เจอแล้วมือยิงกัปตัน ตร.ยึดรถ ฟอร์จูนเนอร์โหด
พ่อค้าปลาตู้ชอบเล่นปืน สอบเมียแฉสิ้นนาทียิง ผลัดกันแซง-เปิดไฟสูง ก่อนเป?ดฉากสาดกระสุน
รถมือปืน- ตร.ตรวจสอบรถฟอร์ จูนเนอร์ ป้ายแดง ต้อง สงสัยเป็นรถคนร้ายที่ยิงร.ท.พูลวิทย์ เรือง เดช กัปตันการบิน ไทย ล่าสุดตร.เตรียมออกหมายจับพ่อค้าปลาตู้คนลั่นไกแล้ว
ตร.ประเวศเตรียมออกหมายจับมือปืนไล่ยิงกัปตันแล้ว เผยที่แท้เป็นพ่อค้าปลาตู้ชอบเล่นปืนกล็อก สืบจนรู้เรียกเมียมือยิงมาสอบ สารภาพวันยิงก็อยู่ในรถด้วย แฉเหตุชักปืนสาดกระสุนเพราะผลัดกันแซงเปิดไฟสูงส่องกัน รองผบก.น.4 แนะรีบเข้ามอบตัวสู้คดี จรัมพรตรวจรถหาปลอกกระสุนหลักฐานชัด
จากกรณี ร.ท.พูลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันเครื่องบินสายการบินไทย ถูกคนร้ายขับรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ไม่ทราบหมวดอักษรและเลขทะเบียน ไล่ยิงจนได้รับบาดเจ็บ บนทางพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์) กรุงเทพฯ-ชลบุรี สาเหตุเพียงเพราะการเปิดไฟกะพริบใส่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอไปนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. พ.ต.อ.อาณัต เกล็ดมณี รองผบก.น.4 เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวน สน. ประเวศ ไปสอบปากคําภรรยาผู้ต้องสงสัยรายนี้แล้ว เบื้องต้นให้การว่าสามีเป็นผู้ลงมือยิงรถของร.ท.พูลวิทย์จริง เนื่องจากบันดาลโทสะที่ถูกรถเก๋งคู่กรณีเปิดไฟสูงกะพริบใส่ สามีจึงลดกระจกลงแล้วยิงปืนออกไปทันที โดยไม่ทราบว่าถูกคนในรถเก๋งหรือไม่ จากนั้นรีบหลบหนีไป
รองผบก.น.4 เปิดเผยอีกว่า ภรรยาผู้ต้องสงสัยยังให้การว่า ก่อนเกิดเหตุไปซื้อเสื้อผ้าให้ลูกที่ตลาดตะวันนา ย่านลาดพร้าว โดยไปด้วยกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก และเดินทางกลับช่วงประมาณ 2 ทุ่มกว่า สำหรับนิสัยของสามีนั้นปกติเป็นคนใจเย็น ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร
พ.ต.อ.อาณัต กล่าวต่อว่า สําหรับผู้ต้องสงสัยรายนี้ไม่ได้เป็นทหารหรือตํารวจ แต่เป็นพ่อค้าขายปลาสวยงาม หรือปลาตู้ ซึ่งเป็นธุรกิจของภรรยา ทั้งนี้วันนี้ได้สั่งการทีมสืบสวนจัดกำลังไปเฝ้าตามบ้านญาติและคนรู้จักของผู้ต้องสงสัยแล้ว โดยเน้นย้ำให้ระมัดระวังเนื่องจากผู้ต้องสงสัยนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุติดตัวไปด้วย คาดว่าอีกไม่เกิน 1-2 วันนี้จะสามารถปิดคดีนี้ลงได้ และวันนี้จะให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องสงสัยรายนี้ด้วย
รองผบก.น.4 กล่าวด้วยว่า ในส่วนของรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง คันที่ใช้ก่อเหตุนั้น วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถคันดังกล่าวส่งกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เก็บรายละเอียดหลักฐานแล้ว ทราบว่าพบหลักฐานหัวกระสุนเพิ่มเติมอีก ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นปืนชนิดใด แต่กระสุนที่พบเป็นกระสุนยี่ห้อ พีอาร์มี่ ทั้งนี้ส่วนอีกคดีที่มีลักษณะคล้ายกันคือขับรถปาดหน้า โดยเกิดก่อนคดีนี้ในพื้นที่บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เวลาประมาณ 18.00 น. ของวันเดียวกัน วันนี้เจ้าหน้าที่สน. ประเวศจะประสานนําภาพ ถ่ายผู้ต้องสงสัย และรถใช้ก่อเหตุไปให้ทางฝ่ายผู้เสียหายที่บางปะกงดูว่าใช่รายเดียวกันหรือไม่
พ.ต.อ.อาณัตกล่าวด้วยว่า ในส่วนของอาวุธปืนที่ใช้ยิงร.ท.พูลวิทย์นั้น ขณะนี้ทราบว่าทางผู้ก่อเหตุพกติดตัวไปด้วยระหว่างหลบหนี ซึ่งจะต้องตามให้พบขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ายิงมาจากปืนชนิดใด ส่วนปลอกกระสุนปืนที่มีการประทับตราภาษาอังกฤษ 'รอยัล ไทย อาร์มี่' นั้นไม่จำเป็นว่าต้องเป็นกระสุนที่มีในความครอบครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างเดียว ประชาชนทั่วไปสามารถมีเก็บไว้ได้หากผู้นั้นเป็นสมาชิกของสนามยิงปืน ทั้งนี้ในส่วนของข้อหาหากจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาได้ คือ พยายามฆ่า
รอง ผบก.น.4 กล่าวยืนยันด้วยว่า เหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต่างกับคดีของโจ๊ก-จิ๊บ ไผ่เขียว ที่พัวพันในเรื่องยาเสพติดด้วย ส่วนคดีนี้จากการตรวจสอบเชิงลึกอย่างละเอียดจึงยืนยันได้ว่าไม่ใช่แน่นอน เนื่องจากทางภรรยาของผู้ก่อเหตุค่อนข้างมีฐานะ รถที่นำมาขับก็ยืมมาจากพี่ของภรรยา และไม่พบว่าพัวพันกับคดียาเสพติด อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้ก่อเหตุดังกล่าวรีบติดต่อเข้ามอบตัวสู้คดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะให้ความเป็นธรรมโดยว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้บัญชาการกองพิสูจน์หลักฐาน (ผบช.พฐ.) เปิดเผยภายหลังเดินทางมาตรวจสอบรถโตโยต้า ฟอร์ จูนเนอร์ สีขาว ป้ายแดง ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยว่าคนร้ายน่าจะใช้รถคันดังกล่าวนี้ไปก่อคดียิงร.ท.พูลวิทย์ บนถนนมอเตอร์เวย์จนได้รับบาดเจ็บ ว่า รถยนต์คันนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.4 ได้แกะรอยตามที่พยานให้การจนไปพบจอดอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้อายัดไว้แล้วนํามาตรวจหาคราบเขม่าดินปืน และหาหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้จากการตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบแผ่นป้ายทะเบียนเดิมถูกถอดออกแล้วนําป้ายรถคันอื่นมาสวมแทนในลักษณะเร่งรีบ ติดผิดติดถูก คือ นําป้ายที่ต้องติดไว้ด้านหน้าไปใส่ด้านหลังเแทน และป้ายดังกล่าวก็พบตัวแมลงติดอยู่เป็นจํานวนมาก นอกจากป้ายทะเบียนแล้วยังพบกันชนหน้าและไฟท้าย มีการปรับเปลี่ยนใหม่จากของเดิมเพื่อไม่ให้พยานจําได้ ส่วนร.ท.พูลวิทย์จดจำท่อไอเสีย และสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่ด้านหลังรถได้อย่างแม่นยำ
พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวต่อว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ส่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เดินปูพรมหาปลอกกระสุนปืนที่คาดว่าจะยังมีอยู่อีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้ตรวจสอบบริเวณหลักก.ม.ที่ 11 ตามที่พยานให้การ หลังจากใช้เวลาเดินปูพรมไม่นานนักเจ้าหน้าที่ได้พบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 ม.ม. เพิ่มเติม 1 ปลอก ซึ่งเป็นปลอกกระสุนแบบเดียวกับที่พบครั้งแรกบริเวณหลักก.ม.9 โดยก้นมีประทับตราภาษาอังกฤษ "รอยัล ไทย อาร์มี่" เหมือนกัน นอกจากนี้ยังได้ประสานแขวงการทางนํารถดูดฝุ่นมาดูดฝุ่นตามขอบทางด้านซ้ายมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่หลักก.ม.9-11 ด้วย เพื่อจะนําไปร่อนตะแกรง และใช้เครื่องตรวจหาวัตถุโลหะตรวจสอบว่ามีเศษของหัวกระสุนปืนอยู่อีกหรือไม่ สําหรับปลอกกระสุนปืนที่พบในแต่ละจุดห่างกันไม่มาก ซึ่งจากการตรวจสอบทางนิติวิทยา ศาสตร์พบว่าระยะการยิงนั้นยิงมาจากปืนกระบอกเดียวกัน
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ป้ายแดง คันที่ใช้ก่อเหตุนี้ เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายนันทพงษ์ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 26 ปี เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี ได้ยืมมาจากพี่ภรรยา ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา มีอาชีพค้าขาย โดยภรรยาคือ น.ส.ปิยะจินดา รุจิภานนท์ มีธุรกิจส่งปลาสวยงามหรือปลาตู้
หน้า 1
เจอแล้วมือยิงกัปตัน ตร.ยึดรถ ฟอร์จูนเนอร์โหด
พ่อค้าปลาตู้ชอบเล่นปืน สอบเมียแฉสิ้นนาทียิง ผลัดกันแซง-เปิดไฟสูง ก่อนเป?ดฉากสาดกระสุน
รถมือปืน- ตร.ตรวจสอบรถฟอร์ จูนเนอร์ ป้ายแดง ต้อง สงสัยเป็นรถคนร้ายที่ยิงร.ท.พูลวิทย์ เรือง เดช กัปตันการบิน ไทย ล่าสุดตร.เตรียมออกหมายจับพ่อค้าปลาตู้คนลั่นไกแล้ว
ตร.ประเวศเตรียมออกหมายจับมือปืนไล่ยิงกัปตันแล้ว เผยที่แท้เป็นพ่อค้าปลาตู้ชอบเล่นปืนกล็อก สืบจนรู้เรียกเมียมือยิงมาสอบ สารภาพวันยิงก็อยู่ในรถด้วย แฉเหตุชักปืนสาดกระสุนเพราะผลัดกันแซงเปิดไฟสูงส่องกัน รองผบก.น.4 แนะรีบเข้ามอบตัวสู้คดี จรัมพรตรวจรถหาปลอกกระสุนหลักฐานชัด
จากกรณี ร.ท.พูลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันเครื่องบินสายการบินไทย ถูกคนร้ายขับรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ไม่ทราบหมวดอักษรและเลขทะเบียน ไล่ยิงจนได้รับบาดเจ็บ บนทางพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์) กรุงเทพฯ-ชลบุรี สาเหตุเพียงเพราะการเปิดไฟกะพริบใส่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอไปนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. พ.ต.อ.อาณัต เกล็ดมณี รองผบก.น.4 เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวน สน. ประเวศ ไปสอบปากคําภรรยาผู้ต้องสงสัยรายนี้แล้ว เบื้องต้นให้การว่าสามีเป็นผู้ลงมือยิงรถของร.ท.พูลวิทย์จริง เนื่องจากบันดาลโทสะที่ถูกรถเก๋งคู่กรณีเปิดไฟสูงกะพริบใส่ สามีจึงลดกระจกลงแล้วยิงปืนออกไปทันที โดยไม่ทราบว่าถูกคนในรถเก๋งหรือไม่ จากนั้นรีบหลบหนีไป
รองผบก.น.4 เปิดเผยอีกว่า ภรรยาผู้ต้องสงสัยยังให้การว่า ก่อนเกิดเหตุไปซื้อเสื้อผ้าให้ลูกที่ตลาดตะวันนา ย่านลาดพร้าว โดยไปด้วยกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก และเดินทางกลับช่วงประมาณ 2 ทุ่มกว่า สำหรับนิสัยของสามีนั้นปกติเป็นคนใจเย็น ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร
พ.ต.อ.อาณัต กล่าวต่อว่า สําหรับผู้ต้องสงสัยรายนี้ไม่ได้เป็นทหารหรือตํารวจ แต่เป็นพ่อค้าขายปลาสวยงาม หรือปลาตู้ ซึ่งเป็นธุรกิจของภรรยา ทั้งนี้วันนี้ได้สั่งการทีมสืบสวนจัดกำลังไปเฝ้าตามบ้านญาติและคนรู้จักของผู้ต้องสงสัยแล้ว โดยเน้นย้ำให้ระมัดระวังเนื่องจากผู้ต้องสงสัยนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุติดตัวไปด้วย คาดว่าอีกไม่เกิน 1-2 วันนี้จะสามารถปิดคดีนี้ลงได้ และวันนี้จะให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องสงสัยรายนี้ด้วย
รองผบก.น.4 กล่าวด้วยว่า ในส่วนของรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง คันที่ใช้ก่อเหตุนั้น วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถคันดังกล่าวส่งกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เก็บรายละเอียดหลักฐานแล้ว ทราบว่าพบหลักฐานหัวกระสุนเพิ่มเติมอีก ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นปืนชนิดใด แต่กระสุนที่พบเป็นกระสุนยี่ห้อ พีอาร์มี่ ทั้งนี้ส่วนอีกคดีที่มีลักษณะคล้ายกันคือขับรถปาดหน้า โดยเกิดก่อนคดีนี้ในพื้นที่บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เวลาประมาณ 18.00 น. ของวันเดียวกัน วันนี้เจ้าหน้าที่สน. ประเวศจะประสานนําภาพ ถ่ายผู้ต้องสงสัย และรถใช้ก่อเหตุไปให้ทางฝ่ายผู้เสียหายที่บางปะกงดูว่าใช่รายเดียวกันหรือไม่
พ.ต.อ.อาณัตกล่าวด้วยว่า ในส่วนของอาวุธปืนที่ใช้ยิงร.ท.พูลวิทย์นั้น ขณะนี้ทราบว่าทางผู้ก่อเหตุพกติดตัวไปด้วยระหว่างหลบหนี ซึ่งจะต้องตามให้พบขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ายิงมาจากปืนชนิดใด ส่วนปลอกกระสุนปืนที่มีการประทับตราภาษาอังกฤษ 'รอยัล ไทย อาร์มี่' นั้นไม่จำเป็นว่าต้องเป็นกระสุนที่มีในความครอบครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างเดียว ประชาชนทั่วไปสามารถมีเก็บไว้ได้หากผู้นั้นเป็นสมาชิกของสนามยิงปืน ทั้งนี้ในส่วนของข้อหาหากจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาได้ คือ พยายามฆ่า
รอง ผบก.น.4 กล่าวยืนยันด้วยว่า เหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต่างกับคดีของโจ๊ก-จิ๊บ ไผ่เขียว ที่พัวพันในเรื่องยาเสพติดด้วย ส่วนคดีนี้จากการตรวจสอบเชิงลึกอย่างละเอียดจึงยืนยันได้ว่าไม่ใช่แน่นอน เนื่องจากทางภรรยาของผู้ก่อเหตุค่อนข้างมีฐานะ รถที่นำมาขับก็ยืมมาจากพี่ของภรรยา และไม่พบว่าพัวพันกับคดียาเสพติด อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้ก่อเหตุดังกล่าวรีบติดต่อเข้ามอบตัวสู้คดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะให้ความเป็นธรรมโดยว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้บัญชาการกองพิสูจน์หลักฐาน (ผบช.พฐ.) เปิดเผยภายหลังเดินทางมาตรวจสอบรถโตโยต้า ฟอร์ จูนเนอร์ สีขาว ป้ายแดง ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยว่าคนร้ายน่าจะใช้รถคันดังกล่าวนี้ไปก่อคดียิงร.ท.พูลวิทย์ บนถนนมอเตอร์เวย์จนได้รับบาดเจ็บ ว่า รถยนต์คันนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.4 ได้แกะรอยตามที่พยานให้การจนไปพบจอดอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้อายัดไว้แล้วนํามาตรวจหาคราบเขม่าดินปืน และหาหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้จากการตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบแผ่นป้ายทะเบียนเดิมถูกถอดออกแล้วนําป้ายรถคันอื่นมาสวมแทนในลักษณะเร่งรีบ ติดผิดติดถูก คือ นําป้ายที่ต้องติดไว้ด้านหน้าไปใส่ด้านหลังเแทน และป้ายดังกล่าวก็พบตัวแมลงติดอยู่เป็นจํานวนมาก นอกจากป้ายทะเบียนแล้วยังพบกันชนหน้าและไฟท้าย มีการปรับเปลี่ยนใหม่จากของเดิมเพื่อไม่ให้พยานจําได้ ส่วนร.ท.พูลวิทย์จดจำท่อไอเสีย และสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่ด้านหลังรถได้อย่างแม่นยำ
พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวต่อว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ส่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เดินปูพรมหาปลอกกระสุนปืนที่คาดว่าจะยังมีอยู่อีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้ตรวจสอบบริเวณหลักก.ม.ที่ 11 ตามที่พยานให้การ หลังจากใช้เวลาเดินปูพรมไม่นานนักเจ้าหน้าที่ได้พบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 ม.ม. เพิ่มเติม 1 ปลอก ซึ่งเป็นปลอกกระสุนแบบเดียวกับที่พบครั้งแรกบริเวณหลักก.ม.9 โดยก้นมีประทับตราภาษาอังกฤษ "รอยัล ไทย อาร์มี่" เหมือนกัน นอกจากนี้ยังได้ประสานแขวงการทางนํารถดูดฝุ่นมาดูดฝุ่นตามขอบทางด้านซ้ายมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่หลักก.ม.9-11 ด้วย เพื่อจะนําไปร่อนตะแกรง และใช้เครื่องตรวจหาวัตถุโลหะตรวจสอบว่ามีเศษของหัวกระสุนปืนอยู่อีกหรือไม่ สําหรับปลอกกระสุนปืนที่พบในแต่ละจุดห่างกันไม่มาก ซึ่งจากการตรวจสอบทางนิติวิทยา ศาสตร์พบว่าระยะการยิงนั้นยิงมาจากปืนกระบอกเดียวกัน
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ป้ายแดง คันที่ใช้ก่อเหตุนี้ เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายนันทพงษ์ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 26 ปี เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี ได้ยืมมาจากพี่ภรรยา ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา มีอาชีพค้าขาย โดยภรรยาคือ น.ส.ปิยะจินดา รุจิภานนท์ มีธุรกิจส่งปลาสวยงามหรือปลาตู้
หน้า 1
ตำรวจพบแล้วปลอกกระสุนขนาด 9 มม. ที่คนร้ายส่องยิงใส่รถกัปตันการบินไทยได้รับบาดเจ็บ สาเหตุเพียงเพราะเปิดไฟหน้ารถกะพริบใส่
เจ้า หน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ และตำรวจทางหลวง ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจหาปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่คนร้ายขับรถฟอร์จูนเนอร์ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน และใช้อาวุธปืนยิงใส่รถบีเอ็มดับเบิลยู ของเรืออากาศโทพูลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันสายการบินไทย ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ เหตุเกิดคืนวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา จากการเดินเท้าตรวจสอบอย่างละเอียด จึงพบปลอกกระสุนตกอยู่ริมถนน จึงเก็บมาตรวจสอบและเปรียบเทียบกับหัวกระสุนที่ฝังอยู่ในหัวไหล่ของคนเจ็บ
ส่วน การติดตามคนร้าย ขณะนี้ทีมสืบสวนได้ประสานบริษัทโตโยต้า แห่งประเทศไทย เพื่อหาข้อมูลการซื้อขายรถฟอร์จูนเนอร์ ของแต่ละศูนย์ รวมทั้งเต็นท์ขายรถต่าง ๆ เพื่อหาเบาะแสผู้ซื้อรถยนต์ยี่ห้อดังกล่าว นับถอยหลังไป 6 เดือน
สำหรับความคืบหน้าในคดีนี้ เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ เตรียมยื่นคำร้องขอศาลอาญาออกหมายจับคนร้ายก่อเหตุยิงกัปตันสายการบินไทยบน มอเตอร์เวย์
พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิด เผยว่า ไม่เกินเที่ยงวันพรุ่งนี้พนักงานสอบสวนจะขออำนาจศาลออกหมายจับคนร้ายที่ขับ รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ป้ายแดง ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ไล่ยิงเรือโทพูลวิทย์ เรืองเดช กัปตันสายการบินไทย บนถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพ - ชลบุรี ก่อนถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพียง 4 กิโลเมตร เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากตำรวจได้เรียกหญิงสาวไม่ทราบชื่อเจ้าของรถต้องสงสัยมาสอบปากคำ จนทราบว่าในวันเกิดเหตุน้องสาวและน้องเขยยืมรถไปใช้ ตำรวจจึงติดต่อไปยังน้องสาวเจ้าของรถมาสอบปากคำอีกคน
ล่าสุดรู้ตัวคน ร้ายแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี บอกได้แต่เพียงว่าอายุ 26 ปี เป็นชาว อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี และไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร รวมทั้งไม่ใช่คนมีสีอย่างแน่นอน ซึ่งจากการสอบปากคำ น.ส.ปิยะจินดา (ขอสงวนนามสกุล) ภรรยาของคนร้ายได้ให้การว่า ขณะเกิดเหตุได้นั่งรถไปกับสามีและลูกชายวัย 1 ขวบ แต่ก็นั่งหลับไปตลอดทางไม่เห็นเหตุการณ์ที่ชัดเจน ได้แต่บอกว่าทาง ร.ท.พูลวิทย์ เป็นคนเปิดไฟใส่รถก่อน ซึ่งตรงนั้นก็เป็นคำให้การของแต่ละฝ่าย
พ.ต.อ. อาณัติ กล่าวอีกว่า ภรรยาของคนร้าย
ยังได้ให้การอีกว่า สามีเป็นคนขี้โมโหและหงุดหงิดง่าย ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องการบันดาลโทสะเท่านั้นไม่มีสาเหตุอื่น ขณะนี้ตนได้ประสานไปยังทนายความของคนร้ายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะติดต่อขอเข้ามอบตัว ซึ่งทางฝ่ายสืบสวนก็กำลังลงพื้นที่ เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว
ผู้ สื่อข่าวถามว่าจะคล้ายกับคดีโจ๊ก-จิ๊บ ไผ่เขียว และพัวพันกับยาเสพติดด้วยหรือไม่ เนื่องจากลักษณะการก่อเหตุคล้ายกัน พ.ต.อ.อาณัติ กล่าวว่า ไม่ใช่แน่นอน เพราะทางภรรยาของคนร้าย ค่อนข้างมีฐานะ รถที่นำมาขับก็ยืมมาจากพี่ของภรรยา และเบื้องต้นยังไม่พบว่าพัวพันกับคดียาเสพติดแต่อย่างใด ซึ่งหากคนร้ายเข้ามอบตัว โอกาสที่จะได้รับการประกันตัวในชั้นศาลก็มีสูง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรม ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน แต่การกระทำดังกล่าว ถือว่าอุกอาจพอสมควร สาเหตุเล็กน้อยไม่น่าจะถึงกับต้องยิงกัน
ล่าสุดมีรายงานข่าวจาก ชุดสืบสวนแจ้งว่า สำหรับคนร้ายรายนี้คือ นายณัฐพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี โดยนามสกุลของนายนันทพงษ์ ยังไปพ้องกับคนดังอีกหลายคน แต่แหล่งข่าวแจ้งว่าอาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ เลยก็ได้
ตกลงเป็นคนขี้โมโห หรือใจเย็นเนี่ย

จากแหล่งข่าว
http://news.sanook.com/995193-%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.html