เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 21, 2025, 04:22:12 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ  (อ่าน 3798 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 187
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2010, 03:52:14 PM »

ขอสอบถามสมาชิกนักกฏหมายในเว็บนี้ดังนี้ครับ
กรณีเช่าซื้อรถยนต์จากธนาคาร ในสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ระบุให้ผู้เช่าซื้อหรือครอบครองทำประกันภัยทรัพย์ที่เช่าซื้อและระบุให้ธนาคารเป็นผู้รับผลประโยชน์
เมื่อผู้เช่าซื้อนำรถไปทำประกันภัยชั้นหนึ่งกับบริษัทรับประกันภัย  ผู้เช่าซื้อระบุชื่อตนเองเป็นผู้รับผลประโยชน์  แต่ต่อมาบริษัทประกันภัยตรวจสอบพบว่ารถอยู่ระหว่างการเช่าซื้อ จึงดำเนินการระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคารผู้ให้บริการเช่าซื่อตามสัญญา โดยพลการ
คำถามคือ
๑.ผู้เช่าซื้อเป็นผู้ชำระเบี้ยฯ และได้ระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นชื่อตนเองซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งสัญญาประกันภัยนี้  การเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคารโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เช่าซื้อซึ่งเป็นผู้ชำระเบี้ย เป็นการทำให้วัตถุประสงค์แห่งสัญญาเปลี่ยนไปหรือไม่
๒.ผู้เช่าซื้อสามารถยกกฏหมายใดมาเป็นข้อต่อสู้ได้หรือไม่  เพราะสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าว กับสัญญาประกันภัย เป็นสัญญาคนละฉบับซึ่งไม่มีผลผูกพันกัน
๓.ธนาคารผู้ให้การเช่าซื้อแม้เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นแต่ไม่ใช่คู่สัญญาประกันภัย   สามารถมีอำนาจระบุให้มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของสัญญาประกันภัยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ชำระเบี้ยซึ่งเป็นคู่สัญญาตัวจริง ได้หรือไม่
ผมลองโทรปรึกษาฝ่ายกฏหมาย คปภ. ได้คำตอบว่า "ใครๆเขาก็ทำกันแบบนี้ ผู้ให้บริการเช่าซื้อย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ในทรัพย์ซึ่งตนเองถือกรรมสิทธิ์" 
ผมว่ามันฟังดูเอื้อประโยชน์ให้ธนาคารกับบริษัทฯประกันภัยฮั้วกันเองได้โดยผู้เช่าซื้อจ่ายตังค์อย่างเดียว
บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 187
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2010, 08:34:24 AM »

ดันขึ้นมาให้อ่านหน่อยครับ
บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15855
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2010, 09:49:45 AM »

จิงจร้า  พี่ออยขร๊าาาา..........เพราะสถาบันการเงินมันบังคับเอากับคนเช่าซื้อและคนค้ำประกันได้เต็มวงเงินอยู่แล้วอ่ะค่ะ
ม่ายควรจะมาบังคับให้ยินยอมยกประโยชน์ในส่วนอื่นอีก  ที่สำคัญน่าจะมาจากค่าหัวคิว..(ย) ค่าคอมมิสชั่นจากโบกเกอร์ประกันภัยที่มีส่วนลดหลายสิบเปอร์เซ็นต์อ่ะค่ะ  หลายรายก็เงินมาโข และที่สำคัญอยู่ในกลุ่มทุนเดียวกันอ่ะค่ะ
พี่ออยคร๊าาาา ลองไปยื่นฟ้องศาลไคฟงดูสิคร๊าาาาา เพราะสาระสำคัญมันอยู่ตรงที่คนทำประกัน ทำเพื่อให้มีหลักประกันสำหรับตนเอง  เผื่อตอนเกิดเรื่องจะได้มีเงินไปจ่ายสถาบันการเงินตะหากนะ
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
noomrider
Hero Member
*****

คะแนน 74
ออฟไลน์

กระทู้: 4574


ชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป


« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2010, 06:30:05 AM »

ผมมีข้อสงสัยครับ

ด้วยความเคารพครับ

ท่านจขกท.เป็นห่วงเรื่องใด  เอาตามความเข้าใจของผมละกันนะไม่เกี่ยวกับท่านoil นะครับ

ถ้ากลัวรถหายเเล้วเราไม่ได้เงินคืน  ถ้าเราได้เงินจากประกันเราก็ยังต้องผ่อนรถกับไฟแนนซ์ต่ออยู่ดี  หรือไฟแนนซ์ได้เงินจากประกันท่านก็ยังต้องผ่อนส่วนที่ยังขาดอยู่ดี  โดนทั้งขึ้นทั้งล่องครับ

หรือกลัวเรื่องอุบัติเหตุ  ก็เอารถเข้าเคลมในอู่ประกันก็หมดปัญหานะครับ
บันทึกการเข้า



อย่านอนตื่นสาย   อย่าอายทำกิน   อย่าหมิ่นเงินน้อย  อย่าคอยวาสนา
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2010, 08:13:22 AM »

ปกติไม่เคยเจอนะครับ ที่ธนาคารจะไม่ระบุเรื่องนี้ไว้ในสัญญาเช่าซื้อ
ส่วนใหญ่จะมีตัวแทนประกันมานั่งรอบริการด้วยซ้ำ

สิทธิตามสัญญาประกันภัย เป็นเรื่องที่คู่สัญญาระหว่างผู้เอาประกันภัย และผู้รับประกันภ้ยจะตกลงกันครับว่าจะให้ผู้ใดเป็นผู้รับประโยชน์
และกฎหมายไม่ได้ห้ามให้ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์จะเป็นคนเดียวกัน

เมื่อขณะที่ไปทำสัญญา ผู้เอาประกันภัยตกลงสาระสำคัญในเรื่องผู้รับประโยชน์ว่าเป็นตัวผู้เอาประกันแล้วและผู้รับประกันภัยตกลงตามนั้น
ผู้รับประกันภัยจะทำการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในสัญญาภายหลังไม่ได้ครับ

ความเห็นส่วนตัวครับ

 ๑. เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการทำให้วัตถุประสงค์ในสัญญาเปลี่ยนแปลงครับ แต่การที่บริษัทประกันกลับระบุธนาคารให้เป็นผู้รับประโยชน์
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะสัญญาเดิมที่คู่สัญญาตกลงทำขึ้น
โดยเปลี่ยนจากสัญญาประกันภัยที่ผู้เอาประกันและผู้รับประโยชน์เป็นคนๆเดียวกัน เรียกว่า เป็นสัญญาสองฝ่าย
กลับกลายเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก ซึ่งมีบุคคลที่เป็นคู่สัญญาฝ่ายที่สามเข้ามาในสัญญาโดยไม่ชอบครับ

๒.ตามข้างต้นครับ
เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งคือผู้รับประกันภัย กลับเปลี่ยนแปลงลักษณะของสัญญาที่ตกลงไว้เดิม
ถือว่าคำเสนอคำสนองไม่ตรงกัน ไม่ก่อให้เกิดสัญญาและสิทธิตามสัญญาทั้งสิ้น
แม้สัญญาพิมพ์มาแล้ว เราสามารถบอกกล่าวยกเลิกการทำสัญญาดังกล่าวได้ครับ


๓. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย ไม่ได้ระบุว่าผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ประกัน
เพียงแต่กำหนดว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องมีส่วน ได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้ด้วย ในกรณีนี้คือความรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อ
ดังนั้น ไม่ว่าบริษัทประกันจะมีข้อตกลงอย่างไรกับธนาคาร ก็จะนำมาเป็นเหตุในการเปลี่ยนแปลงสัญญาไม่ได้
เพราะข้อตกลงระหว่างบริษัทประกันกับธนาคาร เราไม่รู้เห็นหรือตกลงด้วย

ป.ล. เมื่อพบว่า บริษัทประกันทำการเปลี่ยนแปลงสัญญาแล้ว เราต้องดำเนินการยกเลิกทันที
อย่าส่งเบี้ยประกันไปพลางๆจนเกิดเรื่อง เพราะอาจจะมองได้ว่า
เราตกลงหรือยินยอมรับเงื่อนไขในสัญญาที่ทางบริษัทประกันเปลี่ยนแปลงไปโดยปริยายได้ครับ Grin Grin

ถูกผิดชี้แนะด้วยครับ Cheesy
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2010, 08:20:05 AM โดย นายสิงห์กลิ้ง » บันทึกการเข้า
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 187
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2010, 10:51:37 AM »

ขอบคุณ  คุณทนายสิงห์ครับ
ประเด็นชัดเจนว่าบริษัทฯผู้รับประกันภัยได้รับคำสั่งจากธนาคารผู้ให้บริการเช่าซื้อ ให้ระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคาร 
สอบถามจนพบสาเหตุว่า สัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันนี้ถูกระบุให้ผู้เช่าซื้อ(คนแรก)ต้องทำประกันภัยรถยนต์และระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคาร
ต่อมาผมเป็นผู้มาสวมสิทธิ์สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวข้างต้น เป็นการเปลี่ยนคู่สัญญาจากผู้ซื้อคนแรก กับธนาคาร  มาเป็นผม(ผู้เช้าซื้อ)กับธนาคาร
ความผูกพันในสาระแห่งสัญญาจึงตกเป็นพับแก่ผู้เช่าซื้อรายใหม่ด้วย   สรุปว่าผมไม่ระมัดระวังเอง ปล่อยให้ธนาคาร"แนะนำ"ประกันภัยให้   
ในวันข้างหน้าถ้าจะทำประกันภัย  ควรจะเลือกผู้รับประกันภัยเองและพิจารณาถี่ถ้วนก่อนชำระเบี้ย 
กรณีของผม ชำระเบี้ยครบแล้ว บริษัทฯประกันภัย  ปฎิเสธการแก้ไขสัญญาสลักหลังประกันภัย

ปล. ผมคิดไม่ผิดที่เลือกเรียนกฏหมายเพิ่มเติม  เพราะเวลามีปัญหาข้อกฏหมายแบบนี้ เจอแต่ทะแนะ ชอบเอาแต่ความเห็นความรู้สึกส่วนตัวโดยไม่ยกเอาข้อกฏหมายมาปรับใช้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันมากมายและเสียสิทธิ์อันพึงมีของตนไป   ต้องขอบคุณ คุณสิงห์กลิ้งมากที่สละเวลามาให้ความรู้เป็นวิทยาทาน
บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2010, 11:47:40 AM »

ว่าแล้วก็ขอต่อยอดนิดหน่อยจากเรื่องนี้ครับเพื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ไหว้

คดีนี้ โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ จากจำเลย ซึ่งเป็นสถาบันการเงิน
และโจทก์ได้ทำสัญญาประกันภัย โดยให้จำเลยเป็นผู้รับผลประโยชน์จากสัญญาประกันในกรณีรถหาย หรือเสียหาย

โดยในสัญญาเช่าซื้อระบุว่า หากรถยนต์สูญหาย ผู้เช่าซื้อยอมชดใช้ค่ารถยนต์เป็นเงินเท่ากับค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือที่ผู้เช่าจะต้องชำระทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อทันที และไม่สามารถอ้างว่า จำเลยได้รับเงินค่ารถยนต์จากบริษัทประกันภัยที่โจทก์จ่ายเบี้ยประกันให้
หรือสรุปง่ายๆไม่ว่ากรณีใด โจทก์ ผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดเต็มราคาค่ารถตามสัญญาเช่าซื้อนั้นเอง

ปรากฎว่ารถยนต์คันดังกล่าวหายไป จำเลยได้ติดต่อขอรับเงินค่ารถตามสัญญาประกันที่ให้จำเลยเป็นผู้รับประโยชน์
และบริษัทประกันได้จ่ายเงินค่ารถ เต็มตามวงเงินที่โจทก์ยังค้างชำระ

ปรากฎว่าโจทก์ลูกหนี้รายนี้ กลับเป็นลูกหนี้ที่ดี ยังคงผ่อนลมให้บริษัทจำเลย หลังจากที่รถหาย จำนวน ๑๐ งวด เป็นเงินทั้งสิน ๒๒๗,๐๓๐  บาท

ต่อมากลับมาฟ้องจำเลย เรียกเงินค่ารถที่ผ่อนไปทั้งหมดคืน จำเลยอ้างสัญญาดังกล่าวขึ้นต่อสู้

 
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยไว้ยุติธรรมมากๆ คือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  ๔๘๑๙/๒๕๔๙ ดังนี้ครับ

จำเลยต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อ ๑๐ งวด เป็นเงิน ๒๒๗,๐๓๐ บาท ให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่

ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ ๓ กำหนดว่า "ผู้เช่าสัญญาว่า (ก) ...กรณีที่รถยนต์สูญหาย ผู้เช่ายอมชดใช้ค่ารถยนต์เป็นเงินเท่ากับค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือที่ผู้เช่าจะต้องชำระทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อทันที โดยผู้เช่าจะไม่ยกเหตุที่เจ้าของมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทผู้รับประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยรายที่ผู้เช่าเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยตามเงื่อนไขของสัญญาเช่าซื้อ มาปฏิเสธความรับผิดที่จะต้องชำระราคาดังกล่าวข้างต้น

และระหว่างอายุสัญญาฉบับนี้จะประกันภัยรถยนต์ไว้ตลอดเวลาโดยใช้กรมธรรม์ชนิดให้ความคุ้มครองเต็มจำนวนราคาค่าเช่าซื้อโดยปราศจากข้อกำหนดความรับผิดอย่างต่ำที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบเองหรือข้อจำกัดสิทธิใด ๆ กับบริษัทประกันภัยที่เจ้าของเชื่อถือ และให้สลักหลังระบุให้เจ้าของเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์เต็มจำนวนและมอบกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวไว้กับเจ้าของ

ผู้เช่าในฐานะผู้เอาประกันต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์อย่างเคร่งครัด ถ้าผู้เช่าส่งคืนรถยนต์ให้แก่เจ้าของหรือถ้าเจ้าของกลับเข้าครอบครองรถยนต์นั้น ส่วนได้เสียของผู้เช่าในการประกันภัยใด ๆ ที่ทำไว้ตามสัญญาฉบับนี้ให้ตกเป็นของเจ้าของอย่างสิ้นเชิง โดยให้เจ้าของมีสิทธิได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการประกันภัยดังกล่าว รวมทั้งสิทธิเรียกร้องใด ๆ ตามกรมธรรม์ที่ยังค้างอยู่ ณ เวลาที่ส่งรถยนต์คืน หรือ ณ เวลากลับเข้าครอบครองรถยนต์ และหรือส่วนลดเบี้ยประกันภัยใด ๆ สิทธิที่จะได้รับเงินจำนวนใด ๆ และเงินทั้งหมดที่บริษัทผู้รับประกันภัยจะต้องจ่ายและที่ได้จ่าย

ในกรณีรถยนต์ถูกลักหรือเสียหายอย่างสิ้นเชิงตามสัญญาประกันภัยใด ๆ ดังกล่าวแล้ว ให้บริษัทรับประกันภัยจ่ายให้แก่เจ้าของโดยตรงและโดยสัญญานี้ผู้เช่ามอบหมายอำนาจอันจะเพิกถอนมิได้ให้เจ้าของเป็นผู้ออกใบรับเงินให้แก่บริษัทผู้รับประกันภัยสำหรับเงินใด ๆ ที่บริษัทผู้รับประกันภัยจะต้องจ่ายตามสัญญาประกันภัยดังกล่าว"


เห็นว่า หากเป็นไปตามสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวแล้ว กรณีรถยนต์ที่เช่าซื้อถูกลักไป จำเลยผู้ให้เช่าซื้อได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ๒ ทาง โดยได้จากโจทก์ผู้เช่าและจากบริษัทประกันภัย อันเป็นการเกินกว่าความเสียหายที่จำเลยได้รับ เมื่อโจทก์เป็นผู้เสียเบี้ยประกันภัยและจำเลยเป็นผู้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันภัย ก็เพื่อโจทก์จะไม่ต้องเป็นภาระใช้ค่ารถให้แก่จำเลยจึงยอมเสียเบี้ยประกันภัย และจำเลยได้แสดงเจตนาขอค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยแล้ว จนบริษัทประกันภัยอนุมัติให้จ่ายเงินให้จำเลย

การที่จำเลยรับเงินค่าเช่าซื้อที่เหลือจากโจทก์ หลังจากรถยนต์ที่เช่าซื้อถูกลักไปเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อจำนวน ๒๒๗,๐๓๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ที่จำเลยรับไปหลังจากรถยนต์ที่เช่าซื้อถูกลักไป คืนให้แก่โจทก์

...............................................

กลับกัน หากจำเลยในคดีนี้ กลับมาฟ้องโจทก์ผู้เช่าซื้อให้รับผิดค่าเช่าซื้อทั้งหมดตามสัญญา
ทั้งที่ได้รับเงินตามสัญญาประกันภัยที่โจทก์ชำระเบี้ยประกันครบถ้วนแล้ว

ข้อต่อสู้ของโจทก์ในคดีนี้ แน่นอนข้อหนึ่งคือ ใช้สิทธิทางศาลนำคดีมาฟ้องโดยไม่สุจริตนั้นเอง
เมื่อทางพิจารณาของศาลเห็นว่า มีการนำคดีขึ้นสู่ศาลโดยไม่สุจริตแล้ว ศาลต้องยกฟ้องคดีนี้ครับ Grin

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2010, 11:49:13 AM โดย นายสิงห์กลิ้ง » บันทึกการเข้า
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15855
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2010, 02:53:39 PM »

จ๊วบ  จ๊วบ  เอ้ยไม่ใช่อ่ะค่ะ  ต้อง จุ๊บ จุ๊บ  สองฟอดอ่ะค่ะพี่สิงห์ขร๊าาาาาา
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2010, 03:28:22 PM »

 คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.049 วินาที กับ 20 คำสั่ง