บ้านเราเองเคยมีความคิดที่จะตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ ขนาด 600 MW มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 สถานที่เล็งไว้คือ ที่อ่าวไผ่ อ.ศรีราชา ชลบุรี
แต่เนื่องจากมีการค้นพบ แก็สในอ่าวไทยปี พ.ศ. 2521 โครงการนี้เลยถูกยกเลิกไปชั่วคราว หลังจากนั่นมีความพยายามที่จะดำเนินการต่อ
และในปี 2525 ยังมีการคัดเลือกสถานที่ไว้ถึง 4 แห่ง แถวประจวบฯ , ชุมพร และนครศรีฯ ตอนหลังต้องยกเลิก เพราะความหนาแน่นของประชากร
จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2550 มีมติคณะรัฐมนตรี ในการประชุม ครั้งที่ 4/2550 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550 ได้มีมติเห็นชอบ
แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2550 -2564 ( PDP 2007) ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
ซึ่งสาระสำคัญ คือการกำหนดทางเลือกให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ ตามลิงค์ข้างล่างนี้ หน้า 6
http://www.eppo.go.th/nuclear/handbook.pdf เครดิตลิงค์ข้างต้นนี้ ต้องขอขอบคุณ ..
" คุณ Jongrakn " ครับ (ถ้าจำไม่ผิด?น่ะครับ ) ...

ลองอ่านดูครับ 270 หน้า อ่านดูคร่าวๆแล้วจะเข้าใจในสิ่งที่หลายคนกังวล...
สำหรับปัญหาสำคัญสุดบ้านเราตอนนี้ ไม่ใช่เป็นปัญหาด้านการขาดแคลนพลังงานหรือความเหมาะสมด้านเศรษฐศาสตร์
แต่ปัญหาสำคัญที่สุดผมว่าอยู่ที่ การจัดการโดยเฉพาะวิสัยทัศน์ของ
"นักการเมือง" บ้านเรามากกว่าที่จะเข้าไปจัดการ
และบริหารความต่อเนื่องของแผนและโครงการดังกล่าวได้แค่ไหน? โดยส่วนตัวในอนาคตเทคโนโลยี่ด้านนิวเคลียร์
ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เป็นมาในอดีต โดยเฉพาะเมื่อทุกอย่างเข้าสู่โมดมาตรฐาน
เขียนไม่ทันจบ ไปเปิดวารสาร นโยบายพลังงาน ฉบับที่ 84 หน้า 63 มีการกล่าวอ้างสถานะการ์ณความต้องการพลังงานไฟฟ้า
มีการปรับปรุง แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2550 -2564 ( PDP 2007) จากอดีตจนกระทั่งปัจจุบันคือ
แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2550 -2564 ( PDP 2007 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 ) ซึ่งคณะรัฐมนตรี
ได้มีมติเห็นชอบแผนดังกล่าว เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2552 ให้ดำเนินตามแผนเฉพาะปี พ.ศ. 2552 -2558 เท่านั่น
หลังจากนั่นจะนำมาพิจารณาทบทวนกันอีกครั้ง คาดว่าน่าจะมีผลกระทบต่อ กพช.ด้วย
โดยปกติประเทศที่เจริญและก้าวหน้าแล้ว การใช้พลังงานโดยเฉพาะแก็สธรรมชาติ จะเป็นตัวเลือกตัวสุดท้าย แต่บ้านเรากลับตรงข้าม
นำแก็สมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าถึง เกือบ 70%จากปริมาณการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ สาเหตุเพราะว่า
แก็สธรรมชาติ "
ต้นทุนต่อการผลิตพลังงานต่อชั่วโมง" สูงกว่า "ถ่านหิน " และพลังงานนิวเคลียร์เสียอีก
ถึงแม้ว่าการสร้างโรงงานนิวเคลียร์สจะมีต้นสูงและการจัดการที่ซับซ้อนกว่า แต่เมื่อคิดโดยเฉลี่ยแล้ว
จากฐานการผลิตไฟฟ้า โรงงานไฟฟ้า พลังงานนิวเคลียร์จะมีต้นทุนต่อหน่วยถูกที่สุด
ถ้ามองอนาคตอันใกล้นี้ มีแนวโน้มว่าการการก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ น่าจะเป็นในรูปแบบและลักษณะแบบเดียวกัน
นั่นหมายถึงว่า เป็นมาตรฐานแบบเดียวกันทั่วโลก ซึ่งจะช่วยประหยัดและย่นระยะเวลาการก่อสร้างให้สั้นลง อีกทั้งยังง่ายในการ
จัดการอีกด้วย เช่น โรงงานที่ "คุณ Submachine " กล่าวถึง แต่ไม่แน่ใจว่าน่าจะใช่ ชื่อนี้หรือเปล่า...
"คาชิวาซากิ" ขนาดกำลังผลิต 1,300 เมกะวัตต์ สร้างโรงงานภายใน 4 ปี
ที่สำคัญมากกว่านั่นจากการประเมิน อายุการใช้งานที่ยังคงเหลืออยู่ น้ำมันและแก็ส ประเมินแล้วจะถึงรุ่นหลานเราหรือเปล่าไม่รู้?
แต่ถ่านหินยังคงมีเป็นร้อยกว่าเกือบสองร้อยปี ส่วนการที่เราสนับสนุนโครงการสร้างโรงงานพลังงานไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว
โดยดำเนินการก่อสร้างโดยเรา และมีสัญญาซื้อขายคงเป็นนโยบายอย่างหนึ่งในเรื่องพลังงานของประเทศเรามากกว่า
เมื่อคิดกับความคุ้มค่าในการลงทุนสำหรับในประเทศเอง คิดแล้วอยู่ที่ระดับ 4% จากทั้งหมด