ขอบคุณพี่อ๋องสำหรับข้อติง และขอบคุณคุณCT_Pro4สำหรับความเห็นเพิ่มเติมครับ

ข้อความนี้ผมเห็นว่าเป็นมุมมองซนๆที่เข้าท่าดี เลยก็อปมาจากFwdเมล์มาแบ่งๆกันอ่าน

จากข้อมูลเอกสารที่ได้เจอ บ.ฟอร์ดกระโดดออกมาบอกว่ารถของตนใช้แก็สโซฮอลล์ได้ ทันทีที่รัฐฯประกาศอุ้มแก็สโซฮอลล์(โดยเฉพาะรุ่นEscape)
แต่เรื่องนึงที่ผมไม่เชื่อ คือไม่เชื่อเป็นอันขาดว่าจะสามารถ"ใช้ได้กับรถทุกรุ่น"ที่คนไทยส่วนนิยมใช้กันอยู่โดยไม่มีผลเสียข้างเคียง
.....ถ้าไม่ได้รับการปรับแต่งที่ถูกต้อง.....
การรณรงค์ให้คนไทยหันมาใช้แก็สโซฮอล์อาจมีส่วนช่วยในการลดปัญหาทางด้านพลังงานลงไปได้บ้าง แต่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องพยายามให้ข้อมูลมากกว่านี้ เปิดเผยและบริสุทธิ์ใจกว่านี้.......ประชาชนควรได้รับทราบข้อดี-ข้อเสียและข้อจำกัดของสารพัดเรื่องที่กำลังถูกยัดเยียดสิครับ
****สลับเป็นหมี่เหลืองผัดซิอิ๊วมามั่งก็ได้นะครับ......อย่าลืมขอน้ำตาล+พริกป่นมาด้วยนะ

****
...ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอแสดงความคิดเห็นอีกซักเล็กน้อยครับ...
1. การใช้น้ำมัน Gasohol E10 กับรถยนต์หลายรุ่นตาม List ที่ประกาศโดยบริษัทรถยนต์ค่ายต่างๆ หรือตามที่ทาง TAIA ประกาศนั้น คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ว่า
"คุณภาพน้ำมัน Gasohol" ที่เติม ณ สถานีน้ำมันของยี่ห้อไหนก็ตาม คุณภาพของน้ำมันจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด (ด้วยความเคารพ ผมค่อนข้างเชื่อว่าระบบการควบคุมคุณภาพน้ำมันของสถานีบริการน้ำมันรวมถึงบทลงโทษสำหรับผู้กระทำความผิดในบ้านเราค่อนข้างจะหย่อนยาน น้ำมันที่ออกจากหน้าโรงกลั่นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ขบวนการการขนส่ง การจัดเก็บของแต่ละสถานี รวมถึงระบบการตรวจสอบควบคุมคุณภาพที่หละหลวม อาจจะทำให้คุณภาพน้ำมันนั้นเปลี่ยนไปจากเดิมได้)
2. อ้างถึงผลการทดลองที่ทางปตท. ชี้แจงออกมานั้น ผมค่อนข้างเชื่อว่าเป็นไปตามนั้นจริง แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า
2.1 กลุ่มตัวอย่าง (รถที่ใช้ทำการทดสอบ) เป็นกลุ่มรถที่ใช้เครื่องยนต์ที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของมาตรฐาน EURO 2 หรือเทียบเท่า ในขณะที่เรากำลังพูดถึงมาตรฐาน EURO 4 และ มาตรฐาน EURO 5 หรือเทียบเท่ากันแล้วในอุตสาหกรรมรถยนต์
2.2 การทดสอบเป็นเพียงการทำ Primary test ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างขาดความละเอียดของข้อมูลที่ได้ เป็นเพียงการวัดผลค่าที่เกิดขึ้นใน set ของการทดลองที่กำหนดโดยปตท. เอง ซึ่งถ้าจะดูถึงผลกระทบของน้ำมัน Gasohol รวมถึงประสิทธิภาพกันจริงๆ แล้ว ผมว่าการทดสอบจาก Lab ของ ปตท. ค่อนข้างหยาบเกินไป ถ้าจะทำการทดสอบในเรื่องนี้กันจริงๆ จังๆ จะต้องทำ Lab Test กันอย่างละเอียด มีการ set ค่า หรือ parameters ในการทดสอบที่มากกว่าที่เป็นอยู่ เช่น โหลดของเครื่องยนต์ที่ต่างกัน การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมของการทดลองหรือทดสอบ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น เป็นต้น นอกจากนั้นจะต้องมีการวัดค่าการสึกหรอของชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องทุกชิ้น โดยแยกส่วนมาเช็คค่าแล้วจึงหาค่าเฉลี่ยทางสถิติ ซึ่งการทดลองประเภทนี้จะกระทำกันในทุกๆ บริษัทรถยนต์ ค่าใช้จ่ายในการทำการทดสอบและทดลองนั้นมหาศาลต่อหนึ่งการทดลอง ในประเทศไทยผมยังไม่เคยเห็น Lab ไหนที่ทำกันขนาดนี้ เพราะค่าใช้จ่ายสูงมากๆ ลองนึกถึงว่ากว่าค่ายรถยนต์ค่ายหนึ่งจะแนะนำเครื่องยนต์ออกมาซักรุ่นหนึ่ง เค้าจะใช้เงินลงทุนในการทำการทดสอบเครื่องยนต์ขนาดไหน
...ผมยอมรับว่าการใช้ gasohol เป็นนโยบาลรัฐที่ทุกบริษัทรถยนต์ต้องปฏิบัติตาม แต่ผมอยากให้มีกระบวนการในการให้ความรู้และข้อมูลข่าวสาร
ที่แท้จริงกับผู้บริโภคที่ดีและมากกว่านี้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น ผู้บริโภคก็จะมองว่ารถยนต์มีปัญหาก่อน แต่หารู้ไม่ว่าปัญหาที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไร ระบบการตรวจสอบก็ไม่ชัดเจน ข้อมูลที่พวกเราได้รับกันนั้น มีเพียงด้านเดียว เหมือนกับที่หลายๆ คนในส่วนของภาครัฐ พยายามควบคุมให้ข้อมูลทุกๆ เรื่องเป็นไปอย่างที่เขาต้องการไงครับ...
