เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
สิงหาคม 22, 2025, 05:29:31 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 ... 12
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ)  (อ่าน 37896 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #60 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 05:21:20 PM »

เชื่อว่าพี่ Ro@d ต้องมีเรื่องเล่าอีกเจ้าค่ะ Smiley

 Grin ต้องไปเจอตัวเป็น ๆ ของพี่โรด แล้วจะได้ฟังอีกเยอะเลยเจ้าค่ะ Grin
บันทึกการเข้า

Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #61 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 05:53:07 PM »

                                  .......................เกิดมาทำไม................
    "จุดกำเนิด"ภารกิจของเราคือการเรียนรู้ เราเวียนว่ายตายเกิดจนกว่าเราจะเรียนรู้บทเรียนของเราและสำเร็จจริงๆ วัฏฏะแห่งชีวิต ยามอยู่ภพโลกเราเติมโตหลายขั้น ตั้งแต่เด็กจนแก่แต่เรายังโตไปเรื่อยๆๆแม้เราจะอยู่ในโลกของวิญาณ เพราะจะต้องผ่านการฟื้นฟูวิญญาณใหม่ การเรียนรู้ใหม่ การตัดสินใจว่าเมื่อไหร่อยากกลับมา กลับมาที่ไหน เหตุผลใด ถ้าไม่อยากกลับมาเกิดก็ยังเป็นวิญาณแต่ก็เรียนรู้เช่นกัน จิตของเราเป็นอมตะ ร่างกายเป็นเพียงพาหนะเราเลือกมาเกิดกับพ่อแม่เราเองเพราะมีปฏิสัมพันธ์กันมาหลายชาติแล้ว หลังจากเราตาย เราจะได้ทบทวนบทเรียนทั้งหมด และวางแผนชีวิตชาติต่อไป

ระดับเรียนรู้ เราต้องทบทวนชีวิตหลายชาติของเราเอง เราจะเจอทุกเหตุการณ์อีกครั้ง ทุกการพบเจอ ทุกๆๆสายสัมพันธ์ เราจะรู้ถึงอารมณ์ของคนที่เราช่วยเขาหรือทำร้ายเขา ที่เคยรักหรือเคยเกลียดชัง เราจะรู้ชนิดที่ลึกสุดขั้วหัวใจ เราจะรู้ว่าอยู่บนโลกเราทำอะไรลงไปบ้าง เมื่อกลับชาติมาเกิดจะช่วยให้รู้ว่าทำไมความสัมพันธ์ถึงออกมาเป็นแบบนี้ เพราะส่งผลมาถึงปัจจุบันนั้นเอง จงให้ความรักเพราะความรักไหลสู่เราและจากเราทั้งสองหนคือทั้งการให้และการรับความรักด้วย การรู้ที่มาของชาติก่อนจะช่วยเยียวยาความสัมพันธ์ชาตินี้ได้บางคนกลัวที่แคบเพราะชาติก่อนเคยถูกฝังทั้งเป็นในสุสานการรักษาโดยการสะกดจิตระลึกชาติ เป็นการระลึกถึงความทรงจำที่ปวดร้าวแต่เราเก็บกดไว้จนลืมมันจะมาพร้อมกับการเยียวยา คือการระบายอารมณ์ที่ถูกอัดไว้ขุดขึ้นมาถึงจะรักษาได้อย่างสมบูรณ์

หลังจากที่ตายจะพบแสงสว่างที่สวยจับใจ ญาติมิตรที่เรารัก จะมาคอยรับเราในแสงนั้นเพื่อต้อนรับคนเดินทางที่ละสังขาร เราไม่มีวันตายเราเป็นอมตะ

   การกลับมาเกิด เราเลือกสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราและวางแผนไว้ก่อนเกิดในท้องแม่อีก ถ้าทำแท้งวิญญาณดวงเดิมก็ยังจะกลับมาเกิดกับท้องแม่เดิมอีกตลอดแผนชีวิต เราจะมีกลุ่มวิญาณคอยช่วยเหลือ นำทางคุ้มครองอยู่ข้างๆๆ พรหมลิขิตคือทางที่เราเลือกไว้แล้ว แต่เราก็มีจิตอิสระคือทางเลือกในการตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไปในการพบเจอ เราจะต้องเจอคนที่เราวางแผนจะเจอต้องจออุปสรรคและโอกาส แต่เราเลือกจะจัดการยังไงนั้นคือจิตอิสระการตัดสินใจของเรานั่นเอง เรามีหนี้ต้องชำระ หากชำระไม่หมดต้องนำติดตัวไปชาติหน้า เพื่อแก้ให้หมด กรรมคือโอกาสให้เราเรียนรู้ไม่ใช่การลงโทษ ให้ฝึกรักและอภัย แก้ไขสิ่งที่พลาด ทำความดีทดแทนคนที่เราทำผิดต่อเขาทำร้ายเขามาก่อนในอดีตเขาจะเลือกรักหรือเกียดเราทำร้ายเรา ไม่ใช่กรรมของเราแต่เกิดจากจิตอิสระเขาเลือกเอง

บางคนเลือกเกิดชีวิตเจอแต่เรื่องหนักหนาเพื่อเร่งให้พัฒนาจิตเร็วๆๆทุกข์เหลือเกินไม่ใช่การลงโทษแต่เป็นโอกาสเลือกเกิดสลับเชื้อชาติ เพศ ศาสนา สถานะเงินทองก็เพราะจะเรียนรู้ให้ครบทุกด้าน ต้องเจอทุกเรื่องให้ครบ บางคนเคยฆ่ากันมาก่อนแล้วมาเกิดเป็นแม่ลูกกัน เกิดเป็นคู่รักกัน ไม่จำเป็นต้องอาฆาตแค้นกันต่อไป มีแต่รักและอภัย เพราะเราไม่มีวันตาย ความตายเป็นแค่ละสังขารเท่านั้น เหมือนการเดินเข้าประตูไปแล้วกลับออกมาอีกครั้ง แต่ความรักเมตตาหักล้างกรรมได้ปลดวางความทุกข์ แค่เราเข้าใจบทเรียนก็ไม่จำเป็นทรมานอีกต่อไปแม้ว่าหนี้ยังชำระไม่ครบก็ตาม

สร้างสายสัมพันธ์ที่เปี่ยมรักในสภาวะเป็นคนเราต้องรู้ถึงความเจ็บปวด เมื่อเป็นวิญาณจะไม่มีความรู้สึกนี้ มีแต่ความสุขความชุ่มชื่นสมบูรณ์ ในร่างคนถึงจะมีประสบการณ์ความสัมพันธ์ได้ยิ่งอุปสรรคมากเรายิ่งเรียนรู้มากกว่า คุณอาจเลือกชีวิตลำบากเพื่อเร่งพัฒนาจิต คนที่ตายชาติที่แล้วเพราะขาดอากาศหายใจเช่นจมน้ำมักเป็นโรคหอบหืดในปัจุจบันเรียนรู้ความเมตตา ให้ทาน ศรัทธา ความหวัง อภัย เข้าใจผู้อื่นเข้าใจชีวิต ต้องรู้จักละนิสัยด้านลบ ความกลัว โกรธ เกลียด ก้าวร้าว โลภอยากได้อยากเป็น หยิ่งทะนง อารมณ์ดำกฤษา เห็นแก่ตัว อคติคนอื่น

ความรัก ไม่ตั้งข้อแม้ใดๆๆ ไม่ขอสิ่งใดตอบแทน ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังกังวลว่าจะได้อะไรกลับมา จะยื่นมือจำนวนมากล้นหรือน้อยนิด จำนวนคนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ จงปล่อยคำตอบให้ไหลออกมาจากหัวใจ เมื่อใดสงสัยเลือกหัวใจไว้ก่อน จงช่วยเหลือคู่ไปตลอดชีวิต สายสัมพันธ์จะมั่นคงก็มาจากปัจจุบันที่ทำด้วยความรักนี่แหละ เวลาพูดให้พูดเชิงบวก ไม่ติเตียน ไม่ตัดสินกัน ไม่เจตนาทำลายความรู้สึกคนอื่นหรือให้เสียหน้าเจ็บใจ อย่าพูดทำร้ายเอาชนะคะคาน จงตั้งใจฟังเขาพูด คำพูดส่งผลระยะยาว ไม่ลืมง่ายๆไม่มีวันลบล้างแผลที่เกิดจากคำพูดที่มาจากความโกรธและความชังได้เลย

   ดังนั้นคุณไม่ควรทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีแต่บั่นทอนทำลาย แม้ว่าคุณจะรักใครคนนั้นมากก็ตาม เพราะเขาอาจมีปัญหาส่วนตัวของเขา หรืออาจเป็นจิตอิสระที่เขาเลือกอย่างนั้น อย่ามองเขาสูงส่ง จงมองเขาเท่าเทียมเรามีบางคนภรรยานอกใจหลายครั้งและทิ้งเขาไป เขาเจ็บปวดเพราะถูกทรยศมาตลอด ความมั่นใจถูกทำลาย เขาไม่ยอมแต่งงานอีก กลัวถูกทรยศซ้ำ เขาคงทนไม่ไหวถ้าต้องเจ็บซ้ำอีกครั้งให้อภัยอดีตจบไปแล้ว เรียนรู้จากมันแล้วปล่อยมันไป สายสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงเสมอและมีชีวิตชีวาเสมอ
บันทึกการเข้า
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #62 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 05:55:52 PM »

   ความปิติสุขของชีวิตอารมณ์โกรธคือการป้องกันตัวเอง ไม่ให้เกิดความกลัวที่จะโดนล้อเลียนดูถูก กลัวเสียหน้า ที่สุดกลัวพ่ายแพ้ มักจะมีความเศร้าฝังอยู่ในความโกรธเสมอ แล้วยังเป็นเหตุให้หัวใจแตกสลายความรักล้นหัวใจมักไม่ค่อยโกรธคน เหมือนคู่รักสองคนอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งด้วยกัน ความเศร้าก็ไม่มี ด้วยความเข้าใจและด้วยรัก ความโกรธจึงมลาย การให้อภัยไม่ใช่หมายถึงลืม มันหมายถึงการเข้าใจต่างหากเงินเป็นกลาง เราทำอะไรกับเงินต่างหากนั่นแหละสำคัญ เงินกับความมั่นคงเป็นคนละอย่างกัน เราโดนภาพลวงตาของโลกสามมิติบังและการหลอกตัวเอง เราโดนสอนมาว่า เงิน อำนาจ ตำแหน่ง วัตถุ สิ่งมีชีวิตที่จับต้องได้เพื่อความสุขความสบาย มันสำคัญเสียจนเป็นเป้าหมายหลักของชีวิตแต่ที่จริง ความมั่นคงเกิดจากภายในใจเท่านั้นไม่ใช่ภายนอก และไม่ใช่ภาพที่ว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับเรา การอิจฉาคนอื่นมีแต่จะเป็นยาพิษกัดกร่อนดวงจิตเรา

เงินเป็นเรื่องทางโลก เพราะเอาเงินติดตัวไปไม่ได้เมื่อตายจากโลกนี้ไป เราไม่อาจเอาวัตถุใดๆๆติดตัวไปได้ สิ่งที่ติดตัวเราไปได้คือการกระทำว่าเราเคยประพฤติตัวอย่างไร เคยทำอะไรไว้บ้างเท่านั้น เราไม่ได้เดียวดายในโลกนี้ เพราะเรามีวิญญาณเปี่ยมด้วยความรักคอยคุ้มครองช่วยเหลือเราอยู่ จึงไม่ต้องกลัวอะไร

บางครั้งพ่อแม่ที่ให้กำเนิดไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง พวกเขาไม่รักไม่สนใจคุณ ผลักไสใจร้ายใจดำคุณไม่จำเป็นต้องยอมทนในบ้านที่ทำกับคุณเหมือนไม่ใช่คน การทารุณใครหรือทำอันตรายใครเกิดจากจิตอิสระที่ผู้ทำร้ายเลือกเอง ไม่ใช่คนคนนั้นสมควรโดน อย่ายอมให้ใครทำร้ายไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจคนรอบข้างที่ห่วงใยอย่างแท้จริง ให้ความรัก ให้เกียรติกัน เพื่อนเหล่านี้คือครอบครัวที่แท้จริงของคุณ

ใช้ความเข้าใจเยียวยาชีวิตเหตุพ้องจองและประสบการณ์เหมือนเคยเจอมาก่อน(deja vu) หมายถึง แผนที่เคยวางไว้กำลังมาบรรจบกับเส้นทางที่ใช่แล้วในการดำเนินชีวิตตลอดชาตินี้ เช่นพูดถึงคนนี้เขาก็บังเอิญโทรมาหา กำลังหาคำตอบบางเรื่อง ก็เจอป้ายโฆษณาบนทางด่วนบอกสิ่งที่อยากรู้พอดี ตามมาด้วยเปิดวิทยุเจออีก เปิดหนังสือนิตยสารก็เจอ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเหตุบังเอิญที่ต้องเกิดเพื่อบอกทางเรา จะปรากฏเกี่ยวกับสารนั้น 3ครั้งขึ้นไป เช่นฝันเห็นนกพิราบ เปิดทีวีเจอสารคดีนกพิราบ ขับรถเห็นป้ายโฆษณายี่ห้อนกพิราบ เป็นสัญญาณsignจากจักรวาลบอกถึงคุณ บอกทางตลอดชีวิตเรื่องสันติภาพ

ประสบการณ์เมื่อเราจำได้ ไม่ว่าจากความทรงจำจากอดีตชาติ ผ่านทางความฝัน เหตุบังเอิญ เหตุพ้องจอง ก็ให้เข้าใจเลิกกลัวได้เมื่อนั้น ตัดสินใจได้เลยอุปสรรคไม่ให้รักก็จะหายวับ ความรักจะไหลพรั่งพรูอยู่ภายในเรา(อันข้อพวกนี้เจ้าบ้านเคยเจอคล้ายแบบนี้บ่อย คิดว่าคนอื่นก็คงเคยเจอนะพวกพ้องจองทั้งหลายนี้) ความกลัวมักมาจากเรื่องเกิดสมัยเด็กๆหรือจากชาติปางก่อน เราจึงพุ่งกลัวนี้ไปสู่อนาคตแทน แต่ความจริงสิ่งที่กลัวมันจบไปแล้วเหตุผลที่เราจำอดีตชาติไม่ได้ เพราะการที่ต้องมาเรียนรู้การเป็นคนเป็นข้อสอบปฏิบัติ จึงต้องให้แน่ใจว่าความรู้มันฝังในจิตเราจริงๆๆ เพราะถ้าเราจำชาติที่โหดเหี้ยมได้ก่อนและกลัวผลที่ตามมาทีหลัง เท่ากับปิดโอกาสไม่ให้ได้เรียนรู้บทเรียนครบหมดจดจริงๆ


จงอยู่กับปัจจุบัน อดีตจบไปแล้ว เรียนรู้จากมันแล้วปล่อยมันไปเถอะ ส่วนอนาคตยังมาไม่ถึงเลย วางแผนได้แต่ไม่ต้องกลุ้ม การกลุ้มมีแต่บั่นทอนเวลาและพลังงานคุณโดยสูญเปล่า เราต้องอยู่กับ ณ เวลานี้เท่านั้น
บันทึกการเข้า
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #63 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 05:57:53 PM »

ตอนนี้ทางตะวันตกกำลังชื่นชมกับการสละเวลา ให้กับความสุขอย่างเรียบง่ายในแต่ละวันให้มากขึ้น เช่น การพักดื่มกาแฟหอมกรุ่นริมระเบียง จัดโต๊ะอาหารให้เจริญใจ ฟังเพลงขณะทำงาน อ่านหนังสือเล่มโปรด นั่งสมาธิ จัดห้องนอนให้น่าอยู่ เดินเล่นชมสวน เราจึงอร่อยกะรสชาได้ จมูกจึงหอมกลิ่นกรุ่นชาชื่นใจ ลิ้นได้รสชา มืออุ่นจากความร้อนถ้วยชา แต่หากมัวคิดเรื่องเมื่อวาน กังวลวันพรุ่งนี้ เมื่อก้มดูถ้วยชา พึ่งรู้ว่าเกลี้ยงไปแล้ว เราดื่มหมดแต่จำไม่ได้ ชีวิตก็เหมือนถ้วยชานั้นเองไม่มีวันเปลี่ยนความสุขล้นเพราะใครคนหนึ่งเปลี่ยนแปลง หรือเพราะโลกเปลี่ยนไป แต่เพราะตัวเราเองต่างหากที่เปลี่ยน คนคนหนึ่งอาจชี้ทางให้เราได้ บอกเทคนิควิธี ที่เหลือทั้งสิ้นอยู่ที่ตัวคุณเอง

ลำแสงสวยงามท่วมสวนสวย ความรู้สึกสันติสุขท่วมท้นสวนสวยในโลกมนุษย์เกิดได้ตลอดเวลา ทุกเมื่อที่เราอยากให้มี ทำให้สวนเกิดเดี๋ยวนี้ก็ได้ แค่เราเลือกจะให้เกิด เมื่อใจเปิดรับไม่มีทางจะปิดลง เพราะประสบการณ์นี้มันชื่นใจมากและทรงพลัง

   ด้วยรักและเมตตาการแก้กรรมจากการรัก เมื่อหัวใจเราท่วมท้นไปด้วยรักของเรา ก็ท่วมท้นสู่ห้วงหัวใจของผู้อื่น เท่ากับเราไปอยู่ในกระบวนการแก้กรรมแล้ว การหาสันติสุภายในด้วยลำพังไม่พอ ต้องยื่นมือช่วยเหลือแบ่งเบาทุกข์คนอื่นด้วย ช่วยประคองให้เขาเดินเส้นทาง

ชีวิตได้ รู้จักเห็นใจคนอื่น เมตตา ช่วยโดยไม่พะวงว่าเราจะได้อะไร เปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นเราไม่มีสิทธ์ตัดชีวิตคนให้จบก่อนที่พวกเขาจะใช้กรรมจนหมดสิ้น พวกเขาจะรับทุกข์จากผลเวรกรรมที่ทำไว้หนักกว่าเสียอีก ถ้าเราปล่อยให้เขาอยู่ต่อไป ถึงเวลาเขาตายไปสู่อีกมิติหนึ่ง จะได้รับทุกข์ที่นั่นเอง จะอยู่ในภาวะร้อนรุ่มไม่มีความสุข ไม่พบความสงบเลย แล้วถูกส่งกลับมาเกิด แต่ชีวิตชาตินี้จะตกระกำลำบากมาก จะต้องมาทำความดีชดใช้คืนคนที่เคยทำร้าย พวกเขาจะต้องได้รับโทษแน่นอน

จงพบแสงสว่างทุกสรรพสิ่งเกิดมาจากแสงสว่างทั้งสิ้นประสบการณ์ตายแล้วฟื้น เจอมาตลอดคือพบแสงสว่างที่แสนงดงามและแสนสบาย อบอุ่น เป็นการสัมผัสวูบหนึ่งเหนือภพโลก บางคนอาจพบแสงนี้จากการนั่งสมาธิ การสะกดจิต ในความฝัน ก็ได้ เมื่อคุณพบแสงสว่างนี้ เท่ากับจะพบความสงบสันติสุข ความสบายกายสบายใจ และความรัก

บันทึกการเข้า
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #64 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 05:59:42 PM »

ถ้าไปช่วยเหลือใครจะรู้สึกถึงความขอบคุณและความรักกลับมาหาตัวคุณ แต่ถ้าไปทำใครเจ็บ ไม่ว่าทางกายใจ จะได้รับรู้ความโกรธแค้นและความปวดร้าวของคนนั้นเช่นกัน เมื่อเรียนรู้หมดทุกบทเรียน สะสางหนี้ค้างหมดสิ้น เราจะได้รับโอกาสเลือก กลับมาเกิดเพื่อช่วยคน หรืออยู่อีกภพเหมือนเทวดาคอยช่วยเหลือแทน จงเปิดใจให้มากขึ้น สวดมนต์ให้มากขึ้น รู้จักให้ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น รู้จักรักให้มากขึ้นทุกวัน อาสาช่วยงานแสดงน้ำใจ ขจัดศักดิ์ศรี ความเห็นแก่ตัว โทสะ ความรู้สึกผิดไม่เลิกรา ความหลงตัวเอง ความทะเยอทะยาน สะสมสมบัติห้น้อยลง กลุ้มใจในอดีตและอนาคตให้น้อยลง หยุดทำร้ายคนอื่นจงพิจารณาว่าสิ่งนี้ช่วยกระตุ้นความรัก ความมีน้ำใจ ความสงบสุขหรือกระตุ้นความแตกแยก แบ่งพวก ความเกลียดชัง ความรุนแรงแทนสวรรค์อยู่ข้างในตัวเรานี่เอง

**รัก**เป็นพลังงานสูงสุดในจักรวาล แต่คนเข้าใจน้อยสุด เพราะเป็นเรื่องยากสุดรักที่ไม่มีเงื่อนไข และไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เพราะแค่ได้รักก็เป็นสุขอย่างยิ่งใหญ่ อิ่มเต็มในหัวใจแล้ว ไม่ตั้งเงื่อนไข ไม่คาดหวัง ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ไม่มี3ข้อนี้ในใจ ถ้ามีก็ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่"ถึงเธอจะเลวกับฉันอย่างไรก็ยังรัก" "ถ้าเธอรักฉันเธอต้อง....เธอต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ก่อนฉันถึงจะรัก ถ้าเธอไม่รักฉัน ฉันไม่รักเธอ แบบนี้ไม่ใช้ความรักแต่เป็นกิเลส ยึดมั่นถือมั่น หลายครั้งที่คนเป็นเนื้อคู่อาจตัดสินใจไม่แต่งงานกัน ได้พบเจอกัน อยู่ด้วยกัน จนภารกิจในการพบเจอเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นจึงแยกทางไปมีชีวิตใหม่เนื้อคู่ ไม่ได้หมายถึงคนเดียวในชีวิตเรา หากแต่มีหลายคน และหลายคนไม่ใช่เกิดมาเป็นคู่รักกันทุกชาติ แต่อาจเกิดเป็นพี่น้องกันในชาติก่อน เป็นเพื่อนในชาติถัดมาก็ได้

พรหมลิขิตจะทำงานเอง แต่จิตอิสระเลือกตัดสินใจด้วยตัวเรา ว่าจะทำยังไงกะการพบเจอ เรามิอาจเจอคู่แท้ของเราทุกวัน บางทีอาจได้เจอแค่คนสองคนแค่นั้นทั้งชีวิต คู่ที่ตื่นน้อยเลือกสมองด้วยความกลัวด้วยสังคม คู่ที่ตื่นมากตัดสินใจด้วยความรักเป็นที่ตั้ง เมื่อใดที่คู่รักทั้งสองต่างตื่นด้วยกัน ความสุขล้ำยากหาใด

จากหนังสือ สารรักจากสวรรค์ดร. ไบรอัน แอล ไวส์ เขียน ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาบำบัด ด้วยวิธีย้อนอดีตชาติบำบัดคนเขียนได้รับการถ่ายทอดมาจากคนไข้ที่สะกดจิตย้อนอดีต แคธรีน แต่เธอกลับจำไม่ได้สักอย่าง เพราะสารจากเบื้องบน ที่ส่งผ่านเธอ แต่ไม่ได้เกิดจากความทรงจำของเธอคนเขียนก่อนมาเป็นหมอจิตแพทย์ เพราะลูกชายตายแล้วเขาได้รับการติดต่อจากลูกชาย จากร่างทรงที่บราซิล "อดัม การที่เขาตายเป็นเหตุให้นำสันติสุขมาให้ในเรื่องงาน งานที่ช่วยได้ทุกที่ ข้ามไปอีกภพ ตอนนี้อยู่ช่วงยกระดับเปลี่ยนโลกให้สูงขึ้นกว่าเดิม ต่อไปงานจะขยายใหญ่โตอีกมากเลย"ร่างทรงบอกเขาและดร.ไวน์แกยังบอกว่ามีคนดังที่อ่านหนังสือเรื่องพวกนี้แกแล้วเข้าใจเช่นกลอเรีย เอสเตอฟาน ตอนเกือบพิการเพราะอุบัติเหตุทำให้ต่อสู้จนหาย ซิลเวสเตอร์ สตัลโลน และเจ้าหญิงไดอาน่าก่อนเสียชีวิตเพราะเชื่อว่าโดดี้ ฟาเย็ดคือคู่แท้และตัวเขาเองเลือกการตัดสินใจอยู่กับคนรักจนมีความสุข เพราะเขาตัดสินใจจากความรัก ที่เชื่อว่าเธอคือคู่แท้ของเขา



บันทึกการเข้า
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #65 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:01:47 PM »

   ดีเจ โจ้ มณฑานี ตันติสุขแปลแกเห็นสัจธรรมจากเรื่องนี้ตอนบ้านแกไฟไหม้นะคะแต่เมื่อไหร่ที่คุณ...ยังไม่เข้าใจ รู้สึกท้อแท้ ไม่รู้เกิดมาเพื่ออะไร ขาดกำลังใจ ห่างไกลความสุขแท้จริงมีคนบอกดวงแก้ไม่ได้ ชาตินี้คงไม่พบรักแท้ หรือไม่มีใครรัก คนรอบข้างมองโลกแง่ร้าย คุณคิดว่าเกิดหนเดียวตายหนเดียว เชื่อแต่ในสิ่งที่ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ปวดร้าวไม่อยากเจอคนที่เจอตอนนี้ หากเปลี่ยนชีวิตใหม่ได้จะไม่ทำสิ่งที่ผ่านมา และไม่เจอคนที่เจอมาแล้วเจ็บปวดอีก คิดฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าหมดทุกข์หากคิดดังเหล่านี้ เหมาะสมแล้วที่จะรู้ว่าทุกชีวิตล้วยเกิดมามีเป้าหมาย คือค้นหาเป้าหมายให้พบและบรรลุเป้านั้น

1 คนเลือกชะตาชีวิตตนเองมาก่อนเกิด เพื่อผ่านชีวิตที่เลือกมา เลิกโทษคนโทษดวง
2 วันเกิดตกฟาก คือโครงเลือกให้เหมาะกะบทเรียน แต่สามารถหักเหได้ด้วย จิตอิสระfreewillว่าจะทำอย่างไร ที่เลือกหลุดพ้นหรือหนีปัญหา
3 ทุกสิ่งในโลกมีเหตุผลของการเกิด ทุกอย่างที่ผ่านมา ทุกคนที่พบ ล้วนนำทางสู่การทดสอบ ต้องไม่เสียใจกับอดีตอีกแล้ว
4 คนเราไม่ได้เกิดชาติเดียว แก้กรรมเก่าสร้างกรรมดีใหม่การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออก แต่คือยอมพ่ายแพ้ แล้วต้องเจอสภาพเดิมอีกในชาติหน้า เพื่อซ้ำมาให้แก้ไขให้ได้
5 กฏแห่งกรรมไม่ใช่การลงโทษ ความดีหักล้างกรรมได้
6 เป้าหมายสูงสุดของชีวิตคือการรู้จักรักและให้อภัย เลิกไขว่คว้าหาสิ่งนอกกายมาเติมเต็มความวางเปล่าไร้จุดหมาย

Soul mate คือคนที่คุณรอมาตลอดชีวิตและเค้าก็รอคุณมาตลอดชีวิตเค้าเช่นกัน หากวันนี้คุณยังไม่เจอคนๆ นั้นทำความดีต่อไป แล้วเค้าจะเดินเข้ามาหาชีวิตคุณเอง เมื่อไรที่คุณพร้อมในทุกสิ่งทุกอย่างเค้าจะก้าวเข้ามาและจะไม่ก้าวจากคุณไป เป็นเรื่องดีที่สุด ที่จะรอ คนที่คุณต้องการ ดีกว่า ตัดสินใจไปกับใครสักคน ที่ว่างอยู่

เป็นเรื่องดีที่สุด ที่จะรอคนที่คุณรัก ดีกว่า ตัดสินใจไปกับใครสักคน ที่อยู่แถวนั้น เป็นเรื่องดีที่สุด ที่จะรอคนที่คุณคิดว่าใช่เลยเพราะชีวิตช่างแสนสั้น สำหรับเวลาที่สิ้นเปลืองไปกับคนที่ไม่ใช่เลย คงจะดี ถ้าได้เจอคนที่เขาจะรักคุณจริง ในภายหลัง เพราะมันย่อมดีกว่าการได้เจอคนที่เขาสัญญาว่าจะรักคุณแต่ไม่ช้าเขาก้อไป อย่าพยายามแสร้งทำให้คนอื่นประทับใจเพื่อที่เขาหรือเธอ จะได้มาหลงรักคุณ เพราะถ้าทำแบบนั้นคุณจะถูกตั้งความหวังไว้ว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้น ตลอดไป โชคชะตา...บอกถึงคนที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตเรา แต่หัวใจ...บอกถึงคนที่จะอยู่กับเราตลอดไป

บันทึกการเข้า
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #66 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:04:38 PM »

    วิธีดู soul mate คุณเชื่อไหม..เรื่องคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน เค้าพูดถึง soul mate เอาไว้ว่า.... "soul mate" จะเป็นเพื่อน เป็นคนรัก หรือเป็นคนรู้จักก็ได้ มีคุณสมบัติ คือเป็น

1. ต้องเคยใช้ชีวิตชาติปางก่อนมาด้วยกัน
2. ครั้งแรกที่พบกันในชาตินี้ ต้องรู้สึกทันทีว่าคุ้นมากๆๆๆๆ มีอะไรบางอย่างสื่อถึงกัน รู้สึกสบายใจและไว้วางใจในทันที
3. เมื่อมีปัญหาแตกร้าว ก็เข้าใจกัน แก้ไขได้ด้วยกันโดยง่าย

"soul mate" มิใช่ "เนื้อคู่" แต่เพียงอย่างเดียว มีถึง 3 แบบด้วยกัน
แบบที่ 1 เรียกว่า Companion Soul Mates คือคนที่เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นครูก็ได้ เป็นเจ้านายก็ได้ เป็นใครสักคน เป็นคนแปลกหน้าผ่านมาเวลารถเสียแล้วช่วยซ่อมให้ก็ได้ ไม่คิดตังค์ ไม่ล่อลวงไปข่มขืน หรือเป็นคนที่ได้พบปะพูดคุยด้วยไม่กี่ครั้ง หรือเพียงครั้งเดียว แต่เป็นแรงบันดาลใจส่งให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เป็นคนที่เราจะได้พบในช่วงสั้นๆ ในชีวิต เพราะชาติที่แล้วเราเคยช่วยเหลือกันมาก่อนในระยะเวลาจำกัด …แรงบันดาลใจ ฉันจะเป็นเหมือนเธอ จะทำให้ได้อย่างเธอ อย่างงี้หละ!

แบบที่ 2 เรียกว่า Twin Soul Mates คือคนที่เราเป็นเพื่อนกันมาหลายชาติแล้ว พอชาตินี้มาเจอกัน! อีกก็ได้เป็นเพื่อนกันอีก คล้ายๆ พวกที่1 แต่จะรู้สึกถึงมิตรภาพที่ผูกพันแนบแน่นกว่า แบบว่าสื่อถึงกันได้ทางโทรจิต คล้ายว่าเป็นฝาแฝดกันน่ะ พอได้รู้จักกันแล้วก็จะรับรู้ทุกข์สุขกันไปตลอดชีวิต ร่วมทุกข์ร่วมสุขประมาณว่า ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนไหนในโลก ก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าอีกคนกำลังรู้สึกอย่างไร จะเป็นคนที่ปลอบคุณเวลาที่คุณทำผิดพลาด คอยเช็ดน้ำตาให้คุณเมื่อทุกใจ เพื่อนตายก็ว่าได้เลย

แบบที่ 3 เรียกว่า A Twin Flame Soul Mates แบบนี้มีคนเดียว หายาก และพบยาก จะพบกันก็เพราะความผูกพันธ์ที่ผูกคุณและเค้าไว้ ส่วนมากจะเป็นเพศตรงข้าม ทั้งชีวิตนี้จะมีได้แค่คนเดียว เป็นคนที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายชาติภพแล้ว เป็นจิตวิญญาณของกันและกัน พอพบกันครั้งแรก จะเหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นเข้าหากัน ดั่งเหมือนมีมนต์ จะรู้สึกถูกชะตา รู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ จะรู้อยู่ลึกๆ ทันทีว่านี่คือคู่ของเรา ต้องเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน จะรู้สึกแบบนี้กับคนๆนี้คนเดียวเท่านั้น เป็นคนที่ได้ยินชื่อ พบกัน หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกันเค้าแล้วคุณรู้สึกอย่างนี้ จะเป็นความรู้สึกที่แปลก คุณจะรู้สึกได้( สำหรับคนที่เจอแล้วนะ)ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนใคร แตกต่างจากคนที่เรารู้จัก หรือคนธรรมดาทั่วๆไปที่ได้พบ ป.ล. แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ใช่ soul mateที่เกิดแต่ชาติปางก่อน นะจะ ห้ามมั่วนิ่ม! พวกที่เอะอะปิ๊ง เห็นเค้าน่ารักดี ก็บอกว่าใช่ รู้สึกดีๆ กับเค้าเพราะเหมือนคนที่เรารู้จัก คนที่เรารัก หรือเป็นตัวแทนของใคร เพราะได้ใกล้ชิดกัน กลายเป็นความผูกพันธ์ที่เกิดในชาตินี้ สงสาร(เธอจัง…มาจีบอยู่หลายปี)


** soul mate ที่จะพบกัน ไม่จำเป็นหรอกนะว่าจะเป็นคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน ขอแค่คุณให้ความรักกับคนรอบตัวคุณ คุณก็จะพบกับ soul mate ที่อยู่ในชาตินี้แล้วหละ ความผูกพันธ์อยู่ที่ตัวของคุณเองว่าจะสร้างมันขึ้นมายังไง** คุณเจอเค้าหรือยัง? หาให้เจอนะ.. soul mate


บันทึกการเข้า
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #67 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:06:19 PM »

    เดชาวู.....Deja vu กำลังทำสิ่งหนึ่งอยู่ แล้ว ต้องหยุดชะงักนิ่งไปชั่วอึดใจ ...เอ๊ะ!!!ดูราวกับเราเคยทำสิ่งนี้ ล่วงไปแล้วนี่ทำไมเราคุ้นเคยกับที่นี่ ทำไมเรา คาดคะเนได้ว่า เดี๋ยวเราจะพบอะไร เพราะจิตเราคุ้น และ เคยชินกับสิ่งนี้ๆมาแล้ว แต่ตอบตัวเองไม่ได้ว่า เมื่อไหร่?อาจไม่ใช่ ภพ ชาตินี้ อาจติด ตามเรามา ประสบการณ์ "เดชาวู" (Deja vu) จิตมนุษย์..สุดอัศจรรย์ "เอ๊ะ!เหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วนี่!เชื่อว่าทุกท่าน?คงจะเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน

คือบางครั้งทำอะไรเพลินๆอยู่ กลับมีความรู้สึกน่าพิศวงว่าเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่นั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้วแถมบางครั้งเรายังรู้ด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นอีก!เข้า ใจว่าภาษาไทยไม่มีคำเรียก เลยต้องขอใช้ศัพท์ฝรั่งไปก่อน คือเดชาวูมาจาก deja vu ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า"เคยเห็นมาก่อนแล้ว"เรื่องเดชาวู นักวิทยาศาสตร์จะว่าอย่างไรในเมื่อมันเกิดกับคนทั้งโลกไม่ว่า จะเป็นคนไทยคนจีนหรือฝรั่งหมอฝรั่งเขาทำวิจัยเอาไว้ พบว่าเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่มีประสบการณ์เดชาวูคือ 5ปีแต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดตอนช่วงอายุ 15-25ปี คุณหมอดร.Vernon Neppeผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเรื่องนี้ได้แบ่งประสบ การณ์ลักษณะนี้เป็นแบบย่อยๆได้ถึง 21 แบบ เช่น deja vecu (เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว)deja senti(เคย รู้สึกอย่างนี้มาแล้ว)และdeja visite(เคยมาสถานที่นี้มาแล้ว) แต่คำอธิบายแบบนี้ไม่สามารถอธิบายในกรณีรู้สึกถึงการดำเนินไปของเหตุการณ์ (ที่รู้สึกว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้ว)อันเป็นส่วนสำคัญของเดชาวูบาง ลักษณะได้ในปีค.ศ.1955 คุณหมอ Wilder Penfieldซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดสมอง ได้ทำการทดลองโดยใช้กระแสไฟฟ้า อ่อนๆกระตุ้นกลีบขมับของสมองของคนทั่วไปและพบว่าประมาณ 8% ของผู้ถูกทดลองเกิดมีความจำขึ้นมาได้ซึ่ง อาจเรียกว่าเป็นเดชาวูที่เกิดจากการกระตุ้น(artificially stimulate dejavu) ในปัจจุบันการ แพทย์สมัยใหม่จะอธิบายว่าเดชาวูมักจะเกิดกับคนที่เป็น โรคลมบ้าหมูเนื่องจากมีปัญหาที่สมองกลีบขมับ(temporall obeepilepsy)หรือมักจะเกิดภายหลังจากที่สมองกลีบขมับได้รับความเสียหายก่อนจากกันคุณลองเงยหน้ามองไปสำรวจรอบๆตัวดูสักนิดถ้าคุณรู้สึกว่าเคยอ่านบทความนี้มาก่อนโดยมีสภาพแวดล้อมคล้ายๆกันแบบนี้นี่ก็dejavuแน่ๆ เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้างเหมือนกันครับ อย่างเสียงเพลงเสียงดนตรี ที่เราเคยเล่นไปแล้ว ผู้รู้บอกว่าคลื่นเสียงดนตรียังคงอยู่ในจักรวาล วันดีคืนดีเราอาจจะได้ยินเสียงดนตรี ที่เคยมีคนบรรเลงมาแล้วให้เราได้ยินกันอีกเรื่องสถานที่ก็เช่นกัน มีหลายๆครั้ง ที่เวลาผมเดินทางไปต่างจังหวัด กับสถานที่บางแห่งผมมีความรู้สึกว่าคุ้นๆกับสถานที่เหล่านั้นมาก แต่ก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ บางครั้งคิดไปล่วงหน้า ว่าถ้าเดินไปอีกนิดจะเจอบ่อน้ำ อะไรทำนองนั้นแล้วมันก็เจอจริงๆ ทั้งๆที่เราไม่เคยไปที่แห่งนั้นมาก่อน เดจาวูมี2แบบคะ1. เกิดจากพลังจิตล่วงหน้าเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า2. เกิดจากคิดฝันเพ้อเจ้อไปเองและ สมองมีอาการผิดปรกติคนที่ชอบจดบันทึกไดอารี่จะมีประโยชนืมากเพราะสามารถยืนยันได้ว่า เราไม่ได้คิดไปเองแต่ฝันมานานแล้ว แล้วตอนนี้ก็เจอแบบที่ฝันจริงๆ
บันทึกการเข้า
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #68 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:08:08 PM »

ที่นาซ่า เขาทำการศึกษา เรื่องนี้ อย่างจริงจัง และสรุปไว้ เป็นแพทเทิร์นไว้ ใครที่เชื่อ แบบพุทธไว้ลอง เปิดใจ ฟังดู เพราะ ผลสรุป ก็ไม่ใช่แบบที่ คริสที่ เชื่อว่า เมื่อตายไปแล้ว เมื่อวันสุดท้ายที่ล้าง (Dooms Day))ทุกคนจะฟื้นขึ้นมาแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะตัดสินนาซ่าสรุป ว่า เมื่อทุกคนเกิดมา จะต้องเข้าเรียนชีวิต เป็นชั้นๆเหมือนเราไปโรงเรียน เริ่มจากอนุบาล ขึ้น ป1..ป2 ..ป3 ..ป4...ไปเรื่อยๆๆ และจะไปจบที่ ชั้นสูงสุด (เท่าใด จำไม่ได้ ประมาณ 15 ชั้น)เมื่อเราเกิดมา 1 ชาติ ก็คือ หนึ่งชั้นชีวิต

 เมื่อเรียน จบ และต้องขึ้นชั้นใหม่ เราจะถูกทดสอบโดย อะไรอย่างหนึ่งที่เหมือนเทวดา ประจำชั้น เขาจะให้เราทบทวนว่า ตลอดเวลา 1 ชั้นที่ผ่านมา มีสิ่งใด บ้าง และ ภายในเวลาไม่ถึงนาที เหตุการณ์ ของเราทั้งชีวิต เราจะเห็นย้อนหลังหมด และนั่นย่อมมีสิ่งที่ถูก และไม่ถูก เทวดาที่คุม จะบอกว่า สิ่งใดผิดสิ่งใดถูก ตามที่คุณ Zantha ถูกถามมานั่นแหละ เขาจะให้ เรามาสอบซ่อมใหม่ ถ้าผ่านก็จะเลื่อนชั้นขึ้นระดับสูงต่อไป จนกว่า จะ จบปริญญาชีวิต.(ปริญญาภพชาติ)..ซึ่งก็คล้ายหลักของ พุทธ ที่ต้อง มาเวียนว่ายตายเกิด..ก็เพียงเพื่อให้เข้าใจว่า ทุกข์ นั้นคือ อะไร และจะปลดทุกข์ได้อย่างไร...ที่เล่ามาให้ฟังเพราะเป็นแนววิทยาศาสตร์ที่ นาซ่าสรุปไว้

บันทึกการเข้า
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #69 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:09:56 PM »

  Soulmate: ...เรากำลังตามหาใครในช่วงชีวิตที่เหลือของเรานี้ ยิ่งถ้าเราเชื่อว่า คนนับล้านบนโลกนี้ จะมีเพียงคนเดียว ที่จะมาอยู่คู่กับเราได้ด้วยนั้น การตามหาคนเพียงคนเดียว ท่ามกลางคนมากมาย เราจะพบเขาหรือเธอ คนนั้นได้อย่างไรในความเป็นจริงแล้ว soulmate หรือที่แปลได้ความรวมๆ ในภาษาไทย ว่าเนื้อคู่นั้น ไม่ได้หมายถึงคนเพียงคนเดียว ที่จะมาเป็นคู่กับเรา อย่างที่เราเคยเข้าใจกันมา หากเรามีความเชื่อในเรื่องของภพชาติ และการกลับชาติมาเกิดแล้ว ความหมายที่แท้จริง สำหรับ soulmate คือ วิญญาณที่เคยร่วมกรรมกัน ในชาติที่ผ่านๆ มา และมาพบกันอีกครั้ง เพื่อชดใช้กรรมกันในชาตินี้นอกจากนี้ เนื้อคู่ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง ชาตินี้เราอาจพบเจอเนื้อคู่มากมาย แต่เขาอาจจะไม่ได้เกิดมา เพื่อเป็นคู่กับเรา หลายคนเกิดมา พร้อมกับความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ อาจจะเป็นเพื่อน หรือคนในครอบครัวก็ได้ สาเหตุที่เราไม่ได้เป็นคู่กับคนคนเดียวทุกๆ ชาติไป เป็นเพราะแต่ละชาติที่เราเกิดมานั้น เราจะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่ได้รับจากชาติที่ผ่านมา และเนื้อคู่แต่ละคน จะทำให้เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิต ที่ต่างๆ กันออกไป ดังนั้น ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องขวนขวาย และค้นหาว่าคนคนนั้นเป็นใคร และเขาหรือเธอคนนั้นอยู่ที่ไหน เพราะเมื่อถึงเวลา เขาจะมาเจอกับเราเอง เขาอาจจะกำลังเดินทางข้ามเวลา เพื่อมาพบกับเราอยู่ก็ได้ และหากว่าเขายังไม่มาสักที ก็จงรู้ไว้เถิดว่า หลายคนในโลกนี้เกิดมา เพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว.



  COPY มาให้อ่านครับ  ( ตาลายเลยตู   หัวเราะร่าน้ำตาริน   หัวเราะร่าน้ำตาริน   หัวเราะร่าน้ำตาริน  )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 01, 2005, 06:14:20 PM โดย Nattapol » บันทึกการเข้า
wolfman
ชาว อวป.
Jr. Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #70 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:16:53 PM »

เอาแต่อ่านมานานแต่เรื่องนี้ไม่ตอบคงไม่ได้ เพราะสงสัยมานานแล้วเหมือนกัน

ที่ผมเองมักจะเป็นอยู่บ่อย ๆ ก็คือความฝันครับ แบบประเภทที่ฝันไปสักพักแล้ว
มันก็เกิดขึ้นจริง ๆ (ไม่รู้ว่าจะเข้าข่าย Dejavu หรือเปล่านะครับ Huh)
ผมมักจะฝันถึงเรื่องต่าง ๆ แบบสั้น ๆ ประมาณ 3 - 5 วินาทีในชีวิตจริงอะไรประมาณ
เนี้ยครับ แล้วพอเวลาผ่านไป (ไม่สามารถกำหนดได้ บางครั้งก็ไม่กี่วัน บางครั้งก็เป็นปี)
เราก็จะไปเจอเหตุการณ์ตามที่ฝันจริง ๆ แบบเป๊ะ ๆ ด้วย
มันเลยทำให้ผมมีความเชื่อว่าชีวิตนี้ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้าแล้ว ชีวิตแบบที่ผมเชื่อเนี่ย
จะเป็นเหมือนกับขดสปริงน่ะครับ บางครั้งที่เราหลับวิญญาณเราอาจจะข้ามขั้นขึ้นไป
เห็นเหตุการณ์ในอนาคต พอเราตื่นชีวิตก็ดำเนินต่อไปตามปกติจนกระทั่งเราวนไป
จนถึงขั้นที่เราเคยฝันเห็น แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริง ๆ  Shocked

มีใครเป็นเหมือนผมบ้างไหมครับ... Huh
ไบก้อน.
บันทึกการเข้า
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #71 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:19:21 PM »

ผมรู้จักคำว่า Deja vu ครั้งแรกจากเพลงของ Aerosmith ครับ อิ อิ มีบางคนบอกว่าเกิดจากไฟลัดวงจรในสมองส่วนหน้า?

ผมได้ยินคำว่า Soulmate แล้วกลุ้มใจเพราะเคยเจอบางคนใช้นิยามนี้เป็น "ข้ออ้าง" เวลาตั้งใจไม่ใช้ความอดทนในการคบกัน หรือเวลาจะปิดกั้นคนที่มีคุณลักษณะ (Profile) ไม่ตรงตามต้องการ เช่น คนละศาสนา หรือคนละกลุ่มอาชีพ (กลุ้มใจเวลาเห็นคนใจแคบที่ "จ้อง" หาแฟนที่ "ต้อง" เป็นนักธุรกิจ หรือ "ต้อง" เป็นข้าราชการ)

ด้วยความเคารพ
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
แมวบ้า(น)
Sky is the limit, so do with it what you can
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 84
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15900


เช้าไดร์ฟ บ่ายชิพท์ เย็นพัตท์ สักวันเราจะเป็นโปร


« ตอบ #72 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:31:39 PM »

แต่ก่อนตอนเด็กๆผมเป็นคนที่กลัวผีมากๆๆแบบไร้เหตุผล และไม่เคยเชื่อเรื่องเกี่ยวกับ การระลึกชาติ จนมาอายุประมาณ 15 เริ่มนั่งสมาธิ (พอดีแม่บอกว่าถ้าท่องคาถาชินบัญชรได้จะให้พันนึง) ผมใช้เวลาอยู่สองวันก็ท่องได้และไปท่องให้แม่ฟัง ก้ได้ตังค์มาพันนึงสมใจ หลังจากนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้ผม ท่องทุกวัน และเข้าสมาธิด้วยการท่องชินบัญชร เวลาผ่านไปประมาณสองเดือน ผมท่องชินบัญชรไปเรื่อยๆจนเข้าสมาธิ ทุกอย่างเงียบและมีความสุขในความเงียบนั้นๆ อยู่ดีๆก็มีตัวเลขสามหลักโผล่เข้ามาในความมืดของสมาธิ ผมจึงออกจากสมาธิ และเดินไปที่โต๊ะเพื่อหากระดาษจด และก็ได้จดเอาไว้
พอตื่นเช้า วันนั้นเป็นวันก่อนหวยออก ผมไปตีสนุ๊กกับเพื่อนๆ และก็ได้บอกทุกคนว่า มีคนบอกว่างวดนี้เลขท้ายสามตัวจะออกแบบนี้ (ไม่กล้าบอกตรงๆว่ามองเห็นกลัวหาว่าบ้า) ก็ไม่มีใครเชื่อกลับบ้านวันนั้นก็เลยบอกแม่ว่าเมื่อคืนนั่งสมาธิแล้วเห็นเลขแบบนี้น๊ะ จดเอาไว้ที่โต๊ะน๊ะ ให้ลองเอาไปเล่นดู ท่าทีของแม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนผมนอนไปแล้วเพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปเรียน แม่ก็มาปลุกถามว่าเลขอะไรจดไว้ไหน ผมก็บอกว่าอยู่บนโต๊ะ แม่บอกว่าหาไม่เจอ บอกมาเลยละกัน ผมก็บอกไปแต่ด้วยความง่วงนอนทำให้บอกสลับตำแหน่งไป วันต่อมากลับจากเรียนแม่ก็บอกว่าน่าเสียดายน๊ะสลับนิดเดียวเอง ผมก็ถามว่ามันออกอะไรหละ แม่ก็บอกมา ผมก็บอกว่าก็เลขนี้หนิที่ให้ลองซื้อ แม่ก็บอกว่าไม่ใช่บอกมาอีกแบบนึง ผมเลยบอกว่าลองหาเศษกระดาษบนโต๊ะที่ผมจนดูสิ รับรองถูกต้อง ก็เลยไปหาด้วยกันและก็ตรงจริงๆ
หลังจากนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องเหนือธรรมชาติน๊ะมีจริง และนับจากนั้นก็เลยนั่งสมาธิเรื่อยมา พบเห็นสิ่งต่างๆอีกมากมายจากการเข้าสมาธิ เป็นสิ่งที่พูดไปก็ต้องถูกหาว่าบ้า และไม่เคยบอกเลขหวยกับใครอีกเลย ความกลัวผีหรือความตายก็ไม่มีอีกแล้ว และก็ศึกษาหนังสือเกี่ยวกับสมาธิและหลักพุทธศาสนาหลายเล่ม ผมเป็นคนไม่เชื่อในพิธีกรรม เพราะมีความเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นแค่พิธีกรรมที่สร้างขึ้นมาให้คนเชื่อถือเท่านั้น แต่หลักอันเป็นแก่นแท้นั้นก็คือ หลักธรรมของพระพุทธเจ้า
ปัจจุบันนี้รู้สึกเสียดายที่ความเหน็ดเหนื่อยต่างๆทำให้ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิเท่าไหร่ ทำให้การเข้าถึงสมาธินั้นยากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพี่ๆมีเวลาขอแนะเลยครับนั่งสมาธิครับ เหมือนกับโลกอีกโลกหนึ่งที่เข้าไปสัมผัสได้ไม่ยากเกินไป
บันทึกการเข้า

CrazyCat CrazyGlock CrazyDog ^v^
แมว 084-128-9257

V for Vendetta
Tonyman
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 59
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5846


Best Wishes and Many Fast "A's" to You.


เว็บไซต์
« ตอบ #73 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:43:02 PM »

สมัยผม เด็กๆ เมื่อหลายสิบปีก่อน คุณพ่อผมท่านเอาสร้อยประคำไปให้หลวงพ่อ อุตมะ (ไม่ทราบว่าสะกดถูกหรือเปล่านะครับ) ที่กาญจนบุรี ปลุกเสก เพื่อหาเงินเข้าการกุศล ซึงสมัยก่อนตอนเดินทางก็ลำบากมาก แล้วก็ไม่มีโทรศัพท์ติดต่อ คุณพ่อผมท่านจึงจุดธูปบอกคืนก่อนเดินทาง แล้วรุ่งขึ้นก็ออกเดินทาง กว่าจะไปถึงวัดก็เกือบค่ำ หลวงพ่อท่านก็นั่งรออยู่ บอกว่า นี่นั่งรออยู่ตั้งแต่เที่ยงแล้ว มีคนมานิมนต์ไปด่านเจดีย์สามองค์ก็ไม่ได้ไป เพราะว่ากลัวมาไม่เจอ

คุณพ่อผมท่านก็ขอให้หลวงพ่อท่านปลุกเสกให้ และบอกว่าขอให้ขลังที่สุดเลยนะหลวงพ่อนะ

ท่านก็ตอบว่าจะให้ลูกประคำแตกเลยหรือเปล่าล่ะ

สรุปคุณพ่อผมก็ฝากประคำกับหลวงพ่อท่านไว้แล้วแวะไปรับตอนออกพรรษา ซึ่งทำไว้เยอะพอสมควร
(จนปัจจุบันยังมีเก็บอยู่ที่บ้านผมเยอะมากเลยครับ) ก็เอาแจกจ่ายให้เพื่อนๆ พี่ๆ และผู้ที่อยากมีไว้เรื่อยๆ ครับ

เดี๋ยว Meeting คราวหน้าจะเอาไปฝากๆ กันนะครับ สำหรับท่านที่สนใจ Grin
บันทึกการเข้า

We can either find the way or make one.
Tiger wut
อาวุธประจำตัวคือ"ขวดนม"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 975
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15042


พี่ครับ พี่ครับ เสือมา


« ตอบ #74 เมื่อ: กันยายน 01, 2005, 06:52:35 PM »

   โอ้โห...ไม่อยู่บ้านวันเดียวกระทู้หลายหน้าจัง.... คนตั้งกระทู้ก็ยังไม่มาเล่า?...อิอิ
บันทึกการเข้า

รักดีกินถั่ว   รักชั่วกินเหล้า  รักทั้งดี -ทั้งชั่ว กินถั่วแกล้มเหล้า
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.132 วินาที กับ 18 คำสั่ง