เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 23, 2025, 01:49:30 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: >>> การศึกษาไทย...ทำไม? ต้อง " กวดวิชา " <<<  (อ่าน 6820 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #15 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 08:17:40 PM »

มันน่าจะมีปัญหาที่หลักสูตรเอง   ตอนเรียนก็ทำได้แต่ตอนสอบไปหาที่ไหนมาให้สอบก็ไม่รู้  

จริงครับ

นอกจากนั้นผมว่า พิธีกรรม  อันเลอะเทอะ  มีมากเกินไป   จนมีเวลาสอนจริงไม่พอ    ( ไม่เกียวกะวัฒนธรรมอันดีงาม  นะครับ )  ครูก็เจ้ายศเจ้าอย่างเกินไป  กว่าจะเข้าเนื้อหาได้ ก็ "กู๊ด มอนิ่ง ทีเชอร์ "  ทั้งกราบ ทั้งคำนับ  อยู่นั้นแหละ

เดินขบวนเดินพาเหรด  มีบ่อยเกินไป  โดยไม่คิดเรื่องนั้นว่ามีเกี่ยวข้องกะเด็กวัยนั้นหรือไม่    แถวภาคอีสาน ธุรกิจให้เช่าชุดเดินพาเหรด  กลายเป็นธุรกิจที่รายได้ดีไปแล้ว    แล้วสมาธิเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่ มีกิจกรรมที่หนึ่ง สมาธิเรื่องการเรียนเสียไปสัปดาห์หนึ่งแล้ว

ในขณะที่กิจกรรมเพื่อสังคมจริงๆ  ทางโรงเรียนกลับทำตัวแปลกแยกกะชุมชมรอบข้างครับ  ไม่เคยพาเด็กไปศึกษาสิ่งรอบตัวเลย  วาดภาพแต่ในหอคอยงาช้างอยู่นั้นแหละ  

แล้วเวลาสอน ก็บอกเด็กแต่ว่า "ตั้งใจเรียน เรียนสูงๆ แล้วจะได้ทำงานสบาย"  จนเด็กที่เรียนจบออกมามันเลือกงาน   ทั้งที่น่าจะบอกว่า

 "การงานทุกอย่างกว่าที่จะประสพความสำเร็จต้องผ่านการอดทนมาทั้งนั้น  การที่มีการศึกษาดีกว่าย่อมทำให้การประกอบกิจการใดสะดวกขึ้น ส่งเสริมพัฒนาขึ้นไปได้ง่ายขึ้น "   มากกว่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 04, 2011, 02:21:15 AM โดย โทน73 -รักในหลวง- » บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
*****

คะแนน 534
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6303


If you heard my shot. You were not the target.


« ตอบ #16 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 10:10:30 PM »

"กวด" คือ การไล่ตามให้ทัน.............

   ...เมื่อมันไม่ทันก็ต้อง "กวด" 
     เราฝึกให้ "กวด" ตอนเราละอ่อน เพื่อจะได้ความรู้ "เป็นตุเป็นตะ"  เพื่อความสำเร็จในชีวิต คือไปเป็น "ตะกวด" นั่งในสภา.......   ยี๊ แลบลิ้น
บันทึกการเข้า

Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #17 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 10:12:34 PM »

"กวด" คือ การไล่ตามให้ทัน.............

   ...เมื่อมันไม่ทันก็ต้อง "กวด" 
     เราฝึกให้ "กวด" ตอนเราละอ่อน เพื่อจะได้ความรู้ "เป็นตุเป็นตะ"  เพื่อความสำเร็จในชีวิต คือไปเป็น "ตะกวด" นั่งในสภา.......   ยี๊ แลบลิ้น
สงสัยจะจริงอย่างว่า
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
แสนสุข
Hero Member
*****

คะแนน 171
ออฟไลน์

กระทู้: 1291



« ตอบ #18 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2011, 09:58:22 AM »

สังคมป้จจุบันการมีแข่งขันสูง สอบเข้าเรียนก็คัดที่เรียนเก่งกว่า  ทำงานก็คัดคนที่เก่งกว่า  ไม่เห็นคัดคนที่มีความดีมากกว่าสักที Winkลูกๆผมภรรยาจับเรียนพิเศษจนหัวหมุนเสาร์อาทิตย์ไม่เคยได้หยุดวิ่งเล่นอยู่บ้านเลย Grin
บันทึกการเข้า

wiched
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 137
ออฟไลน์

กระทู้: 811



« ตอบ #19 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2011, 11:02:26 AM »

น่าสงสารเด็กสมัยนี้จังเลย
บันทึกการเข้า
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2011, 09:11:31 PM »

ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ เด็กนักเรียนทุกวันนี้ ถูกฝังหัวให้นิยมกระแสประชานิยมมากๆ เห็นได้จากช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา รูปหาเสียงของประชาธิปัตย์ นายกอภิสิทธิ์โดนทุบ โดนฉีกอยู่ทุกวัน โดยฝีมือนักเรียนอนุบาล - มัธยม ครับ เห็นแล้วก็อเน็จอนาถใจ เศร้า
บันทึกการเข้า
J_D
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 82
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 952



« ตอบ #21 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2011, 01:36:44 PM »

เห้นกระทู้นี้มาหลายวันวันนี้นี้ขอตอบหน่อยแล้วกัน  ::014:

ผมอยู่ในรุ่นที่ กวดวิชาเริ่มเฟื่องฟู  และมีการเปลี่ยนแปลงการรับการสอบต่างๆหลายอย่างล้วนมาอยู่ในรุ่นผมทั้งสิ้น  

ย้อนกลับไปตอนผมเข้าม.1 เมื่อ 17 ปีก่อน  เป็นปีแรกๆที่กระทรวงให้รับเด็กในเขตคือใกล้โรงเรียน 60% ยัดเงิน 10 หรือ 5 % ประมาณนี้  ที่เหลือสอบเข้า  ผมเข้าเทพศิรินทร์ในส่วนเด็กสอบเข้าเพราะบ้านไกล  โรงเรียนที่ผมเข้ามีคุณภาพระดับต้นๆของประเทศ    แต่รุ่นผมต่างจากรุ่นพี่คือมีการรับเด็กใกล้บ้านเดินเข้าเลย  แน่นอนคุณภาพพื้นฐานเด็กไม่ดีมีกว่าเด็กเก่งเพราะคัดเด็กได้ไม่มากนัก  และเพิ่มจากห้องละ 40 คนเป็น 60 คนเพราะกระทรวงเปิดโอกาศให้รับเด็กยัดได้โรงเรียนก็จัดเต็ม  เรียกว่าโต๊ะแน่นเวลาเข้าออกต้องปีนเก้าอี้กันทุกคาบ  บางระดับไม่มีห้องประจำต้องแบกกระเป๋าเดินเรียนเอา  

คราวนี้เมื่อเด็กเยอะขึ้นและคุณภาพแย่ลงบรรยากาศในห้องมันก็แย่  อาจารย์คนเดิมตำราเล่มเดิมแต่ไม่สามารถสอนได้เทียบเท่ารุ่นพี่ได้  เวลาส่วนใหญ่ในคาบหมดไปกับการฟาดคนทำงานไม่เสร็จ ด่าคนคุยกัน  พาหมด ม.1 ทางโรงเรียนเห็นว่าเด็กรุ่นผมอ่อนลงมาก   จึงได้เปิดสอนพิเศษเพิ่มในวันเสาร์เก็บเงินพอเป็นพิธี   เพื่อจะให้เด็กที่ตั้งใจเรียนมาเรียนเพิ่มในบรรยากาศที่อาจารย์ให้ได้เต็มที่  ส่วนหนึ่งก็ไปเรียน รร. กวดวิชาตามสยาม  เพราะในห้องเรียนให้ได้ไม่พอ  ปัญหานี้เกิดกับโรงเรียนดังทุกโรงเรียน  นี่เป็นจุดเริ่มยุคกวดวิชาเฟื่องฟู  เรียนพิเศษวันเดียวได้เท่ากับเรียนในห้องทั้งสัปดาห์  ในขณะที่รุ่นพี่ไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้เพราะเรียนในห้องก็แข็งพอแล้ว

ข้ามมาตอนม.ปลาย   กระทรวงศึกษาก็ออกมุขใหม่ไฉไล ควายเซนเตอร์  ในยุคบุกเบิกซึ่งผู้บริหารโรงเรียนยังไม่เข้าใจมากนักว่ามันคืออะไร  คราวนี้สนุกเลยเพราะทุกอย่างไปทำรายงานเอาเองแล้วมาส่ง อาจารย์ไม่ค่อยสอน   คะแนนเก็บมาจากการตรวจสมุดจดงานลายมือไม่ดี จดแบบเข้าใจคนเดียวอาจารย์อ่านไม่ออกก็ไม่ได้คะแนน  เวลาเรียนไม่ค่อยได้สอน  เวลาอ่านเองก็ไม่มีต้องทำรายงานรายสัปดาห์ทุกวิชา   รุ่นผมหนีไปเรียนพิเศษคอสเอ็นรวบ 4-5-6 กันเพียบ  แล้วมันแตกต่างชัดเจนระหว่างเด็กที่เรียนพิเศษมากับที่ไม่ได้เรียน   นี่คือยุคกวดวิชาร้อยล้านของแท้  จบวิศวะจุฬาออกมาเปิดกวดวิชาเทอมเดียวได้เป็นล้าน  คราวนี้พอคุณภาพมันต่างกันมากประกอบกับรุ่นผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่จะใช้ gpa-pr 10% เด็กหลายคนรวมทั้งผมด้วยก็เลือกที่จะทิ้งโรงเรียน งานทำพอส่งได้  หวังเข้ามหาลัยด้วยคะแนนสอบ  กลับบ้านมาซื้อหนังสือติวอ่านเองเป็นแบบนี้ตลอดตอน ม.6

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้การศึกษาไทยชิบหายอยู่ตรงนี้  ผู้ใหญ่ในวงการคึกษารู้ตัวแล้วว่าคุณภาพโรงเรียนต่ำลงใน 6-7 ปีที่ผ่านมาเด็กเก่งส่วนหนึ่งกลายเป็นเก่งเพราะเรียนพิเศษ  ก็ชักแม่น้ำยกนู่นลากนี่มาโทษติวเตอร์ว่า สอนแต่ทางลัดบ้าง  สอนไม่ละเอียดบ้าง  ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำบ้าง  โทษแต่คนอื่นไม่เคยโทษตัวเอง    

โจทย์ของเค้าคือกระชากความสำคัญของโรงเรียนกลับขึ้นมาไม่ใช่พัฒนาคุณภาพให้ดีเหมือนเดิม   โอกาศมาถึงพอดีเมื่อน้องอึ่งอ่างลูกท่านแม้วซึ่งเรียนไม่ค่อยจะเก่งแต่เกรดดี  + กับ รมต. ศึกษาชื่อ อดิศัย  โพธรามิก จัดหนักทันทีเพิ่ม gpa ในการเข้ามหาลัยทันทีเพื่อแก้ปัญหาเด็กกวดวิชาและเพิ่มความสำคัญในห้องเรียน    เรื่องจริงในยุคผมคือถ้าเด็กเกรด 3 กว่าเท่ากันซึ่งห้องนึงจะมีไม่กี่คนหรอก โรงเรียนระดับหัวแถวจะทำข้อสอบเอ็นได้ประมาณ 70-80%  ระดับกลาง  50% ระดับลาง 30 % การสอบเอ็นมันเป็นมาตรวัดที่ผู้ใหญ่บางคนไม่ชอบเพราะมันเห็นคุณภาพของแต่ละโรงเรียนชัดเจน  

คราวนี้พอใช้เกรด รร. ก็ปล่อยเกรดสังคมเราเป็นสังคมอุปถัมป์เรื่องแบบนี้มันของตาย  เด็กจบม.ปลายมา 3 กว่าหมดคะแนนสอบมาคิด% น้อยลงพอหารออกมามันก็ดูดีกว่า  ลามไปถึงเด็กมหาลัยคุณภาพต่ำลงอีก   เด็กต้องสนใจงานในห้องมากขึ้นเรียนแบบซุปเปอร์แมนต้องเก่งทุกวิชา  แต่ถ้าจะเอาเนื้อไม่เอาน้ำก็ต้องไปเรียนพิเศษหรือหาเอานอกห้องเรียนอยู่ดี  เพราะปัญหาจริงไม่ได้ถูกแก้  รุ่นน้องผมจบไปเป็นอาจารย์โรงเรียนประจำจังหวัดที่ตัวเองเคยเรียน   บอกเด็ก ม.5 บางคน คูณหารเศษส่วนไม่เป็น  และส่วนใหญ่ทำรายงานจากหนังสือไม่เป็นต้องตัดแปะเอาจากกูเกิล   น้องผมลูกอาก็เหมือนกันห่างกันผม 10 ปีเรียนที่เดียวกับผมอาจารย์ก็คนที่สอนผมแต่เกรด 3 กว่าทั้งห้อง  รวมกล่มมาให้ผมไปติวให้ตอนสอบเอ็นความรู้เท่าหางอึ่งทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง....ถ้าอยู่รุ่นผมบางคนอ่อนกว่าเด็ก 1 กว่าด้วยซ้ำ  ถ้าคุณภาพในห้องเรียนไม่เพิ่มขึ้น เรียนพิเศษมันก็อยู่คู่การศึกษาไทยไปตลอดแหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2011, 03:29:03 PM โดย J_D » บันทึกการเข้า




ชาติ         = บึง
คนในชาติ = ปลาในบึง

ปลามาแล้วก็ไปแต่บึงอยู่มาก่อนและต้องอยู่ต่อไป  บึงสำคัญกับปลาทุกตัวและสำคัญกว่าปลาทุกตัว  อย่างเอาแต่กินแล้วก็ขี้ใส่บึงอย่างเดียว
การ์ตูน รักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 379
ออฟไลน์

กระทู้: 1493



« ตอบ #22 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2011, 02:35:32 PM »

เริ่มจากครูก่อน สอบที่ไหนไม่ได้เลยไปเรียน......เพื่อจะมาเป็นครู
เด็กหน้าห้องเยอะแย่งกันประจบประแจงครู........เด็กหลังห้องอย่าง
เราเลยต้องไปเรียนพิเศษกับครูที่ไม่ได้จบครู  คิก คิก งง งง  เศร้า
บันทึกการเข้า
รักปืน-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -68
ออฟไลน์

กระทู้: 1992


« ตอบ #23 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2011, 03:45:23 PM »

ผมว่ามันเป็นค่านิยมที่ติดมาตั้งแต่สมัยที่ยังมีการเอนทรานซ์อยู๋นะครับ... สมัยนั้นวัดกันด้วยการสอบครั้งเดียว... ถ้าใครไม่ไปติว... โอกาสน้อยมากที่จะสอบติด...

...ปัจจุบัน... โรงเรียนบางแห่ง... และบุคลากรบางคน... สอนในโรงเรียนก็สอนแบบขอไปที... แต่ถ้าสอนพิเศษข้างนอก... สอนกันเต็มที่... ทำให้ผลการเรียนของเด็กที่เรียนพิเศษในวิชานั้นๆ สูงกว่านักเรียนที่ไม่ได้เรียนกวดวิชา... เมื่อเด็กบางคนมีผลการเรียนดีขึ้น... นักเรียนอื่นๆ ก็จะมีการถามเคล็ดลับ... และสังคมของการแข่งขัน... เด็กๆ ก็จะทำให้เด็กคนอื่นๆ แห่ตามกันไป...

...หลานสาวผมสองคน... เป็นลูกของอา... คนโตผมเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ คนเล็กก็สนิทกัน... ตอนนี้เรียนโรงเรียนสตรีที่มีชื่อเสียงในโคราช... ต้องเรียนพิเศษ แทบไม่มีเวลาพักผ่อน... จะไม่ให้เรียน... ก็ไม่ยอม... เพราะกลัวจะเรียนไม่ทันเพื่อนๆ วันๆ เจอหน้าพ่อกับแม่ก็เฉพาะตอนตื่นนอนกับตอนไปรับกลับบ้าน... เสาร์-อาทิตย์ไม่มีการหยุดพัก... จนเดี๋ยวนี้ชักจะมีปัญหาในการสื่อสารกับพ่อแม่... มีอยู่ครั้งหนึ่ง...พ่อกับแม่เขาจะพาไปเยี่ยมญาติแล้วถือโอกาสพาไปเที่ยวพักผ่อนสมองด้วย... ตอนแรกจะไม่ไป... พ่อกับแม่พยายามพูดยังไงก็ไม่ไป... สุดท้ายแม่เขาบอกให้ผมโทรไปหา... ผมเลยบอกว่า... อยากให้ไปเที่ยวด้วยกัน...ถ้าไม่ไปพี่เสียใจแย่เลย... สุดท้ายก็ยอมไป... ยังดีที่ยังฟังผมบ้าง...

...แต่การเรียนพิเศษนั้น... บางครั้งบางทีก็มีประโชยน์มาก... หากไม่เรียนเกินพอดี... เช่น... ตอนเรียน ม.๓ ผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของผมตกต่ำมาก... ผมเลยต้องไปกระตุ้นตัวเอง... ได้ผล... ผลการเรียนในวิชานี้ดีขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ(ของพ่อกับแม่) ผมมาลองนึกๆ ดู... หากตอนนั้นผมไม่ได้เรียนพิเศษ... ชีวิตผมก็คงเปลี่ยนไปอีกทางหนึ่ง... Grin Grin Grin

...การเรียนพิเศษผมไม่ได้ต่อต้าน... แต่ที่ผมต่อต้านคือ... มีคนที่ได้ชื่อว่า "ครู" บางคน... หากเด็กไปเรียนพิเศษด้วย... ก็จะถ่ายทอดเต็มที่... ผลการเรียนที่ออกมาก็การันตีได้... เพราะคนสอนพิเศษเป็นคนให้คะแนน... แต่ถ้าใครที่ไม่ไปเรียน... จะด้วยเหตุผลใดๆ ก็แล้วแต่... นักเรียนคนนั้นจะไม่มีโอกาสได้คะแนนดีๆ พูดง่ายๆ คือ ... หมดสิทธิ์ได้เกรด ๔ ครับ... โรงเรียนที่หลนผมเรียนก็เช่นกัน... ไหว้

...ถ้าถามว่า... การเรียนพิเศษนี่มีประโยชน์ไหม... ผมและหลายๆ ท่านตอบได้ทันทีว่ามี... แต่การเรียนพิเศษแบบเอาเป็นเอาตาย... ผมคิดว่ามีโทษมากกว่ามีคุณครับ... ไหว้



!+  ขอบคุณครับที่เอาความจริงบางส่วนมาบอก  ครูสอนพิเศษ แถวบ้านก็เหมือนกันครับ  รับสอนภาคค่ำ สอนดีมากๆ เด็กๆเข้าใจดี แต่สอนในโรงเรียน
เด็กบอกว่าเป็นคนล่ะคนกันเลย  แสดงว่าครูกั้กความรู้ใช่ไหมครับ

ถ้าถามว่า... การเรียนพิเศษนี่มีประโยชน์ไหม... ผมและหลายๆ ท่านตอบได้ทันทีว่ามี... แต่การเรียนพิเศษแบบเอาเป็นเอาตาย... ผมคิดว่ามีโทษมากกว่ามีคุณครับ.

ตึงหลายสายพินขาดครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
deang
Sr. Member
****

คะแนน 71
ออฟไลน์

กระทู้: 858


....


เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2011, 04:53:58 PM »

ข้อความโดย: การ์ตูน
เริ่มจากครูก่อน สอบที่ไหนไม่ได้เลยไปเรียน......เพื่อจะมาเป็นครู

ก็ไม่รู้เหมือนกัน 
เป็นครูมา 30 ปีแล้ว
รู้แต่สมัยก่อน 14 ตุลา ...
ผู้เรียนสายครูโดยมากคนจน ๆ จะไปเรียนครู เพราะ จบมศ 3 เรียน 2 ปี ได้ ป กศ บรรจุเป็น ขรก ครูได้
ทำงาน 4 ปี ลาเรียน ต่อ ป กศ สูง  ได้เงินเดือนด้วย
กลับมาทำงาน 3 4 ปี ก็ลาเรียน ปริญญาตรี โท  เอก
มันเป็นสูตร..

ปัจจุบัน tutor มือดี ๆ มักจะจบวิศวะ (ต้อง จุฬา) แถมท้ายด้วย ดีกรีเคยเป็นตัวแทน โอลิมปิก วิชาการ
อย่างเช่น   อรรณพ sup k พี่เซ้ง  พี่โหนง พี่ปาลม์  ...

แล้วครูธรรมดา ๆ ตาม รร จะเหลือ อะไร
อย่างไรก็ยัง ด้อยกว่า คนเหล่านี้ อีกหลายขุม..

แต่การกวดวิชาเหมือน กินยาโด้ป มันจะแรงเฉพาะตอนแข่งขัน
หลังจากนั้นก็จะแผ่ว หาย
มีจำนวนมากที่เก่งตอนสอบเข้า  เรียนต่อ  ๆ ไป ก็งั้น ๆ
หลายคนที่เรียนด้วยตัวเอง พอเข้ามหวิทยาลัย ก็พัฒนาความสามารถการเรียนรู้ได้ดีกว่า
เพราะสร้างวิธีคิดวิธีเรียนด้วยตนเองมาโดยตลอด

ท่านไม่ส่งลูกเข้ากวดวิชา  ก็ไม่เป็นไร เพราะที่นั่งในมหาลัย ยุคนี้มีเหลือเฟือ ..
ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้เรียน
บันทึกการเข้า

FBook   prasop tongtawat
Ultraman Taro #รักในหลวง#
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 195
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1624



« ตอบ #25 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2011, 05:08:06 PM »

ขอตอบแบบนักศึกษาเลยนะครับ สมัยนี้ กวดวิชาเพื่อ เอาคะแนนสอบ ไม่ว่าจะเป็นสอบในชั้นเรียน หรือสอบเข้าเรียนต่อ
ผมมาจากสายอาชีวะ ก็ไม่ได้เรียนพิเศษมา มีแค่ติวก่อนแอดมิชชั่นนิดหน่อย
เพื่อนๆของผมตอนนี้ มาจากสายสามัญทั้งหมด ถามดู ไม่มีใคร ไม่เคย ไม่เรียนพิเศษ
บันทึกการเข้า

"อย่าแก่เพราะกินข้าว อย่าเฒ่าเพราะอยู่นาน" 
โบราณว่า อย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา ใจเย็นเข้าไว้
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2011, 05:41:30 PM »

พูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมก็เป็นเพราะว่า ครู(บางคน)ไม่ใช่ครู หลักสูตร(บางหลักสูตร)ไม่ใช่หลักสูตร บ้าน(บางบ้าน)ไม่ใช่บ้าน ระบบ(บางระบบ)ไม่ใช่ระบบ จึงทำให้เป็นเช่นนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2011, 05:43:35 PM โดย babor » บันทึกการเข้า
lamzyday15
Newbie
*

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 1


เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: มกราคม 25, 2012, 03:55:34 PM »

ผมว่าก็เป็นข้อดีนะครับ เยาะเย้ย
บันทึกการเข้า

kratingtone1
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #28 เมื่อ: มกราคม 25, 2012, 04:04:06 PM »

ข้อความโดย: การ์ตูน
เริ่มจากครูก่อน สอบที่ไหนไม่ได้เลยไปเรียน......เพื่อจะมาเป็นครู

ก็ไม่รู้เหมือนกัน 
เป็นครูมา 30 ปีแล้ว
รู้แต่สมัยก่อน 14 ตุลา ...
ผู้เรียนสายครูโดยมากคนจน ๆ จะไปเรียนครู เพราะ จบมศ 3 เรียน 2 ปี ได้ ป กศ บรรจุเป็น ขรก ครูได้
ทำงาน 4 ปี ลาเรียน ต่อ ป กศ สูง  ได้เงินเดือนด้วย
กลับมาทำงาน 3 4 ปี ก็ลาเรียน ปริญญาตรี โท  เอก
มันเป็นสูตร..

ปัจจุบัน tutor มือดี ๆ มักจะจบวิศวะ (ต้อง จุฬา) แถมท้ายด้วย ดีกรีเคยเป็นตัวแทน โอลิมปิก วิชาการ
อย่างเช่น   อรรณพ sup k พี่เซ้ง  พี่โหนง พี่ปาลม์  ...

แล้วครูธรรมดา ๆ ตาม รร จะเหลือ อะไร
อย่างไรก็ยัง ด้อยกว่า คนเหล่านี้ อีกหลายขุม..

แต่การกวดวิชาเหมือน กินยาโด้ป มันจะแรงเฉพาะตอนแข่งขัน
หลังจากนั้นก็จะแผ่ว หาย
มีจำนวนมากที่เก่งตอนสอบเข้า  เรียนต่อ  ๆ ไป ก็งั้น ๆ
หลายคนที่เรียนด้วยตัวเอง พอเข้ามหวิทยาลัย ก็พัฒนาความสามารถการเรียนรู้ได้ดีกว่า
เพราะสร้างวิธีคิดวิธีเรียนด้วยตนเองมาโดยตลอด

ท่านไม่ส่งลูกเข้ากวดวิชา  ก็ไม่เป็นไร เพราะที่นั่งในมหาลัย ยุคนี้มีเหลือเฟือ ..
ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้เรียน

บันทึกการเข้า
วุธ อุดร -รักในหลวง~
เชื่อเขา เราเจริญ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 198
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2896



« ตอบ #29 เมื่อ: มกราคม 28, 2012, 01:02:36 PM »

ขอประทานโทษนะครับ สรุปว่า นักเรียนโง่..ครูโง่..หรือผู้ใหญ่ในบ้านเมืองโง่ครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

ลูกต้นแม่น้ำเจ้าพระยา  มาติดปลาร้าอยู่อุดร
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.115 วินาที กับ 21 คำสั่ง