีนเข้าห้องประมาณ5นาทีก็คลอดอย่างง่ายดาย

   เมื่อภรรยาเสร็จธุระ ข้าพเจ้าถามเขาว่าทำไมจึงได้กลับเร็ว ทางโน้นคลอดแล้วหรือ เขาตอบว่าคลอดแล้ว ขณะล้างมือและทำความสะอาดอยู่นั้น ได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูอยู่ว่าจงรีบกลับ เขาสนใจในคำกระซิบนั้นจึงรีบกลับมาทันที เจ้าของบ้านขอร้องให้นั่งพักเขาก็ไม่ยอมนั่ง
   นี่ก็เกิดจากอำนาจอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯที่ภรรยาข้าพเจ้าได้ประสบมาทั้งสองเรื่อง

                  เปี่ยม จุลวัธน์ ธ.บ. ทนายความจังหวัดปัตตานี

    นายไสว ปลื้มสำราญ ครูประชาบาล โรเรียนตำบลบ้านไร่ได้พบกับข้าพเจ้าที่วัดช้างไห้ และเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า คืนวันที่24 เมษายน 2497 เวลากลางคืนภรรยาของเขาถูกตะขาบกัดมีอาการเจ็บปวดทุรนทุราย ไม่ได้สติ เวลาค่ำคืนนี้จะหายาที่ไหนไม่ได้
   นายธำรงบุตรชายคนโต จึงนิมนต์พระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดลงในน้ำพอเปียกแล้วเอาตั้งลงบนแผลนานประมาณ2-3นาทีแล้วก็หายปวดทันที นายไสวบอกว่าเขาได้ประสพอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯในครั้งแรกจึงเลือมใสวันนี้ผมจึงมาขอพระเครื่องอีก
   เรื่องเอาพระเครื่องรักษาคนที่ถูกตะขาบกัดมีมากราย ปรากฏว่าศักดิ์สิทธิ์นัก แต่ผู้เขียนเห็นว่าไม่จำเป็นจะบันทึกลงทุกๆคนเพราะยังมีเรื่องอีกมากมาย
                       
           นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก



ยิงเผาขนไม่ระคายผิว

คืนวันที่10พฤศจิกายน 2497 เวลาประมาณ19.00น. นายซัว นิลกำแหง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่3 ต.ลำพะยา จังหวัดยะลา ได้เอาพระเครื่องหลวงพ่อทวดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วลงจากเรือนไปวัดลำพะยา เพื่อฟังพระแสดงธรรม วันนั้นเดือนขึ้น15ค่ำพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่าง เวลาประมาณ 22.00น. พระแสดงธรรมเสร็จแล้วก็กลับบ้าน
   ขณะเดินมาพบคนร้าย3คน เป็นที่เขารู้จักดีและจำได้ดีเพราะแสงสว่างของดวงเดือน ผู้ร้ายคนหนึ่งวิ่งมาใกล้แล้วใช้ปืนสั้นยิงเขาในระยะใกล้ชิดรวม4นัด3นัดแรกไม่ถูก กระสุนนัดสุดท้ายถูกข้างตะโพกของนายซัวล้มลง ผู้ร้ายเข้าใจว่าเขาถูกกระสุนปืนตายเสียแล้วจึงได้พากันหนีไป
   นายซัวจุงลุกขึ้นดูรอยถูกกระสุน ปรากฏว่ากางเกงทะลุตามแรงกระสุนปืนแต่ที่ตะโพกไม่มีบาดแผล เขาจึงรอดชีวิตมาได้ก้เพราะอำนาจหลวงพ่อทวดฯ คุ้มครอง เขายังพูดให้ผู้สอบถามฟังว่าถ้าหลวงพ่อทวดฯไม่คุ้มครองผมคงตายแล้วแน่เพราะมันยิงผมในระยะเผาขน
         นายชาติ สิมศิริ นายกวี จิตต์กุล นายวิษฐ์ คณานุรักษ์
         ได้สอบถามปากคำนายซัวด้วยตนเองทั้งสามคน 

ที่มา : คุณ NAMO  >> http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#ms
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 25, 2010, 05:51:18 PM โดย Nat_usp » บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #10 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 06:12:45 PM »



                       นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ  อิติภควา  ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

บันทึกการเข้า

                
Peerapat - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 178
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1690


จะรบเป็นชาติพลี มอบวิญญาณ ดวงนี้ เพื่อผืนดินไทย


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 06:20:21 PM »

ขอบคุณครับ   ไหว้

ผม พ่อและแม่ ต้องพากันไปทำบุญที่วัดช้างให้ ทุกปีอย่างน้อยต้องได้ปีละครั้งครับเพื่อเป็นสิริมงคลกับครอบครัว  Grin



บันทึกการเข้า

sada
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 06:22:50 PM »

เรื่อง ส่วนตัว ครับ
  ผมขับรถ เครื่อง ( คริสตัส) สมัย ก่อน  หลับใน  ชนเสาไฟฟ้า ต้นใหญ่ (ต้นที่มีหม้อแปลง)  
 ชน เข้าอย่างจัง (รถแต่ง ความเร็ว ประมาณ 140 จมไมค์)  ตอนชน เหมือนมีใคร มา กระชาก แขน ทางด้าน ซ้าย อย่างแรง ครับ
  สภาพ รถ หน้าปัด ทีดูเข็มไมค์ ชนกับ เบาะ รถ  กระดุมล้อหน้า ชนเสื้อสูบ (ฝาสูบ แตก) แกนโช๊ค  งอเป็นรูปตัว L  
 ตัวถัง งอ ต้องทิ้ง ดัด ไม่ได้   ถ้าพูด ง่ายๆ  ช่วงหน้า ตัดทิ้ง อย่างเดียว ซ่อมทั้งหมด 8000 บาท  จำได้ดีครับ
 ตำรวจ    มีคนตายมั้ย  
 ผม         ไม่มี  ครับ
 ตำรวจ    คนเจ็บล่ะ
 ผม         ไม่มีครับ
 สภาพ ผมยังอยู่ในอาการมึน งง
 ตำรวจ   ตกลงว่า แกมาคนเดียว
 ผม         ครับ
คำถาม สุดท้ายที่ตำรวจท่านนั้น ถามผม ก็คือ     แกแขวน พระอะไร ว่ะ
 ผมก็ไม่ตอบ แต่ ดึง พระมาจาก คอ   ตำรวจ คนนั้น มองแล้ว ไม่รู้ สึกแปลกใจอะไรเลย
 แล้วท่าน ก็พูด ว่า   หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ปี 05 หลังเตารีด พิมพ์ ใหญ่ เนื้อ นะวะ
 ผม หัวเราะแล้ว พูด ว่า   สายตาพี่ช่างคมจริงนะครับ
 ตำรวจ ยิ้มแล้วพูดว่า  แล้ว จะเอายังไง เนี้ยไป โรงบาลมั้ย
ผม        ไปครับ  ผมยังไม่เคย นอนห้อง วีไอพีเลย ตั้งแต่ ทำประกัน มา
 แล้ว  เพื่อนผมก็เอาผม ส่งโรงบาล  
 ส่วน ที่เจ็บ คือ  หัวเข่า น่าจะกระแทกพื้นที่มีลูกหิน อยู่ เลยช้ำเลือด นอกนั้นก็ปวดเมื่อย นิดหน่อย ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2010, 06:26:09 PM โดย ศักดา ครับ » บันทึกการเข้า
อ้วน 008 รักในหลวง
ปืนดี คือปืนที่อยู่ในมือคนดี
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 120
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2249



« ตอบ #13 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 06:43:27 PM »

ท่านเป็นที่พึ่งทางใจมาตลอดครับ
บันทึกการเข้า

สนับสนุนการใช้ชีวิต ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พอกิน พออยู่ พอใช้ พอที่จะแบ่งปัน
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 24, 2010, 06:54:15 PM »

  หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ปี 05 หลังเตารีด พิมพ์ ใหญ่ เนื้อ นะวะ
 

                            ยังเหลยม้ายอ่าบัง

บันทึกการเข้า

                
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.129 วินาที กับ 21 คำสั่ง