ผมขอเป็นส่วนน้อยแสดงความเห็นที่แตกต่าง หากไม่ถูกใจก็ขออภัยด้วยนะครับ
ก่อนอื่นผมขอแยกเป็นสองประเด็น คือ ประเด็นทางด้านกฏหมายและประเด็นทางด้านความรู้สึก กล่าวคือในประเด็นแรกผมเชื่อว่าสังคมใดๆจะอยู่ได้อย่างสงบสุขต้องมีกฏระเบียบที่สมาชิกในสังคมนั้นต้องยึดถือปฏิบัติตามซึ่งก็คือกฏหมาย และผู้ที่ทำหน้าที่รักษากฏหมายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ต้องปฏิบัติงานภายใต้ชอบเขตอำนาจหน้าที่ที่กฏหมายบัญญัติหรือกำหนดไว้ ต้องไม่กระทำตามอำเภอใจหรือความรู้สึกส่วนตัวเกินกว่าที่กฏหมายอนุญาตหรือเปิดโอกาสให้แม้ว่าจะอยากทำหรือเห็นว่าสมควรเพียงใด
ในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ผมไม่เชื่อว่ากฏหมายของประเทศไทย(หรือประเทศในโลกเสรีทั้งหลาย)อนุญาตให้มีการยิงคนร้ายซ้ำอย่างจงใจที่จะปลิดชีวิตทั้งๆที่คนร้ายไม่อยู่ในสภาพที่จะต่อสู้ตอบโต้ได้แล้ว(จากคลิปวีดีโอเป็นหลักฐานที่ชัดแจ้งต่อวิญญูชนในการที่จะเข้าใจสภาพหมดทางต่อสู้ของคนร้าย) ดังนั้นผมจึงเห็นว่ากรณีนี้ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ(นี่ยังไม่ต้องพูดถึงความเป็นไปได้ของการปิดปากตัดตอนไม่ให้ขยายผลไปสู่เบื้องหลังของการค้ายาซึ่งอาจมีเจ้าหน้าที่ประพฤติทุจริตคิดมิชอบเข้าไปมีส่วนหรือรู้เห็นเป็นใจหรือไม่)
ประเด็นที่สองคือเรื่องของความรู้สึก สำหรับผมก็เห็นไม่แตกต่างกับท่านอื่นที่ว่า "คนร้ายสมควรตาย" แต่ความตายนั้นควรเกิดจากกระบวนการที่ถูกต้องเช่น ถุกประหารชีวิตจากคำพิพากษาของศาลหรือเสียชีวิตจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ในลักษณะที่ไม่ใช่การจงใจจ่อยิงเข้าที่หัวอย่างไตร่ตรองหลังจากคนร้ายนอนแน่นิ่งไปแล้ว
บางท่านอาจโต้แย้งว่าหากปล่อยให้คนร้ายรายนี้มีชีวิตต่อไปเขาก็อาจจะไปติดคุกไม่นานหรือไม่โดนโทษประหาร สาสมกับความชั่วที่ได้ก่อไว้ ซึ่งผมเห็นว่าถ้ากรณีนั้นมันเกิดขึ้นจริงมันก็เป็นความผิดพลาดของกระบวนการยุติธรรมของบ้านเราที่ต้องได้รับการแก้ไขไม่ว่าจะเป้นการเพิ่มโทษหรือการบังคับใช้กฏหมาย ไม่ใช่จบด้วยการตัดสินประหารชีวิตเองโดยผู้ปฏิบัติการ ถ้าสังคมส่วนใหญ่ต้องการอย่างหลังก็ควรไปกดดันให้ออกเป็นกฏหมายให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ชั้นจับกุมไปเลย
สำหรับเหยื่อผู้เสียชีวิตและผู้เสียหายก็แน่นอนว่าเป็นที่สะเทิอนใจและเห็นใจอย่างมากต่อทุกคนที่รับรู้ และสังคมก็ต้องพยายามไม่ให้คดีเช่นนี้เกิดขึ้นมา คนร้ายก็ต้องได้รับการลงโทษอย่างสาสมถึงที่สุด(ด้วยโทษตายตกตามกัน)แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักการและกฏหมาย
สุดท้ายผมกลัวว่าหากคนส่วนใหญ่ยึดถือหรือนิยมในการใช้ความรู้สึกส่วนตัวขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมมากกว่าการใช้หลักการและเหตุผลปฏิบัติตามกฏหมาย สังคมก็คงต้องตัดสินกันด้วยกำลัง ทุกคนต้องมีอาวุธที่พร้อมจะตัดสินความขัดแย้งและปกป้องตนเองไม่อาจที่จะไว้ใจพึ่งพากฏหมายของบ้านเมืองได้อีกต่อไป