ปกติไม่เคยเจอนะครับ ที่ธนาคารจะไม่ระบุเรื่องนี้ไว้ในสัญญาเช่าซื้อ
ส่วนใหญ่จะมีตัวแทนประกันมานั่งรอบริการด้วยซ้ำ
สิทธิตามสัญญาประกันภัย เป็นเรื่องที่คู่สัญญาระหว่างผู้เอาประกันภัย และผู้รับประกันภ้ยจะตกลงกันครับว่าจะให้ผู้ใดเป็นผู้รับประโยชน์
และกฎหมายไม่ได้ห้ามให้ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์จะเป็นคนเดียวกัน
เมื่อขณะที่ไปทำสัญญา ผู้เอาประกันภัยตกลงสาระสำคัญในเรื่องผู้รับประโยชน์ว่าเป็นตัวผู้เอาประกันแล้วและผู้รับประกันภัยตกลงตามนั้น
ผู้รับประกันภัยจะทำการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในสัญญาภายหลังไม่ได้ครับ
ความเห็นส่วนตัวครับ
๑. เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการทำให้วัตถุประสงค์ในสัญญาเปลี่ยนแปลงครับ แต่การที่บริษัทประกันกลับระบุธนาคารให้เป็นผู้รับประโยชน์
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะสัญญาเดิมที่คู่สัญญาตกลงทำขึ้น
โดยเปลี่ยนจากสัญญาประกันภัยที่ผู้เอาประกันและผู้รับประโยชน์เป็นคนๆเดียวกัน เรียกว่า เป็นสัญญาสองฝ่าย
กลับกลายเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก ซึ่งมีบุคคลที่เป็นคู่สัญญาฝ่ายที่สามเข้ามาในสัญญาโดยไม่ชอบครับ
๒.ตามข้างต้นครับ
เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งคือผู้รับประกันภัย กลับเปลี่ยนแปลงลักษณะของสัญญาที่ตกลงไว้เดิม
ถือว่าคำเสนอคำสนองไม่ตรงกัน ไม่ก่อให้เกิดสัญญาและสิทธิตามสัญญาทั้งสิ้น
แม้สัญญาพิมพ์มาแล้ว เราสามารถบอกกล่าวยกเลิกการทำสัญญาดังกล่าวได้ครับ
๓. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย ไม่ได้ระบุว่าผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ประกัน
เพียงแต่กำหนดว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องมีส่วน ได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้ด้วย ในกรณีนี้คือความรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อ
ดังนั้น ไม่ว่าบริษัทประกันจะมีข้อตกลงอย่างไรกับธนาคาร ก็จะนำมาเป็นเหตุในการเปลี่ยนแปลงสัญญาไม่ได้
เพราะข้อตกลงระหว่างบริษัทประกันกับธนาคาร เราไม่รู้เห็นหรือตกลงด้วย
ป.ล. เมื่อพบว่า บริษัทประกันทำการเปลี่ยนแปลงสัญญาแล้ว เราต้องดำเนินการยกเลิกทันที
อย่าส่งเบี้ยประกันไปพลางๆจนเกิดเรื่อง เพราะอาจจะมองได้ว่า
เราตกลงหรือยินยอมรับเงื่อนไขในสัญญาที่ทางบริษัทประกันเปลี่ยนแปลงไปโดยปริยายได้ครับ

ถูกผิดชี้แนะด้วยครับ
